เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 71 ความเสียใจของเฉียวเหลียนเฉิง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 71 ความเสียใจของเฉียวเหลียนเฉิง
บทที่ 71 ความเสียใจของเฉียวเหลียนเฉิง…
ธงสีแดงสด ขอบธงเย็บด้วยไหมสีเหลืองล้อมรอบ ทั้งมีตัวอักษรขนาดใหญ่หลายตัวปักด้วยไหมสีแดงตรงกลาง
‘กล้าหาญไม่หวาดหวั่น ตำรวจกับพลเมืองร่วมใจจึงกลายเป็นครอบครัวเดียวกัน!’
ส่วนหัวมีข้อความพาดว่า ‘แด่สหายเจียงหว่าน’
ส่วนช่องลงนามเขียนว่า ‘ขอแสดงความนับถือสหายทุกท่าน จากสถานีตำรวจxx’
เมื่อมองไปที่ธงสีแดงเพลิงที่อยู่ตรงหน้า เฉียวเหลียนเฉิงมีความคิดมากกมายผุดขึ้นมาในหัว
”หมายความว่ายังไงกันครับ?”
ในขณะนี้ เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกว่าเขากำลังสับสนมากเหลือเกิน
อู่หยางจึงรีบพูดอธิบาย “หัวหน้ากองพันเฉียว มันเป็นแบบนี้…”
เขาเล่าเรื่องราววันที่เจียงหว่านไปหาตำรวจ และเสนอว่าจะช่วยจับคนในโรงพนัน
จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เป็นเพราะความร่วมมือของสหายเจียงหว่านจึงทำให้เราสามารถค้นหาที่ซ่อนของพวกโรงพนันได้ และจับกุมผู้กระทำผิดทั้งหมดสำเร็จ”
“นอกจากนี้ สหายเจียงหว่านยังได้ให้ร่วมมือกับเรา เต็มใจทำหน้าที่เป็นทูตในการรณรงค์เลิกเล่นการพนัน ให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของการพนันกับประชาชน ทั้งเธอยังยินดีที่จะเปิดเผยรูปแบบกลโกงในโรงพนันที่เธอรู้ให้ทุกคนได้รับรู้อีกด้วย”
“ทุกวันนี้สหายเจียงหว่านจะขายเนื้อตอนเที่ยงกับช่วงเย็น ส่วนช่วงบ่ายเธอจะตามเราไปบรรยายที่หมู่บ้านต่าง ๆ ดังนั้นเราจึงอยากมอบธงนี้ให้เธอครับ!”
เฉินเซวียนกล่าวเสริมขึ้นมาว่า “เดิมทีเราวางแผนที่จะส่งเกียรติบัตรให้เธอ แต่ทางสถานีตำรวจของเราคิดว่าเกียรติบัตรคงไม่พอ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจส่งธงให้เพื่อแสดงความชื่นชม”
“ผู้กำกับของเราบอกว่าภายในสิ้นปีนี้ สหายเจียงหว่านจะถูกแต่งตั้งให้เป็นพลเมืองตัวอย่างหรือคนหนุ่มสาวเปี่ยมคุณธรรม ในเวลานั้นเธอจะได้รับเกียรติบัตรอย่างแน่นอน”
“นี่เป็นเพียงการแสดงความซาบซึ้งใจของเราเท่านั้น โปรดยอมรับมันไว้ด้วยครับ”
”แล้วเราก็ต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับปัญหา และความเข้าใจผิดที่เกิดจากความช่วยเหลือของสหายเจียงหว่านด้วย”
พวกเขาทั้งสองผลัดกันพูด และคำพูดของพวกเขาทำให้ใบหน้าของเฉียวเหลียนเฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และรู้สึกแสบร้อนราวกับว่าถูกไฟเผา
วันนั้นเธอไม่ได้เล่นการพนัน แต่วางแผนกับตำรวจเพื่อให้ความร่วมมือพวกเขาจับกุมคนพวกนั้น
ไม่แปลกใจเลยที่ในวันนั้น เธอดูรู้สึกผิดมากแต่ก็ยังปฏิเสธที่จะไปกับเขา
ในขณะนี้ ภาพดวงตาสั่นไหวและเศร้าโศกของเจียงหว่านในวันนั้นย้อนกลับมาฉายซ้ำ ๆ อีกครั้งในหัวของเฉียวเหลียนเฉิง
หัวใจเขาบีบรัดจนปวดร้าวไปทั้งดวง!
