เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 74 แผนของดอกบัวขาวน้อยพังยับเยิน
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 74 แผนของดอกบัวขาวน้อยพังยับเยิน
บทที่ 74 แผนของดอกบัวขาวน้อยพังยับเยิน
ดวงตาของเจียงเสวี่ยบวมเป่งจนบดบังการมองเห็นของเธอ
วันนี้เจียงหว่านจงใจตบหน้าเธออย่างไม่เบามือเลย
เธอตบตีอีกฝ่ายครั้งแล้วครั้งเล่า จนรู้สึกว่าเจ็บฝ่ามือ
ขณะที่กำลังเมามันกับการทุบตี เจียงเฉิงก็กลับเข้ามา
“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!”
เจียงเฉิงพุ่งไปด้านหน้าก่อนจะคว้าตัวเจียงหว่านเอาไว้
เจียงหว่านเองก็กำลังจะหยุดมือแล้วเหมือนกัน เพราะเธอเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว
เมื่อถูกห้ามเข้าพอดี เธอจึงถือโอกาสนี้หยุดมือ ยอมถอยออกไปสองสามก้าว ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“อะไรกัน น้องสาวขี้แพ้ พี่ชายเลยต้องเข้าห้ามทัพหรือไง!”
“ช่วยกลั่นแกล้งฉันแบบไม่ต้องให้ใครมาหนุนหลังได้ไหม?”
เจียงเฉิงรู้สึกละอายใจขึ้นมา
“เจียงหว่าน คุณจะพูดอะไรกันแน่ ถ้าคุณทำน้องผมบาดเจ็บ คุณจะต้องติดคุกนะ”
เจียงหว่านเย้ยหยัน “ฉันไม่สนหรอกว่าจะติดคุกไหม”
“เธอไม่แม้แต่จะให้ทางรอดกับฉันด้วยซ้ำ ฉันจะไปสนใจทำไมว่าต้องติดคุกหรือเปล่า?”
“เจียงเฉิง อย่าว่าฉันขู่เลยนะ ถ้าคุณคิดจะบีบคั้นฉันมาก ๆ ฉันก็จะบอกว่าน้องสาวของคุณสมรู้ร่วมคิดกับฉันด้วย! เชื่อไหมล่ะ!”
“แล้วก็ลืมเรื่องที่จะรอดคดีไปได้เลย ต่อให้คุณจะมียศเป็นนายพล คุณก็ไม่รอดอยู่ดี!”
ใบหน้าของเจียงเฉิงยิ่งบิดเบี้ยวมากขึ้น คราวนี้เขาโกรธจริง ๆ
เขาสูดลมหายใจเข้าระงับความโกรธ แล้วกล่าวออกมาด้วยความละอายใจ
“ถ้าน้องสาวของผมทำผิด ผมจะไม่ปกป้องเธอแน่นอน”
“ถ้าหากเธอทำผิดพลาด ก็ต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย ไม่ใช่มาถูกลงโทษโดยคนธรรมดาแบบคุณ! บ้านเมืองเรายังมีขื่อมีแปนะ”
“และต่อให้เจียงเสวี่ยคิดจะลงมือทำร้ายตัวเอง เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ ผมก็จะไม่มีวันยอมแน่นอน ต่อให้ผมต้องถอดชุดทหารก็ตาม!”
แน่นอนว่าเรื่องนี้สำคัญกับเจียงเฉิงมาก เขาไม่สามารถทนมองน้องสาวถูกทุบตีได้
เจียงหว่านเย้ยหยัน “พูดได้ดีนี่ คงไม่รู้ล่ะสิว่าน้องสาวของคุณทำอะไรไว้บ้าง?”
“ถ้าอยากรู้เหตุผล ฉันจะบอกเหตุผลให้ก็ได้”
“เฉียวเหลียนเฉิงกำลังจะหย่า พอใจหรือยัง!”
เจียงเฉิงพยักหน้า
เจียงหว่านกล่าวต่อ “แล้วเกิดอะไรขึ้นกับใบหย่าของเฉียวเหลียนเฉิง ใครเป็นคนนำมันไปส่ง!”
เจียงเฉิงตอบอย่างหนักแน่น “ผมเป็นคนเอาไปส่งเอง”
เจียงหว่านตะคอกด้วยสีหน้าเย็นชา “แล้วใครมอบมันให้คุณล่ะ? ก็น้องสาวของคุณไม่ใช่เหรอ?”
แม้เฉียวเหลียนเฉิงจะรู้ว่าเธอเป็นคนยัดมันใส่มือพี่ชาย แต่ตอนนี้เขาออกไปแล้ว ซึ่งเจียงเสวี่ยก็มั่นใจว่าพี่ชายจะต้องเข้าข้างเธอแน่นอน
เธอตัดสินใจที่จะไม่ยอมรับเรื่องนี้ เพื่อยั่วโมโหเจียงหว่าน
เจียงเสวี่ยกล่าวอย่างมั่นใจ “พี่เฉียวเป็นคนมอบให้พี่ชายของฉัน ถ้าเขาไม่ฟ้องหย่าด้วยตัวเองแล้วใครจะทำแทนได้?”
