เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 72 เฉียวเหลียนเฉิงต้องการสืบสวนความจริงทั้งหมด
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 72 เฉียวเหลียนเฉิงต้องการสืบสวนความจริงทั้งหมด
บทที่ 72 เฉียวเหลียนเฉิงต้องการสืบสวนความจริงทั้งหมด
หัวหน้ากลุ่มมองลงไปแล้วพูดว่า “นายส่งสิ่งนี้มาไม่ใช่เหรอ? มันรวมอยู่ในกองเอกสารของเจียงเฉิงนี่”
ร่างกายของเฉียวเหลียนเฉิงสั่นเทา “เอกสารของเจียงเฉิงเหรอครับ?”
หัวหน้ากลุ่มพยักหน้า “ใช่เอกสารที่หมอนั่นส่งมา”
เฉียวเหลียนเฉิงเม้มริมฝีปากราวกับว่าคาดเดาอะไรบางอย่างได้ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วคลี่ธงในมือออก
“หัวหน้าครับ ผมไม่ต้องการหย่าแล้ว มันคือเรื่องเข้าใจผิด”
เขารายงานตามความเป็นจริง และสุดท้ายก็พูดว่า “ผมทำผิดต่อเธอ เธอเป็นคนดีมากจริง ๆ ผมไม่ต้องการหย่าแล้วครับ”
หัวหน้ากลุ่มมองลงไปที่ธงแล้วยกยิ้ม “ไม่แปลกใจเลยที่ฉันเห็นเธอคุยอยู่กับสหายจากสำนักงานความมั่นคงสาธารณะที่ประตูเรือนจำในวันนั้น”
“ฉันเองก็คิดเหมือนกันว่าถ้าเธอติดการพนันจริง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะพูดคุยกับสหายตำรวจได้อย่างสนิทสนมขนาดนี้”
“ในเมื่อนายไม่ต้องการหย่าร้าง งั้นก็ลืมมันซะ บังเอิญจริง ๆ ที่ฉันยังไม่ได้รายงานเรื่องนี้”
“แต่ยังไงก็เถอะ วิธีที่จะเกลี้ยกล่อมภรรยาให้กลับบ้านน่ะขึ้นก็อยู่กับความสามารถของนายแล้วแหละ”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้ารับ และจากไป
เขาจะเกลี้ยกล่อมภรรยาของตัวเองได้ยังไง?
เฉียวเหลียนเฉิงเองก็คิดหนักกับคำถามนี้เช่นกัน!
เขานึกไปถึงความเย็นชา ความโกรธ และความคลุ้มคลั่งของเจียงหว่านในคืนนั้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
แต่ยังมีสิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกอยู่ นั่นคือ…เขาต้องให้ความยุติธรรมแก่เจียงหว่าน
เมื่อเฉียวเหลียนเฉิงกลับออกมา เจียงเฉิงก็กำลังจะจากไป เขาเลยรีบเอ่ยรั้งเอาไว้
“เหล่าเจียง รอก่อน!”
เจียงเฉิงหยุด หันไปทางเสียงเรียก แล้วถามว่า “หัวหน้าพูดอะไรงั้นเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว ไม่ตอบโดยตรง แต่หยิบใบหย่าออกมายื่นให้เจียงเฉิง
“นายเคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนรึเปล่า? ฉันหมายถึง ก่อนที่นายจะไปหาหัวหน้า นายเคยเห็นมันรึเปล่า?”
เจียงเฉิงส่ายหัว “ไม่นี่ ตอนที่หัวหน้ามอบมันให้ฉัน ฉันก็ยังสงสัยว่านายเอามาให้ฉันเมื่อไหร่ แล้วทำไมนายไม่บอกฉัน”
เฉียวเหลียนเฉิงถามอีกครั้ง “นายเคยเอาเอกสารที่นายต้องส่งให้หัวหน้ากลับไปที่บ้านบ้างหรือเปล่า?”
เจียงเฉิงนิ่งอึ้งไปสักพัก ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่เฉียวเหลียนเฉิงนิ่ง ๆ ในใจหวนนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้
“วันนั้น ฉันต้องไปกองบัญชาการทหารในตอนบ่าย และมีเอกสารอีกสองฉบับที่ยังตรวจไม่เสร็จเลยเอากลับบ้านไปอ่านต่อตอนเที่ยง”
“หลังอาหารกลางวันฉันก็ส่งเอกสารไปที่กองบัญชาการทหารทันที”
หลังพูดอย่างนั้น เขาก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง “นายหมายถึง นายไม่ได้มอบใบหย่านี้ให้กับหัวหน้า แต่…”
เฉียวเหลียนเฉิงนิ่งเงียบ “ฉันขอโทษเหล่าเจียง แต่คราวนี้ฉันต้องไล่ตามความจริงให้ถึงที่สุด”
มันไม่ใช่แค่คำร้องขอหย่านี้ แต่ยังรวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นด้วย มันแปลกมาตั้งแต่แรกแล้วว่า ทำไมเยี่ยนจื่อถึงมาหาเขาได้?
