เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 69 ทับไข่แหลก
บทที่ 69 ทับไข่แหลก
เฉียวเหลียนเฉิงโพล่งออกมา “ผมรู้ว่าคุณไม่ต้องการหย่า แต่ถึงคุณจะเอาใบหย่าไป ผมก็จะหย่าอยู่ดี”
เจียงหว่านเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “ก็ดี เอาอย่างนี้ ฉันจะเขียนใบหย่าชดเชยให้นายตอนนี้เลยเป็นไง?”
ขณะที่พูด เธอก็หยิบกระดาษกับปากกาออกมา ก้มตัวลงบนโต๊ะ และเริ่มเขียนทันที
เธอเขียนอย่างรวดเร็ว และเสร็จสิ้นภายในเวลาไม่กี่นาที
ขั้นตอนสุดท้ายคือเซ็นชื่อลงไป และมอบมันให้เฉียวเหลียนเฉิง “เขียนเสร็จแล้ว เหลือแค่นายลงนาม พอใจไหม?”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็เมินเฉียวเหลียนเฉิง และเดินไปล้มตัวลงนอนบนเตียง
ตอนนี้เธอเหนื่อยและง่วงนอนมาก หัวของเธอเหมือนจะระเบิด ตอนนี้เธออยากนอนเต็มทน!
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วมุ่น หยิบกระดาษที่เจาหยางเขียนขึ้นมา และอ่านใบหย่าอย่างละเอียด ทั้งรูปแบบและเนื้อหาเกือบจะเหมือนกับที่เขาเคยเขียนไว้ทุกประการ
ในบรรทัดสุดท้ายคือเหตุผลของการหย่าร้าง เจียงหว่านเขียนไว้ว่า ‘เจียงหว่าน ติดการพนันและปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงแม้จะตักเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า น่าผิดหวังอย่างยิ่ง!’
เฉียวเหลียนเฉิงโกรธมากจนตบใบหย่าลงกับโต๊ะ
“เจียงหว่าน คุณบอกว่าคุณไม่ได้เอาใบหย่าของผมไป ถ้าคุณไม่ได้ทำคุณคงไม่เห็นเหตุผลของการหย่าร้างที่เขียนไว้ จนคุณเขียนออกมาเหมือนกันทุกอย่างแบบนี้หรอก”
“เจียงหว่าน คุณช่วยพูดความจริง และใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปไม่ได้เลยเหรอ?”
ในตอนนี้ เฉียวเหลียนเฉิงทั้งเสียใจและผิดหวัง
เขาไม่เคยสนใจว่าเจียงหว่านจะอ้วนจะดำหรือหน้าตาเป็นยังไง ตราบใดที่เธอเต็มใจจะใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปเขาก็ยินดีจะใช้ชีวิตกับเธอ!
ทั้งที่มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุดของชีวิต แต่ทำไมเธอถึงทำไม่ได้!
เจียงหว่านที่กำลังจะนอนหลับ หลังจากได้ยินอย่างนั้น เธอก็พลิกตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วจ้องเฉียวเหลียนเฉิงอย่างเย็นชาทันที
หลังจากผ่านไปสักพัก ความผิดหวังและความคับข้องใจในใจของหญิงสาวก็สงบลง
เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นายรู้ไหม ตอนที่ฉันเห็นนายครั้งแรก ฉันคิดว่านายหล่อมาก”
”บางครั้งฉันก็สงสัยว่าถ้าไม่มีเรื่องการพนันนี่ เราจะเข้ากันได้รึเปล่า หรือบางทีอาจจะมีความรักให้กันได้”
“แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าฉันแค่เพ้อเจ้อไปเอง”
“นายอยากพูดอะไรก็เชิญเลย!”
“ใช่ ฉันเอาใบหย่าไปและฉีกมันทิ้งไปแล้ว แต่ตอนนี้ฉันก็เขียนคืนให้นายแล้วนี่ไง เพราะงั้นได้โปรดจบเรื่องนี้สักทีเถอะ!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็หันหลังกลับ แล้วนอนลงอีกครั้ง
เฉียวเหลียนเฉิงที่ได้ยินคำพูดของเจียงหว่านก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
เขาควรจะเงียบ และหลับไปโดยไม่เก็บมันมาใส่ใจเลยสักนิด
ทว่าเขาก็พูดบางอย่างออกไปโดยไม่คำนึงถึงอะไรแล้ว
“ทั้งที่คุณทำผิด แต่ยังอ้างเหตุผลบ้า ๆ นี่อยู่อีกงั้นเหรอ? คุณช่วยจริงจังกับความผิดพลาดของคุณมากกว่านี้หน่อยได้ไหม?”