เจียงหว่านหันมองหญิงสาว ก่อนจะหันไปหาเจียงเฉิง
“บอกฉันสิว่าใครมอบมันให้คุณ? เฉียวเหลียนเฉิงจริง ๆ เหรอ?”
“อย่ามาลีลา พูดออกมาสิ!”
เจียงเฉิงเงียบ ใช่…เขามีคำตอบในใจอยู่แล้ว แต่เขาไม่สามารถพูดมันออกไปได้
“ผม…ไม่รู้”
เจียงหว่านแค่นเสียงเย้ยหยัน “หึ… ไม่รู้งั้นเหรอ ไม่ยอมรับมากกว่า!”
“เฉียวเหลียงเฉินทะเลาะกับฉันเมื่อคืนนี้เพราะเขาบอกว่าเขาทำใบหย่าหาย และมาต่อว่าฉันว่าฉันเป็นคนขโมยมันไป”
“ถ้าเขาเป็นคนมอบมันให้กับคุณด้วยตัวเอง เขาคงไม่มาวุ่นวายกับฉันแน่”
“เฉียวเหลียนเฉิงยังไม่รู้ว่าใบหย่าของเขาอยู่ที่ไหน แต่วันนี้เจียงเสวี่ยกลับรู้แล้วว่าเขากับฉันกำลังจะหย่ากัน แล้วยังรู้เหตุผลของการหย่าด้วย แล้วแบบนี้คุณยังกล้ามาบอกว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเธองั้นเหรอ!”
เจียงเฉิงยิ่งละอายใจมากกว่าเดิม เขาหันไปมองน้องสาวด้วยความหดหู่ “ถ้าเธอทำมันจริง ๆ ก็ยอมรับซะเถอะ!”
เจียงเสวี่ยลอบไม่พอใจพี่ชายตัวเองที่ขี้ขลาดและหน้าบางขนาดนี้!
เธอจึงกล่าวออกมาอย่างมั่นใจและไร้ยางอาย “ใช่ ฉันส่งมันไปเอง เพราะฉันเห็นพี่เฉียวมัวแต่ลังเล ฉันเลยอยากจะช่วย”
เจียงเฉิงที่ได้ยินเรื่องแบบนี้กับหูถึงกับพูดไม่ออก!
ส่วนเจียงหว่านพุ่งเข้าไปหมายจะตบหล่อนอีกสักที แต่เจียงเฉิงกลับคว้าตัวไว้ได้ก่อน
“ผมขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง ผมจะอธิบายทุกอย่าง”
แม้จะรู้ว่าน้องสาวของตนทำผิด แต่เจียงเฉิงก็ไม่สามารถทนมองหล่อนถูกทุบตีได้!
เจียงหว่านเย้ยหยัน “อธิบายมาสิ คุณจะไปรู้อะไร? หรือจะเอาตัวเองลงหีบห่อให้ฉันแทนคำอธิบาย?”
เจียงเฉิงถึงกับตกตะลึง คำพูดพวกนี้มันหยาบคายเกินรับไหว!
แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็ไม่สามารถปฏิเสธได้
ทว่าเจียงเสวี่ยกลับตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “เสียสติไปแล้วหรือไง! นี่เธอยังมีหน้ามาอ่อยพี่ชายฉันอีกงั้นเหรอ!”
“เพ้อฝันเกินไปหรือเปล่ายัยอ้วน!”
“แล้วอีกอย่างนะ มันไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะเป็นคนส่งมันไปหรือเปล่า สุดท้ายหากพี่เฉียวไม่ต้องการหย่า ฉันก็คงส่งใบหย่านั้นไปไม่ได้หรอก!”
“ใบหย่านั่นพี่เฉียวเป็นคนเขียนขึ้นมา ฉันไม่ผิด”
“ทำไมล่ะ? ตอนนี้พี่เฉียวไม่ต้องการเธอแล้ว อย่างนั้นเธอเลยมายั่วพี่ชายของฉันสินะ คันไม่เบานี่!”