ทำไมอีกวันพี่ชายของเธอถึงมาหาเขาและพาเขาไปที่โรงพนัน?
และทำไมเจียงหว่านถึงอยู่ที่โรงพนันเมื่อเขาไปถึงที่นั่นพอดี?
นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญธรรมดา ๆ แน่นอน!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยฉุกคิดมาก่อนว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อเทียบกับความสงสัยเหล่านี้ เรื่องเจียงหว่านทำให้เขาเจ็บปวดและผิดหวังมากกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตามสืบหาความจริงนี้
เขาคิดว่าในเมื่อยังไงก็ต้องแยกจากกันอยู่แล้ว มันไม่สำคัญหรอกว่าเรื่องทั้งหมดเป็นยังไง
แต่ตอนนี้เขาต้องการรู้ทุกอย่างให้ได้
เมื่อเจียงเฉิงและเฉียวเหลียนเฉิงกลับมา เจียงเสวี่ยกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่
ในยุคสมัยนี้ กิจกรรมบันเทิงมีน้อยมาก การมีหนังสือเล่มเล็ก ๆ ไว้อ่านก็ถือว่าดีไม่น้อยแล้ว
เมื่อเห็นเฉียวเหลียนเฉิงเข้ามาด้วย เจียงเสวี่ยก็ดีใจมาก พร้อมทั้งหงุดหงิดที่วันนี้เธอไม่ได้สวมเสื้อลายดอกไม้สีชมพูที่สวยที่สุด!
รู้สึกเหมือนกับว่าเธอไม่ได้เจอเฉียวเหลียนเฉิงมานานจริง ๆ
“พี่เฉียว” เจียงเสวี่ยวางหนังสือลง ส่งเสียงทักทายพร้อมรอยยิ้ม
ทว่าเฉียวเหลียนเฉิงกลับเมินเฉย และหยิบใบหย่าออกมาวางต่อหน้าเจียงเสวี่ย
“เธอเป็นคนยัดสิ่งนี้ลงในแฟ้มเอกสารของพี่ชายเธอใช่ไหม?”
เจียงเสวี่ยถึงกับตกตะลึง ความหวาดหวั่นฉายวาบเข้ามาในดวงตาของเธอ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธ
“อะไรนะคะ? ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลย พี่เฉียวจำผิดรึเปล่า?”
เจียงเฉิงโกรธจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ “เสี่ยวเสวี่ย เธอทำผิดแล้วยังจะแก้ตัวอีกเหรอ?”
“วันนั้นตอนฉันกลับบ้านมาพร้อมเอกสาร มีเธอคนเดียวที่เห็นเอกสารพวกนั้น แล้วใครจะเป็นคนยัดมันเข้าไปได้ ถ้าไม่ใช่เธอ?”
เจียงเสวี่ยตะโกนอย่างดื้อรั้น “ยังไงก็ไม่ใช่ฉัน พี่คะ อย่ามากล่าวหากันอย่างนี้สิ!”
“เธอ!” เจียงเฉิงโกรธมาก
ทว่าเฉียวเหลียนเฉิงกลับโบกมือส่งสัญญาณให้เจียงเฉิงหยุดพูด และถามด้วยตัวเอง
“ทำไมเยี่ยนจื่อถึงมาหาฉันได้? เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันหรือเจียงหว่านเลย ทำไมถึงไปติดตามเจียงหว่านกับถันหลงได้? แล้วทำไมเธอถึงรู้ว่าเจียงหว่านจะไปโรงพนันในวันนั้น?”
เจียงเสวี่ยดูสับสน “พี่เฉียวคะ ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าพี่กำลังพูดถึงอะไร ตอนนี้ขาของฉันก็เป็นแบบนี้แล้ว พี่จะกล่าวหาฉันไม่ได้นะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงใช้สายตาเย็นชาจ้องมองหญิงสาวอยู่นาน ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ สองสามครั้ง “ในเมื่อเธอปฏิเสธไม่ยอมรับ ฉันจะไปหาเยี่ยนจื่อตอนนี้เลย เธอคิดว่าเยี่ยนจื่อจะทำแบบเดียวกันหรือเปล่า?”
“ถ้าฉันรู้ว่าเธอเป็นคนวางแผนเรื่องพวกนี้ ฉันจะแจ้งตำรวจและส่งเธอไปที่โรงพักทันที”
“แม้ว่าครั้งนี้เจียงเฉิงจะขอร้อง มันก็ไม่มีประโยชน์!”
เขาหันหลังจากไป ทำให้เจียงเสวี่ยเริ่มกังวลเมื่อได้ยินว่าเขาจะแจ้งตำรวจ
“พี่เฉียวคะ ฉันขอให้เธอไปเอง แต่เจียงหว่านกับถันหลงสมรู้ร่วมคิดกันจริง ๆ ฉันเลยกลัวว่าพี่จะถูกเอาเปรียบ และก็กลัวว่าพี่จะไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด ฉันเลยขอให้เยี่ยนจื่อไปบอกพี่!”