ทันทีที่เฉียวเหลียนเฉิงพูดจบ เจียงหว่านก็ลุกขึ้น เธอลงจากเตียง และเดินไปยังมุมที่มีข้าวของกองอยู่ ก่อนจะดึงมีดทำครัวออกมาแล้วรีบวิ่งตรงมาหาเขา
ปัง!
เธอตบมีดทำครัวลงบนโต๊ะอย่างแรง!
เฉียวเหลียนเฉิงตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก เขาไม่ได้กลัวมีดทำครัว เพราะเขาคือหนึ่งในสามอันดับแรกของผู้มีทักษะกังฟูแข็งแกร่งที่สุดในกองทัพ จะให้เขาหวั่นไหวกับอะไรแค่นี้ได้ยังไง?
ชายหนุ่มแค่ตกใจกับความสติแตกของอีกฝ่ายก็เท่านั้น และคิดว่าเธอจะหุนหันแทงเขาด้วยมีดทำครัว เหมือนกับครั้งก่อนที่เธอโขกหัวเข้ากับกำแพง
เฉียวเหลียนเฉิงมองมีดทำครัวตรงหน้า แล้วหันไปมองอีกฝ่าย
”คุณคิดจะทำอะไร?”
เจียงหว่านพูดด้วยแรงโกรธ “มีดทำครัวอยู่นี่แล้วไง ถ้านายคิดว่าการที่ฉันเอาใบหย่าของนายไปมันผิดมหันต์ขนาดนั้น ก็เชิญนายสับฉันให้ตายไปเลย”
“แต่ถ้าคิดว่าฉันไม่สมควรตาย แล้วคิดว่าการฆ่าฉันทิ้งมันทำลายอนาคตของตัวเอง ก็หุบปากไปซะ!”
“แล้วถ้านายรบกวนการนอนของฉันอีก ฉันจะสับคอลูกชายนายให้ขาดไปเลย!”
ประโยคสุดท้ายนี้เธอแทบจะตะโกนออกมาอย่างสุดแรงเกิด
ทั้งความคับข้องใจ ความอ่อนเพลีย และความเหนื่อยล้า ที่สั่งสมไว้ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ระเบิดออกมาในคราเดียว
ตอนนี้เธอแค่อยากนอน แต่ชายคนนี้กลับมากวนการนอนของเธอเพียงเพราะกระดาษที่อาจจะขาดรุ่งริ่งไปแล้วแผ่นหนึ่ง มันทำให้เธอโกรธมาก
เรื่องการสับคอผิงอันให้ตายนั้นเป็นเพียงคำพูดขู่ด้วยอารมณ์ ที่เธอแค่พูด ๆ ไปอย่างนั้น
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไป เพราะเขาเห็นได้ว่าเจียงหว่านโกรธมากจริง ๆ
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเงียบ เจียงหว่านก็พูดขึ้นเสียงแข็ง “นายเข้าใจไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงมองเธออย่างเหม่อลอย ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างไม่รู้ตัว
เจียงหว่านจึงหันหลังกลับไปนอนโดยไม่พูดอะไรอีก และหลับไปทันที!
ในขณะนี้ เฉียวเหลียนเฉิงไม่หลงเหลือความโกรธอะไรแล้ว
เมื่อมองดูมีดทำครัวที่อยู่ตรงหน้าสลับกับมองเจียงหว่านที่กำลังกรนเสียงดังอยู่บนเตียง เขากลับมีความรู้สึกแปลก ๆ ปรากฏขึ้นในหัวใจที่เคยสงบนิ่ง
เฉียวเหลียนเฉิงอดที่จะคิดกับตัวเองไม่ได้ว่า ‘นี่คือสิ่งที่คนพวกนั้นเรียกกันว่า มีแม่เสือ[1]*อยู่ที่บ้านงั้นเหรอ?’
‘ถ้าเธอไม่ติดการพนันและเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็คงจะน่าสนใจทีเดียวที่มีภรรยาแบบนี้มาคอยกำกับ’
‘อย่างน้อยมันก็จะมั่นคง’
‘น่าเสียดาย!’
คืนนั้นเจียงหว่านหลับสบายมาก พอเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเธอลืมตาตื่นก็ไม่เหลือใครอยู่ในห้องแล้ว
เธอกำลังจะลุกขึ้นอาบน้ำล้างตัวก่อนเข้าเมืองเพื่อตั้งแผงขายหมูตุ๋น แต่จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่ามีอะไรเหนียว ๆ อยู่ที่เท้า
ปฏิกิริยาแรกของเธอคือคิดว่าผิงอันทำอะไรบางอย่างเพื่อแกล้งเธอ แต่พอมองลงไป เธอก็เห็นเมือกสีเหลือง ๆ เหนียว ๆ อยู่บนพื้น
”อะไรน่ะ!”
