เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 65 ไม่เพียงแต่นายจะเลวเท่านั้น แต่ยังโง่อีกด้วย
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 65 ไม่เพียงแต่นายจะเลวเท่านั้น แต่ยังโง่อีกด้วย
บทที่ 65 ไม่เพียงแต่นายจะเลวเท่านั้น แต่ยังโง่อีกด้วย
เจียงเสวี่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก่อนที่เธอจะทันได้มีความสุข หลี่ซิ่วหลันก็กล่าวต่อ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ดูเหมือนเขาจะยังลังเลอยู่นะ คล้ายกับว่าเขายังไม่อยากปล่อยมือ”
เจียงเสวี่ยขมวดคิ้วมุ่น
“แล้วฉันควรทำยังไงดี? ฉันไม่สามารถเกลี้ยกล่อมพี่เฉียวได้เลย!”
หลี่ซิ่วหลันรีบพูดว่า “ทำไมเธอต้องเกลี้ยกล่อมด้วย? ตอนนี้เธออยู่ห่างจากตำแหน่งภรรยาของหัวหน้ากองพันเฉียวเพียงไม่กี่ก้าวแล้วนะ”
“ฉันได้ใบหย่าของพี่เฉียวมา ตอนที่เขาออกไปในวันนั้น มีกระดาษแผ่นหนึ่งหล่นออกมาจากกระเป๋าเขา ฉันอ่านไม่ออก แต่จำคำว่าหย่าได้ มาช่วยฉันดูหน่อยว่าใช่ใบหย่าไหม”
จากนั้นเธอก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งมอบให้เจียงเสวี่ย
เจียงเสวี่ยรีบรับมันมา ใช่! มันเป็นคำร้องขอหย่าจริง ๆ
ด้านล่างก็มีตราประทับและลายเซ็นส่วนตัวของเฉียวเหลียนเฉิงอยู่
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเหตุผลในการยื่นคำร้องขอหย่า ‘เจียงหว่านติดการพนัน หลังจากการตักเตือนซ้ำแล้วซ้ำอีก เธอก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงนิสัย’
เจียงเสวี่ยมีความสุขมาก
แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบสติอารมณ์ได้ “ได้เจ้านี่มาจะมีประโยชน์อะไร? ยังไงเขาก็ต้องส่งให้เบื้องบนด้วยมือของตัวเอง”
หลี่ซิ่วหลันแบมือออก “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ช่วยเธอไม่ได้แล้ว อ๊ะ! แต่ถ้ามีคนส่งเอกสารนี้ปนไปกับเอกสารอื่นโดยไม่ตั้งใจ ฉันสงสัยจังว่าเบื้องบนจะสงสัยรึเปล่าน้า?”
เธอพึมพำด้วยท่าทางราวกับสับสน พลางชำเลืองมองเจียงเสวี่ย และรู้สึกพอใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด
ใกล้จะได้ที่แล้ว ถึงเวลาที่เธอต้องจากไปสักที
“ยังไงก็เถอะ เจียงเสวี่ย ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นผ้าลายดอกไม้ตัวเล็ก ๆ ที่หลินชิงโหรวใส่ มันดูดีมาก”
“น่าเสียดายที่มันน่าจะแพงมากด้วย”
วันนี้เจียงเสวี่ยมีความสุขจริง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเห็นใบหย่าของเฉียวเหลียนเฉิง
ทันทีที่หลี่ซิ่วหลันพูดคำเหล่านั้นออกมา เจียงเสวี่ยจึงแสดงท่าทางเย่อหยิ่งและไม่แยแส
“อืม ก็งั้น ๆ ผ้าที่แม่ฉันส่งมาให้สวยกว่าเยอะเลย”
“ตอนนี้ฉันยังทำอะไรไม่ได้ แต่ไว้อาการดีขึ้นแล้วจะเอาผ้ามาทำชุดลายดอก ต้องดูดีแน่นอน”
หลังจากพูดอย่างนี้ เธอก็มองไปยังหลี่ซิ่วหลันด้วยร่องรอยของความภูมิใจที่ระหว่างคิ้ว
ดูเหมือนกำลังพูดว่า ‘ดูคนบ้านนอกอย่างเธอสิ ทำเหมือนทุกอย่างเป็นสมบัติไปซะหมด’
หลี่ซิ่วหลันงุ้มริมฝีปากของเธอลงอย่างเสียใจ “การมีแม่ดี ๆ แบบนั้นน่าอิจฉาจัง ต่างจากฉันที่มาจากชนบท แม้ว่าจะมีผ้าดี ๆ ฉันก็ทำได้แค่มองดูพวกมันเท่านั้น”
“ไม่รู้ว่าในชีวิตนี้ฉันจะได้สวมเสื้อผ้าดี ๆ แบบนั้นบ้างไหม”
เจียงเสวี่ยหรี่ตาลง ก่อนจะมีแสงสว่างวูบขึ้นมาในใจของเธอ
เธอยิ้มแล้วพูดว่า “เธออยากได้มันไหม?”
หลี่ซิ่วหลันรีบพยักหน้า “ฉันอยากได้ แน่นอนฉันต้องอยากได้มันสิ”
เจียงเสวี่ยจึงพูดต่อ “ถ้าเธออยากได้ ฉันก็ให้เธอได้ แต่เธอต้องจ่ายค่าตัดเย็บเอาเองนะ”
หลี่ซิ่วหลันมีความสุขมากจนเธอเกือบจะร้องกรี๊ด “จริงเหรอ? เจียงเสวี่ย เธอใจดีจังเลย”
เจียงเสวี่ยกล่าวเสริมเบา ๆ “แต่ฉันไม่ได้ให้เปล่า เธอต้องทำอะไรบางอย่างให้ฉันเป็นการแลกเปลี่ยน”
หลี่ซิ่วหลันตะลึงไป ก่อนจะถามอย่างสงสัย “ทำอะไรงั้นเหรอ?”
เจียงเสวี่ยเอ่ย “ฉันยังบอกเธอไม่ได้ แต่คงจะให้เธอทำในช่วงไม่กี่วันนี้แหละ ไม่ต้องห่วง มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
“เป็นแค่เรื่องจิปาถะ”
ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย หลี่ซิ่วหลันก็ตอบตกลงอย่างมีความสุข
อีกด้าน เมื่อเจียงหว่านได้เจอถันหลงอีกครั้ง ถันหลงดูจะซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่แววตาของเขากลับวาวโรจน์ ดูไม่ยินดีและโกรธเกรี้ยว
เมื่อเห็นเจียงหว่าน ถันหลงก็โมโหมากจนสบถสาปแช่ง
“นังสารเลว ฉันไม่เคยคิดเลยว่าจะถูกนังตัวเหม็นอย่างแกหลอก รอก่อนเถอะ รอให้ฉันออกไปได้ก่อนเถอะ”
“ถ้าฉันไม่ได้เอาไขมันออกจากร่างกายของแกจนหมด ฉันจะยอมใช้นามสกุลของแกเลย!”
……
เจียงหว่านไม่โกรธ เธอแค่มองเขาด้วยรอยยิ้มอันน่าขนลุก
เมื่อเห็นว่าปากของเขาเริ่มแห้งผากจากความนิ่งเฉยของเธอ เจียงหว่านก็พูดขึ้นทันที
“ฉันเคยคิดว่านายเป็นคนเลว และโลภนิดหน่อย แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่านายไม่ใช่แค่เลว แต่ยังโง่มากด้วย!”
ถันหลงขมวดคิ้ว “แกหมายความว่ายังไง?”
เจียงหว่านหัวเราะเยาะ “ทำไม? นายคิดว่านายยังสามารถออกมาได้ เพราะคำสัญญาที่เจียงเสวี่ยมอบให้กับนายงั้นเหรอ?”
ถันหลงตะคอก “ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดถึงอะไร ฉันไม่รู้จักยัยเจียงเสวี่ยอะไรนั่นด้วย!”
จู่ ๆ เจียงหว่านก็ตระหนักได้ “อ้อ จริงสิ นายคงไม่รู้จักเจียงเสวี่ยจริง ๆ เพราะนายไม่มีโอกาสได้พบกับเธอด้วยซ้ำ”
“ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะเป็นเยี่ยนจื่อที่เป็นสื่อกลาง!”
“เยี่ยนจื่อพูดว่ายังไง? จะให้นายสองร้อยเมื่อเสร็จเรื่อง และจะพานายไปที่เหยียนจิงงั้นสินะ?”