“ฉะ… ฉันมีเจตนาดีนะคะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงหันไปมองเธออย่างเย็นชาแล้วถามว่า “เจตนาดีงั้นเหรอ? ถ้าเธอมีเจตนาดี เธอคงไม่ให้เยี่ยนจื่อมาบอกฉันเรื่องนี้หรอก”
“เธอแค่กลัวว่าทุกอย่างมันจะไม่วุ่นวาย และความสัมพันธ์ของพวกเราในฐานะสามีภรรยาจะดีวันดีคืนต่างหาก วันนี้ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ฉันจะไปถามเยี่ยนจื่อเพื่อหาคำตอบให้ได้!”
“ถึงเธอจะไม่ยอมรับตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ยังไงซะเยี่ยนจื่อต้องสารภาพแน่!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินจากไป และคราวนี้ ไม่ว่าเจียงเสวี่ยจะเรียกหาเท่าไหร่ เขาก็ไม่คิดจะหยุดฝีเท้าอีก
วันนี้เฉียวเหลียนเฉิงได้ตัดสินใจแล้วว่าจะค้นหาความจริงทั้งหมดให้ชัดเจน
พอออกมานอกประตู เฉียวเหลียนเฉิงพูดกับเจียงเฉิง “บอกชื่อหมู่บ้านและที่อยู่ของเยี่ยนจื่อคนนั้นมาหน่อย”
เจียงเฉิงบอกไปพร้อมรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้า
เขาพูดอย่างรู้สึกผิด “เหล่าเฉียว ฉันขอโทษนะ”
เฉียวเหลียนเฉิงตบไหล่ของอีกฝ่าย แล้วหันหลังเดินจากไป
แต่สิ่งที่เฉียวเหลียนเฉิงนึกไม่ถึงก็คือ…ไม่นานหลังจากที่เขาจากไป เจียงหว่านก็กลับมา
ทว่าเธอกลับมาเพื่อเอาของบางอย่างเท่านั้น
คนขายเนื้อจัดการทุกอย่างอย่างรวดเร็ว ซ่อมแซมบ้านจนอยู่อาศัยได้แล้ว
เจียงหว่านจึงไม่อยากกลับไปกลับมาอีกต่อไป ถึงแม้ว่าที่นี่จะไม่มีของของเธอเหลืออยู่มาก แต่ก็ยังมีเสื้อผ้าอยู่ตั้งสองตัว
เธอกลับมาเก็บเสื้อผ้า หยิบผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน แล้วเดินถือถุงผ้าออกไป
ด้านผิงอันที่เพิ่งกลับมา เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขาก็เห็นเจียงหว่านเดินออกมาพอดี เธอถือถุงผ้าราวกับว่ากำลังจะออกไปข้างนอก เด็กชายจึงรีบถามว่า “เธอกำลังจะทำอะไรน่ะ?”
เจียงหว่านตอบโดยไม่หันกลับมามอง “ไปเล่นพนันน่ะสิ!”
ได้ยินแบบนี้ ผิงอันก็คิ้วขมวด และเห็นว่าของทั้งหมดที่เป็นของเธอหายไปหมดแล้ว จึงรีบไล่ตามออกไป
“เธอจะไปเล่นพนันจริงเหรอ? เธอบอกว่าจะไม่เล่นการพนันอีกต่อไปแล้วไม่ใช่เหรอ? แล้วจะเอาเสื้อผ้าพวกนี้ไปพนันหรือไง? นี่เธอจะเอาเงินทั้งหมดไปเดิมพันแล้วเปลือยกลับมางั้นเหรอ?”
จู่ ๆ เจียงหว่านก็หยุดฝีเท้า เมื่อผิงอันเดินเข้ามาใกล้ เธอก็เปิดถุงผ้าให้เขาดู
“ดูสิว่ามีของของพ่อเธออยู่ในนี้รึเปล่า?”
ผิงอันเข้าไปดูก็พบว่าไม่มีเลย!
เจียงหว่านกล่าวต่อ “พ่อของเธอกับฉันหย่ากันแล้ว ดังนั้นอย่ามายุ่งกับฉันเลย ไม่ว่าฉันจะไปเล่นพนันหรือไปทำอะไร มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอแล้ว”
ผิงอันถึงกับทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งเจียงหว่านเดินจากไปแล้ว เขาถึงรู้สึกตัวขึ้นมา
“น้าอ้วนกับพ่อหย่ากันแล้วงั้นเหรอ?”
เด็กชายพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา อยู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
เขาไม่สามารถอธิบายได้เลยว่าทำไมตนเองถึงรู้สึกแบบนี้
เขาควรจะดีใจที่น้าอ้วนหายไป แต่ทำไมมันถึงโหวง ๆ ในใจแบบนี้?
ผิงอันลูบจมูกที่ร้อนขึ้นมาแล้วพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
”หึ ไปก็ไปสิ ไปได้ก็ดีแล้ว”
เขาเดินกลับเข้าบ้านด้วยความโกรธ
จนกระทั่งมืดแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงจึงได้เจอเยี่ยนจือ