เจียงหว่านยื่นมือออกไปจับ พอมองดูใกล้ ๆ เธอถึงกับพูดไม่ออก!
“ไข่ อ๊ะ ไก่ของฉัน!”
เมื่อมองดูก้อนเหนียว ๆ และกองเปลือกไข่ที่แตกที่ใต้เท้า เจียงหว่านก็แทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ไข่ที่เธอตั้งใจเอามาฟัก กลับถูกเธอเองบดขยี้จนแตกละเอียด
ใช่ แหลกหมดเลย!
เพราะเจียงหว่านอ้วนเกินไป และเป็นคนนอนอยู่ไม่สุข ชอบงอแข้งงอขา จนเผลอทับไข่ไปหนึ่งกล่อง
แถมไข่ในนั้นทั้งหมดยังแหลกไม่มีชิ้นดี
แหลกละเอียดจริง ๆ!
หัวใจของเจียงหว่านร้าวรานไปหมด
ในเวลานี้เอง ผิงอันก็เปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นหญิงอ้วนก้มมองขาตัวเองนิ่ง ๆ เขาจึงเดินมาดูด้วย ก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆ เธอฟักลูกเจี๊ยบแบบนี้เหรอ? ฉันคิดว่าเธอจะใช้พุงของเธอฟักมันซะอีก แต่เธอใช้เท้าฟักพวกมันออกมาแทนเนี่ยนะ”
“ฮ่า ๆๆ!” ผิงอันไม่กลั้นขำได้แม้แต่นิดเดียว เขากุมท้องหัวเราะพลางทุบเจียงหว่านอย่างชอบใจ
เจียงหว่านโกรธมากจนอยากลุกหนีออกไป และเธอเอ่ยปากไล่ผิงอัน
”ไสหัวไป!”
ผิงอันไม่สน ยังคงหัวเราะลั่น
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นว่ามีคนทับไข่แตกตอนมันกำลังฟัก
เขาเอ่ยหยอก “บ้ารึเปล่า เธอคิดว่าตัวเองเป็นแม่ไก่จริง ๆ รึไง ฉันขำจะตายแล้วนะ”
เขายังคงหัวเราะ แต่เจียงหว่านกลับเริ่มหมดความอดทน เธอไม่สนว่าน้ำเมือกบนกางเกง บนขา หรือใต้เท้าของเธอจะเป็นอย่างไรอีกต่อไป เธอกระโดดลงจากเตียง จับปลายรองเท้าให้มั่นแล้วฟาดใส่ผิงอันทันที
ทว่าเด็กชายกลับหลบมันอย่างคล่องแคล่ว ทั้งยังไม่ลืมทำหน้าทะเล้นใส่หญิงสาวด้วย
“ฉันรู้เรื่องหมดแล้ว พ่อฉันยื่นใบหย่าไปแล้ว คราวนี้หย่าแน่ ๆ!”
“เฮะ ๆ ตีไม่โดน ตีไม่โดน”
จากนั้น เด็กชายก็เปิดประตูแล้วรีบวิ่งออกไป แต่เสียงหัวเราะของเขาก็ยังคงดังก้องอยู่ที่ทางเดิน
เจียงหว่านขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ‘ใบหย่าหายไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงยื่นได้แล้วล่ะ?’
ถ้าเป็นอันที่เธอเขียนเมื่อคืนนี้ มันก็ต้องยื่นเช้าวันนี้ อย่างช่วงเจ็ดหรือแปดโมงเช้า แต่นี่เฉียวเหลียนเฉิงไปยื่นมันมาตอนไหนกัน?
เร็วเกินไปแล้ว!
แม้ว่าเธอจะสับสน แต่เธอก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจ
เธอจะหย่าอยู่แล้ว และในที่สุดก็ได้หย่าสักที!
หัวใจของเธอพลันรู้สึกเบาลงกว่าเดิม แต่ว่า… เธอควรทำยังไงกับไก่ของพี่สะใภ้เฉินและเหอหยวนหยวนดีล่ะ?
เจียงหว่านเดินไปที่เมืองอย่างหมดอาลัยตายอยาก แม้ว่าจะไม่มีไข่แล้ว เธอก็ยังลากกล่องทั้งสองใบนั้นใส่รถเข็นไปด้วย
เจียงหว่านไปที่บ้านของคนขายเนื้อ รับเนื้อมา จ่ายเงินไป พอทำทุกอย่างเสร็จ เจียงหว่านก็ถามคนขายเนื้อ
“พี่ชายช่วยฉันหาไข่เพิ่มหน่อยเถอะนะ เมื่อวานนี้ฉันทับไข่แตกไปหมดแล้วน่ะ”
[1] แม่เสือ หมายถึง แม่หรือคนที่เข้มงวด คอยบงการ บังคับและผลักดันลูกให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตนต้องการ