เจียงหว่านหัวเราะ “หึ ยังมีเรี่ยวแรงอยู่นี่ ฉันคงเบามือไปสินะ”
เจียงหว่านวางถุงผ้าลงก่อนจะพับแขนเสื้อขึ้นอีกครั้ง คิดพุ่งตัวเข้าหาเจียงเสวี่ย
แต่เจียงเฉิงกลับก้าวมาด้านหน้าเพื่อขวางเธอเอาไว้
เจียงหว่านไม่พอใจมาก คิดจะทุบตีเจียงเฉิงด้วยเช่นกัน
แต่ทันใดนั้น ประตูก็เปิดออก ร่างชายหนุ่มสูงใหญ่เดินเข้ามาภายใน
เจียงหว่านและทุกคนหันศีรษะไปมอง เห็นว่าผู้มาเยือนคือเฉียวเหลียนเฉิง สีหน้าของพวกเขาทุกคนดูประหลาดใจอย่างมาก
ทันทีที่เห็นว่าเป็นเฉียวเหลียนเฉิง เจียงเสวี่ยก็ร้องไห้เสียงดังเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่กลับกัน มันค่อนข้างน่าสมเพชซะมากกว่า
เจียงเฉิงจ้องมองน้องสาวของตนอย่างโกรธเคือง
ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงกวาดตามองไปรอบ ๆ แท้จะเห็นใบหน้าของเจียงเสวี่ยบวมเป่งราวกับหัวหมู แต่ก็ไม่คิดใส่ใจ
จากนั้นชายหนุ่มก็มาหยุดสายตาที่เจียงหว่าน
เมื่อเจียงหว่านเห็นว่าเขากลับมาแล้ว เธอก็รู้ดีว่าอยู่ต่อไปคงไม่มีประโยชน์ หญิงสาวแค่นยิ้มก่อนจะหยิบถุงบนพื้น แล้วหันหลังเตรียมเดินออกไป
“ตัวต้นเรื่องกลับมาแล้ว ยังไงก็คุยกันเองก็แล้วกันว่าจะชดใช้กันยังไง ฉันมีอย่างอื่นต้องทำ ขอตัวก่อน!”
เธอเดินออกไป ไม่สนใจผู้คนที่อยู่รอบข้างในเวลานี้เลย
และเมื่อเจียงหว่านกำลังจะเดินผ่านเฉียวเหลียนเฉิง เขากลับคว้าแขนของเธอเอาไว้ก่อน
“คุณจะไปไหน?”
สายตาของเฉียวเหลียนเฉิงเหลือบมองถุงผ้าในมือเธอ
แต่ไม่สามารถมองเห็นสิ่งของด้านในได้
เฉียวเหลียนเฉิงจำได้ว่าเมื่อไม่กี่เดือนก่อนตอนเจียงหว่านติดตามเขามาที่ลานบ้านของครอบครัวทหาร เธอถือถุงผ้านี้มาด้วย
ตอนนั้นหล่อนก็ยัดของลงไปจนถุงนูนออกมาแบบนี้ เหมือนกันไม่มีผิด
และหลังจากนั้นไม่ว่าจะไปที่ไหน เจียงหว่านก็ไม่ได้หยิบถุงผ้านี้ออกมาใช้อีกเลย
แต่ตอนนี้ เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกประหลาด ราวกับว่าตนกำลังจะสูญเสียบางอย่างไป
หากไม่มีคนอื่นอยู่ที่นี่ด้วย เขาคงฉีกถุงผ้าของเธอเสียตรงนี้
เจียงหว่านมองมือของตัวเองที่ถูกชายหนุ่มคว้าไว้ ก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“ไม่ใช่เรื่องของนาย! ปล่อยฉัน!”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบ เขาไม่ต้องการทะเลาะกับเธอที่นี่ แม้เรื่องนี้จะต้องการแก้ไขเหมือนกัน แต่ก็มีเรื่องที่ต้องทำตอนนี้ก่อน
“อย่าเพิ่งไป วันนี้ผมเจอเรื่องบางอย่างที่เกี่ยวกับคุณมา คุณอยู่ที่นี่ด้วยกันจะดีกว่า”
ได้ยินอย่างนั้น เจียงหว่านขมวดคิ้ว ก่อนจะหันมองเจียงเสวี่ยอย่างบอกความนัยว่าเธอไม่ได้ต้องการอยู่ต่อ
ความจริงแล้ว ้จียงกว่านกลัวว่าจะมืดค่ำเสียก่อน จนไม่สามารถกลับเข้าเมืองได้
และเมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนกรานว่าจะไป เฉียวเหลียนเฉิงก็รีบพูดว่า
“คุณคงไม่อยากให้เธอเอาแต่หลอกคุณฝ่ายเดียวใช่ไหม? เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ผมเข้าไปในโรงพนันวันนั้น? คุณไม่อยากรู้เหรอ?”
“เฮ้อ! ก็ได้ เรื่องทั้งหมดมันจบแล้ว หนีไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
เจียงหว่านยอมผ่อนปรนท่าทีลง
เธอวางกระเป๋าลงก่อนจะยืนพิงกำแพง
“ก็ได้ พูดมาสิ!”
เมื่อเห็นว่าเธอยอมอยู่ที่นี่ต่อ เฉียวเหลียนเฉิงก็ถอนหายใจโล่งอก ก่อนจะใช้หลังมือปิดประตูและยืนขวางเอาไว้
ด้วยวิธีนี้จะไม่มีคนนอกเข้ามา และคนด้านในก็ไม่สามารถออกไปได้
เมื่อเห็นอย่างนั้น เจียงเฉิงอดไม่ได้ที่จะอายแทน
“เหล่าเฉียว ฟังฉันก่อน…”
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าวแทรกว่า
“เหล่าเจียง ก่อนหน้านี้ฉันรู้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลกับเจียงเสวี่ย แต่ที่ฉันเงียบมาตลอด และทำเป็นไม่สนใจ เพราะเรามาจากสนามฝึกด้วยกัน และฉันก็เห็นแก่มิตรภาพที่ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายของเรา”