เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 67 ฟักไข่ ชีวิตช่างสวยงาม!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 67 ฟักไข่ ชีวิตช่างสวยงาม!
บทที่ 67 ฟักไข่ / ชีวิตช่างสวยงาม!
“สามเหมาก็ดีแล้ว ถ้าถามฉัน ฉันอยากจะให้เธอเช่าไปเลย!”
เจียงหว่านเพิ่งจะตระหนักได้ว่าพี่ชายขายเนื้อคนนี้จริงใจมาก “เอาล่ะ งั้นฉันจะเช่า”
บ้านหลังนี้ไม่เหมาะให้คนอยู่อาศัยสักเท่าไหร่ แต่เตาขนาดใหญ่จะช่วยให้เธอไม่ต้องลำบากในการเดินทางไปมา
แม้เธอจะยังต้องกลับไปนอนที่ค่ายทหารก็ตาม
“เธอเช่าก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่เธอต้องซื้อหม้อเอง และก็ต้องหาอุปกรณ์ก่อไฟด้วยตัวเองด้วย ที่นี่ไม่มีฟืนสำหรับก่อไฟให้หรอกนะ”
เจียงหว่านตอบรับ “ได้ค่ะ นี่ก็เยี่ยมแล้ว ดีกว่าวิ่งกลับไปกลับมาทุกวัน”
จากนั้นคนขายเนื้อก็พาเธอไปดูจักรยานต่อ
จักรยานเก่าดูโทรมมาก มันพุพังไปทั้งคัน
นอกจากกริ่งแล้วทุกส่วนล้วนมีเสียงดังยามขยับ
ขอบล้อแบน และแฮนด์รถงอ
คนขายเนื้อมองไปที่จักรยาน “อันนี้ราคาถูก ขายแค่สี่สิบหยวน แต่ดูท่าเธอคงต้องซ่อมเองแล้วล่ะ”
เจียงหว่านเงียบไป ก่อนจะถามขึ้นว่า “มันผ่านอะไรมาบ้างเนี่ย? เกิดอะไรขึ้นกับรถคันนี้เหรอ?”
คนขายเนื้อพูดอย่างเขินอายว่า “โดนชนแล้วตกลงไปในคูน้ำน่ะ”
เจียงหว่านส่ายหัว “ฉันรู้สึกว่าสี่สิบไม่คุ้มเลย เขาให้คุณมาขายเศษเหล็กชัด ๆ”
คนขายเนื้อเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าซ่อมก็แทบจะต้องเปลี่ยนทั้งคัน สู้ซื้อคันใหม่ไปเลยยังจะดีเสียกว่า
“ได้ ๆ เดี๋ยวฉันไปหาคันใหม่มาให้”
เจียงหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่เดินออกไปเธอก็พูดว่า “แต่ถ้าเจ้าของเต็มใจขายนี่เป็นขยะก็มาหาฉันได้นะ ฉันจะเอามันกลับไปรื้อทำเล้าไก่”
คนขายเนื้อขมวดคิ้วสงสัย “แล้วเธอจะให้เท่าไหร่ล่ะ?”
เจียงหว่านยกนิ้ว แล้วบอกว่า “สิบหยวน!”
คนขายเนื้อหัวเราะชอบใจ “สิบหยวนนี่น้อยไปนะ”
เจียงหว่านแค่นเสียงตอบกลับ “งั้นพี่ชายบอกฉันหน่อยสิ ว่าส่วนไหนของมันที่ยังสามารถใช้งานได้แบบจักรยานทั่วไปบ้าง?”
คนขายเนื้อทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดว่า “งั้นเดี๋ยวฉันจะถามคนขายให้ ถ้ายังไงแล้วจะมาบอกนะ”
“ตอนนี้ฉันจะพาไปดูไก่ก็แล้วกัน”
เจียงหว่านยิ้มสดใส “ดีค่ะ ไปเดินเล่นดูลูกเจี๊ยบกันเถอะ”
ไม่นานทั้งสองก็มาถึงบ้านของคนที่มีไก่ขาย
ก่อนพวกเขาเดินเข้าประตูไป ก็ได้ยินเสียงไก่ร้องดังออกมาทักทายแล้ว
ในอดีต เจียงหว่านไม่ชอบไก่ ก็เพราะพวกมันเสียงดังนี่แหละ
แต่ตอนนี้เธอพบว่า เสียงร้องนี้ก็ดีไปอีกแบบเหมือนกัน
เพราะถ้ายิ่งร้องดังก็หมายความว่าไข่กับเนื้อไก่จะยิ่งมากขึ้นตาม
ทั้งหมดนี้คือ ความหวัง!
ทันทีที่เข้าไปในลาน หญิงวัยสี่สิบคนนึงก็เปิดประตูออกมา
“พี่สามมานี่ได้ยังไงคะ วันนี้ไม่ต้องขายเนื้อเหรอ?”
คนขายเนื้อหัวเราะแล้วพูดว่า “เนื้อขายหมดแล้วน่ะ แล้วฉันก็ไม่ได้มาที่นี่เพื่อเยี่ยมเธอหรอกนะ อย่างที่บอกไปเมื่อวาน ฉันต้องการซื้อลูกเจี๊ยบน่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หญิงคนนั้นก็รู้สึกเขินอาย เธอพูดขึ้นว่า “พี่สามคะ ฉันจะบอกความจริงกับพี่นะ เมื่อวานที่พี่บอกฉันว่าต้องการซื้อไก่ ฉันก็เลยไปบอกสามีของฉันต่อ”
“พอเขารู้ว่าพี่ต้องการไก่ เขาเลยไปหาเหล่าสือโถว เพราะเหล่าสือโถวดูไก่ตัวผู้ตัวเมียแม่นมาก แต่พอเขาเข้ามาดูก็บอกว่าในเล้ามีตัวเมียเพียงตัวเดียว”
“พี่ว่ามันแปลกไหมคะ? เรามีไก่ตั้งสิบสองตัว แต่ดันมีตัวเมียแค่ตัวเดียว”
ได้ยินอย่างนั้น คนขายเนื้อก็หันกลับมา และอธิบายให้เจียงหว่านฟัง “เหล่าสือโถวเป็นคนเก่งที่สุดในการดูไก่ตัวผู้ตัวเมียในเมืองของเรา”
“เขามีดวงตาที่เฉียบคม แยกเพศไก่ได้อย่างถูกต้องแม่นยำเสมอ”
เจียงหว่านขมวดคิ้วสงสัย “แต่ฉันอยากได้แม่ไก่นะ ตัวผู้มันวางไข่ไม่ได้”
หลังจากพูดจบเธอก็มองไปยังหญิงวัยกลางคน “พี่สะใภ้ยังมีอีกหรือเปล่าคะ?”
พี่สะใภ้เกาหัว “มีน่ะก็มีอยู่หรอก แต่ตอนนี้ยังไม่ฟักเป็นตัวนะ อาจต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ร่วงแน่ะ”
เจียงหว่านขมวดคิ้ว ถ้าเป็นฤดูใบไม้ร่วง ตอนนั้นเธอคงจะจากไปแล้ว
เธออยากจะคืนไก่ให้สะใภ้เฉินกับเหอหยวนหยวนก่อนจะออกเดินทาง
สองคนนั้นเอาแม่ไก่ที่วางไข่ได้เลยมาให้เธอ มันจึงไม่เหมาะถ้าเธอจะให้ลูกเจี๊ยบแทน เธอจึงวางแผนจะให้ไก่ตัวเมียที่มีอายุสองถึงสามปีเป็นการชดเชย
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะยากเสียแล้ว
เจียงหว่านถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “ช่างเถอะค่ะ ฉันคงต้องคิดหาวิธีอื่น”
……
ขณะที่เธอกำลังจะจากไป พี่สะใภ้คนนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันยังมีไข่ที่ออกมานานกว่าสิบวัน ถ้าเธอไม่รังเกียจก็เอาพวกมันกลับไปฟักก็ได้”
เจียงหว่านตกตะลึงเล็กน้อย “อ่า จะดีเหรอคะ?”
หญิงวัยกลางคนยิ้ม แล้วพูดว่า “ก็เหมือนพวกเราฟักเองนั่นล่ะ ทำไมมันจะไม่ได้ล่ะ?”
“ตอนนี้อากาศร้อนอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องให้ความร้อนพวกมัน แค่เอาไข่กลับไปแล้วปล่อยไว้เฉย ๆ ก็ได้แล้ว”
“แต่ต้องคอยพลิกพวกมันบ้างนะ”
เจียงหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักพัก และตอบตกลง “ตกลงค่ะ ฉันจะซื้อไข่นั่น แต่ฉันขอดูไข่ก่อนได้ไหมคะ?”
สะใภ้คนนั้นรีบตกลง “ได้ ๆ มา ฉันจะพาเธอไปดู”
เธอพาเจียงหว่านเข้าไปในบ้าน ที่นั่นมีกล่องไม้หลายกล่องวางอยู่บนลัง และถูกคลุมไว้ด้วยฟาง ข้างในกล่องเต็มไปด้วยไข่จำนวนมาก
“ตอนนี้อุณหภูมิสูงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องทำให้อุ่นมันก็จะฟักออกมาง่าย ๆ เองล่ะนะ”
เจียงหว่านคิดถึงวิดีโอที่เธอเคยเห็นในชีวิตก่อน ในซูเปอร์มาร์เก็ตบางแห่ง มีไข่ที่ฟักออกมาเองจนมีลูกเจี๊ยบตัวน้อยก็วิ่งไปทั่วพื้น เนื่องจากอากาศร้อน
ดังนั้นที่พี่สะใภ้คนนี้พูดจึงดูน่าจะเป็นไปได้จริง ๆ
ผู้หญิงคนนั้นหยิบไฟฉายออกมา แล้วใช้กระดาษม้วนเป็นกระบอกขนาดพอดีด้วยตัวเอง ส่องไฟฉายผ่านกระบอกกระดาษ แล้วใช้ปลายอีกด้านไปจ่อที่ไข่
ผ้าม่านที่หน้าต่างทำจากผ้าหลายชั้น มันหนามาก จึงกันแสงได้ดี
หลังจากปิดม่านและเปิดไฟฉาย แสงก็ส่องผ่านเปลือกไข่ ทำให้เห็นเส้นเลือดสีแดงบาง ๆ ดูเหมือนใยแมงมุมที่อยู่ข้างในได้อย่างชัดเจน
ดูเหมือนจะมีจุดสีเหลืองเล็ก ๆ อยู่ตรงกลางด้วย
“สีเหลือง ๆ นี่คือหัวใจเหรอคะ?” เจียงหว่านถามขณะเบิกตากว้างด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พี่สะใภ้คนนั้นพยักหน้า “ใช่แล้ว มันดูดีใช่ไหม?”
เจียงหว่านสูดหายใจเข้าลึก ๆ เธอรู้สึกว่ามันมหัศจรรย์มาก!
ผู้หญิงวัยสี่สิบพูดว่า “ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นการเต้นของหัวใจด้วยนะ”
เจียงหว่านขยับเข้าไปใกล้อีกนิด และอย่างที่พี่สะใภ้บอก เธอเห็นหัวใจดวงน้อยกำลังเต้นแรงมาก แต่ถ้าไม่ได้จ้องมองอย่างระมัดระวังก็ยากจะบอกได้
“อ่า ฉันไม่เคยคิดเลยว่าไข่ฟักจะมีหน้าตาแบบนี้”
“ต้องรอกี่วันกว่าพวกมันจะกะเทาะเปลือกออกมาเหรอคะ”
“ปกติก็ใช้เวลายี่สิบเอ็ดวัน แต่ไข่ชุดนี้เพิ่งเริ่มฟักผ่านมาแค่ห้าวัน ฉันเดาว่าน่าจะใช้เวลาอีกราวครึ่งเดือนนะ”
เจียงหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “มีที่แก่กว่านี้ไหมคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้า หยิบไข่ออกมาจากกล่องข้าง ๆ แล้ววางลงตรงกระบอกกระดาษ
ฉายไฟเข้าไป แต่คราวนี้ภายในไข่กลับเป็นสีดำ ตัวไข่แบ่งออกเป็นสีดำครึ่งสีขาวครึ่ง
ความรู้สึกนั้นยากจะอธิบาย
เจียงหว่านไม่ได้รู้สึกประทับใจเท่าอันที่เพิ่งฟักมาห้าวันสักเท่าไหร่
“อันนี้จะฟักออกมาในอีกราวสี่หรือห้าวันนี่แหล่ะ”
“แต่ชุดนี้ถูกจองไปแล้วนะ”
“ถ้าเธอต้องการ ฉันสามารถให้ชุดที่เพิ่งฟักได้ห้าวันนี้กับเธอได้”
เจียงหว่านลังเลแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจรับไว้ …แค่ครึ่งเดือน เธอรอก็ได้
”ราคาเท่าไหร่คะ?”
ผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “เธอเป็นคนที่พี่สามพามา เอาเป็นว่าฉันไม่สนใจว่าเธอจะอยากได้มากน้อยเท่าไหร่ ไข่ที่เพิ่งเริ่มฟักมาห้าวันนี้คิดราคาแค่ฟองละสามสิบเหมาก็แล้วกัน”
ปัจจุบัน ไข่ไม่ได้เป็นที่ต้องการเท่าปลายยุค 70
ด้วยการปฏิรูปที่เปิดกว้างอย่างทุกวันนี้ ทำให้ตลาดเปิดเสรีและมีหลายคนที่เลี้ยงไก่ไว้ที่บ้าน
ถึงอย่างนั้น ไข่ในตลาดก็มีราคาฟองละประมาณยี่สิบเหมา
และสำหรับไข่กำลังฟักมาเป็นเวลาห้าวันแล้ว ราคาสามสิบเหมาจึงถือเป็นราคาที่สมเหตุสมผลทีเดียว
เจียงหว่านมีความสุขมากจนเธอโบกมือสั่งไข่ทีเดียวถึงสิบสองฟอง
สาเหตุหลัก ๆ ก็เพราะเธอกลัวมันตกแตกหรือฟักไม่สำเร็จ
“เธอพอใจกับชุดนี้ไหม? แล้วเธอจะเอาพวกมันกลับไปยังไงล่ะ?”
ขณะที่พี่สะใภ้คนนั้นพูด เธอก็หยิบไข่ออกมาสิบสองฟอง ส่องไฟผ่านกระบอกกระดาษ และวางไว้ข้าง ๆ
เจียงหว่านเกาหัวแกรก ๆ เธอมาโดยไม่ได้เตรียมตัว ในมือจึงไม่มีอะไรพอจะใส่ไข่กลับไปได้เลย
“ฉันไม่มีอะไรใส่กลับเลยค่ะ”
“คุณมีอะไรที่พอจะใช้ได้รึเปล่าคะ? ให้ฉันยืมก่อนได้ไหม”
หญิงขายไข่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็หันกลับไปหยิบกล่องรองเท้ามา