มันเป็นความผิดของเขา ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ฟังหรือช่วยเหลือเธอเท่านั้น เขายังทิ้งเธอไว้ที่นั่นเพียงลำพังอีก
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ฟังคำอธิบายของเธอ และเชื่อไปเองว่าทุกอย่างเป็นความผิดของเจียงหว่าน
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกลำไส้กำลังบิดเป็นเกลียวจนอยากจะอาเจียน รู้สึกละอายใจมากจนอยากจะหาร่องบนพื้นเพื่อมุดเข้าไป
หลังจากที่สหายตำรวจทั้งสองพูดจบ พวกเขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อเพื่อขอตัวกลับ
แต่ก่อนออกไป อู่หยางกล่าวว่า “เราได้รับการแจ้งเตือนจากหัวหน้ากรมทหารของคุณ เราจึงปรึกษากันเรื่องนี้ และตัดสินใจว่าจะแก้ไขชื่อเสียงของสหายเจียงหว่าน สหายที่ดีเช่นนี้ไม่ควรถูกเข้าใจผิด และไม่ควรถูกปฏิเสธจากครอบครัวหรือมิตรสหาย”
“นอกจากนี้ ผมได้ติดต่อกับสหายเจียงหว่านมาระยะหนึ่งแล้ว เพราะในช่วงนี้ ผู้กำกับมักจะส่งผมไปจัดแจงที่ให้เธอทำการบรรยาย”
“เธอเป็นสหายที่ดี กล้าเสี่ยงอันตราย ผมหวังว่าคุณจะอยู่ร่วมกันกับเธอในฐานะสามีภรรยาได้นะครับ”
หลังจากพูดอย่างนั้น อู่หยางและเฉินเซวียนก็จากไป
ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงยังยืนอยู่ที่เดิม ทอดสายตามองดูร่างของสหายตำรวจทั้งสอง ในมือกำธงไว้แน่น
ใบหน้าของชายหนุ่มสงบนิ่ง แต่ดวงตากลับลึกล้ำเฉียบคมราวกับคมมีด
ความเสียใจเสมือนคลื่นลูกใหญ่เข้ากลืนกินเขา
เขาไม่เคยเกลียดความโง่เขลาของตัวเองมากขนาดนี้มาก่อน
ทำไมเขาถึงไม่ยอมฟังคำอธิบายของเธอ? ทำไมถึงใช้อคติตัดสินเธอเอาเองกัน?
เขาผิดไปแล้ว เขาผิดมากจริง ๆ!
แม้ว่าเจียงเฉิงจะไม่ได้เข้าไปในห้องรับแขก แต่เขาก็ยังได้ยินการสนทนาของทั้งสามจากนอกประตู
เขาแปลกใจอยู่บ้าน แต่ก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คาด
เมื่อเห็นว่าเฉียวเหลียนเฉิงยืนเงียบ ๆ อยู่ที่ประตู เขาก็ลังเล และเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ
“บอกตามตรง ฉันก็รู้สึกว่าครั้งนี้นายค่อนข้างใจร้อนและทำเกินไปหน่อย”
“ฉันรู้สึกว่าเมื่อก่อนเจียงหว่านทั้งโลภและโง่ แต่นับตั้งแต่หัวเธอบาดเจ็บ เธอก็เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน”
“ตอนนี้เธอเป็นคนดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ดังนั้นฉันไม่เห็นด้วยที่นายจะหย่าร้างในตอนนี้”
เฉียวเหลียนเฉิงหันหลังกลับ และเดินออกไปพร้อมกับธงนั้น แต่ก่อนจะไป เขาบอกกับเจียงเฉิงว่า
“ฉันจะไปหาหัวหน้า”
เมื่อเห็นอย่างนี้ เจียงเฉิงก็เงียบไป ลึก ๆ แล้วเขารู้อยู่ว่าสิ่งต่าง ๆ มันไม่ง่ายอย่างที่เห็น
ในเวลาเดียวกัน เจียงหว่านก็เตรียมเนื้อที่จะขายในวันนี้ที่ลานเล็ก ๆ ของบ้านที่เธอเช่าไว้
ขณะกำลังพักผ่อน คนขายเนื้อก็มาหา
“น้องสาว ฉันหาไข่ฟักสองกล่องมาให้แล้ว แต่เป็นไข่ฟักประมาณเจ็ดแปดวันนะ เธอต้องเอากลับไปฟักเองต่อ”
เจียงหว่านถึงกับไปไม่เป็นเล็กน้อย “ได้ค่ะ พี่ช่วยฉันได้มากเลย”
คนขายเนื้อยิ้มแล้วพูดว่า “น้องสาว อย่าสุภาพกับฉันเลย แล้วนี่เนื้อของเธอสุกรึยัง? ขอฉันสักสองจินสิ คนจากบ้านภรรยาของฉันมาหา ว่าจะดื่มด้วยกันช่วงบ่ายสักหน่อย”
“ยัยนั่นน่ะทำอาหารไม่เป็น ถ้าให้เธอทำมันด้วยตัวเองนะ เนื้อทั้งหมดก็จะไร้ประโยชน์ไปเลยล่ะ ฮ่า ๆ”
เจียงหว่านรีบหั่นเนื้อสองจิน “นี่ให้พี่ค่ะ พอรึเปล่า ถ้าไม่พอฉันจะหั่นเครื่องในเพิ่มให้ได้นะ”
ขณะที่เธอกำลังจะลงมือหั่น คนขายเนื้อก็ห้ามเธอไว้แล้วพูดว่า “ไม่ล่ะ ๆ ฉันเป็นคนทำความสะอาดเครื่องในพวกนี้เองกับมือ พวกมันเหม็นจะตาย!”
เจียงหว่านยิ้ม “ลองดูก่อนสิ ชิมแล้วค่อยพูด”
“ถ้าไม่ชอบจริง ๆ ก็เอาไปให้ไก่กินก็ได้”
เจียงหว่านจัดแจงทุกอย่างเสร็จแล้ว พอเห็นว่าคนขายเนื้อจะให้เงินเธอ เจียงหว่านก็ห้ามเขาไว้ “พี่ชาย พี่เรียกฉันว่าน้องสาวแล้ว ฉันจะรับเงินของพี่ได้ยังไง? ไม่ต้อง ๆ”
คนขายเนื้อก็ไม่เกรงใจ “เอาล่ะ ในเมื่อเป็นครอบครัวกันก็ไม่เกรงใจ ฉันจะเอามันไปนะ”
เมื่อคนขายเนื้อกำลังจะออกไป เจียงหว่านก็เรียกเขาไว้ “พี่ชาย ช่วยถามให้ฉันหน่อยสิว่ามีใครปล่อยเช่าบ้านไหม แต่ต้องเป็นที่ที่อยู่อาศัยได้นะ”
คนขายเนื้อพูดตอบ “เธอจะไม่กลับไปอยู่ในค่ายทหารแล้วเหรอ?”
เจียงหว่านยิ้มอย่างขมขื่น “ฉันหย่าแล้วค่ะ เหลือแค่รอขั้นตอนเสร็จสิ้น ก็พร้อมจะย้ายออกแล้ว”
คนขายเนื้อคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ที่จะให้เช่าน่ะก็มีอยู่หรอก แต่ถ้าเธอเช่าทั้งสองที่ ราคาก็จะสูงไปหรือเปล่า”
“ฉันว่าเอาแบบนี้ดีกว่า ฉันจะหาคนมาทำความสะอาดบ้านนี้ให้เธอ และซ่อมแซมหลังคาให้ จะได้ไม่ต้องเช่าเพิ่ม แล้วก็นอนที่นี่ได้เลย”
เจียงหว่านมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าบ้านหลังนี้ออกจะโทรมไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้
ในชีวิตเธอไม่เคยประสบความยากลำบากมาก่อน แต่เมื่อเธอย้ายเข้าปักกิ่งหลังจากเรียนจบวิทยาลัย เธอก็ต้องอาศัยอยู่ในห้องใต้ดินและบังกะโลเล็ก ๆ อยู่เหมือนกัน
“ก็ได้ค่ะ เอาตามนั้นก็ได้ งั้นพี่ช่วยฉันหาวัสดุที่ต้องใช้หน่อยได้ไหม แล้วฉันจะจ่ายเงินให้พี่ทีหลังนะ”
คนขายเนื้อตอบทันที “วางใจเถอะน้องสาว อย่าทำเหมือนพี่ใหญ่ของเธอเป็นคนอื่นคนไกลไปสิ พี่ใหญ่ของเธอถือเธอเป็นน้องสาวจากใจจริงนะ”
หลังจากเจียงหว่านจัดการเปิดโปงกลโกงของโรงพนัน น้องชายของเขาก็ไม่เล่นการพนันอีกต่อไปแล้ว
คนขายเนื้อจึงรู้สึกขอบคุณเจียงหว่านจากใจจริง
เขาจัดการทุกอย่างให้อย่างรวดเร็ว หาคนมาช่วยขนฟืนกับดินจำนวนมาก ก่อนจะเริ่มทำความสะอาดบ้านให้เจียงหว่านในบ่ายวันนั้นเลย
ทางด้านเฉียวเหลียนเฉิง
เขาไปขอเข้าพบหัวหน้า แต่หัวหน้ากำลังประชุมอยู่
เฉียวเหลียนเฉิงจึงมายืนรออยู่ด้านนอกกองบัญชาการ พอหัวหน้ากลับออกมาในเวลาบ่ายสามโมง เขาก็เข้าไปหาทันที
“หัวหน้าครับ ผมมีเรื่องจะสอบถาม” หลังจากทำความเคารพ เฉียวเหลียนเฉิงก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
หัวหน้าพาเขาเข้าไปในห้องทำงาน “บอกฉันสิมาว่ามีเรื่องอะไร?
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบ และถามออกไปว่า “หัวหน้าครับ ผมอยากรู้ว่าคุณได้ใบหย่านี้มาได้ยังไง?”