หัวใจของถันหลงเต้นระรัว เขาจ้องมองไปที่เจียงหว่านโดยไม่ปริปากพูดอะไรอีกแม้สักคำ
เจียงหว่านจึงกล่าวต่อ “ฉันมาที่นี่เพื่อดูว่านายโง่แค่ไหน พอได้เห็นแบบนี้ นายมันโง่จริง ๆ แต่มันก็ทำให้ฉันมีความสุขมากนะรู้ไหม”
“ส่วนเจียงเสวี่ยนั่น ฉันบอกได้เลยว่าไม่ต้องคิดพึ่งพายัยนั่นหรอก ความมันแตกหมดแล้ว แถมพี่ชายของยัยนั่นยังหักขายัยนั่นเพื่อทำโทษด้วย ตอนนี้ยัยนั่นทำได้แค่ใช้รถเข็นเท่านั้นแหละ!”
“บอกฉันมาสิว่านายโง่แค่ไหน? แม้ว่าเจียงเสวี่ยจะพานายไปที่เหยียนจิง แต่เธอได้บอกรึเปล่าว่าจะให้นายทำอะไรที่นั่น?”
“เธอไม่ได้บอกล่ะสิ”
ลางสังหรณ์เลวร้ายกำลังปรากฏขึ้นในใจของถันหลง
เจียงหว่านกล่าวต่อ “เมืองเหยียนจิงอยู่ตรงนั้น ทั้งประตูก็ไม่ได้ล็อก ใคร ๆ ก็สามารถเข้าไปได้”
“แล้วนายยังต้องการให้เธอพาเข้าไปด้วยเหรอ?”
“ถ้านายคิดจะทำงานที่เหยียนจิง อย่าหวังไปเลย ไม่เห็นเหรอว่ายัยนั่นเองยังไม่มีที่ไปเลย ทำได้แค่นั่งจ๋องอยู่ในค่ายทหารเท่านั้นเอง”
“พวกญาติทหารก็ล้วนเป็นภรรยากับลูก แต่ยัยนั่นมาที่นี่กับพี่ชาย ทำไมล่ะ? เพราะไม่มีที่ไปน่ะสิ!”
“ยัยนั่นไม่มีงานทำด้วยซ้ำ แล้วจะหางานให้นายได้เหรอ?”
ถันหลงตกตะลึง หลังจากนั้นเขาก็ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง “แกกำลังพูดเรื่องไร้สาระ ฉันไม่สนหรอกว่าเธอจะหางานให้ทำรึเปล่า”
เจียงหว่านพยักหน้า “ก็ใช่ นายไม่สนใจ แล้วทำไมนายถึงจะไปที่เมืองเหยียนจิงเพื่อเป็นแรงงานอพยพล่ะ!”
แรงงานอพยพ โดยทั่วไปเป็นคำที่ใช้สำหรับเรียกผู้มีทะเบียนบ้านในชนบท ซึ่งไม่มีการจ้างงานอย่างเป็นทางการในระยะยาวหลังจากเข้ามาในเมือง ไม่ใช่คนงานตามสัญญาจ้างในองค์กร และไม่มีแหล่งรายได้ที่เชื่อถือได้
คำว่าแรงงานอพยพที่ออกจากปากของเจียงหว่านทำให้ถันหลงเหี่ยวเฉาลงทันที
เขากัดริมฝีปากแน่น และก้มหน้าลงอย่างเงียบ ๆ
เจียงหว่านกล่าวต่อ “ฉันขอบอกนายไว้เลยว่ายัยนั่นกำลังหลอกนาย ฐานะทางครอบครัวของเธอดี แต่ครอบครัวของเธอก็มีแม่เลี้ยง”
“เข้าใจคำว่าแม่เลี้ยงไหม?”
ถันหลงเข้าใจดี ส่วนใหญ่แล้วแม่เลี้ยงมักไม่แยแส และไม่ต้องการเจอกับลูกเลี้ยง
ถ้าเป็นแม่เลี้ยงไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้หญิงคนนั้นจะมานั่งจ๋องอยู่ในค่ายทหารนี่โดยไม่กลับไป กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทุกสิ่งที่เธอพูดเป็นเรื่องโกหก เธอเพียงวาดเค้กก้อนโตให้เขาดูเท่านั้นเอง
ถันหลงจ้องมองเจียงหว่านด้วยความโกรธแค้น ในใจยังคงไม่อยากเชื่ออยู่เล็กน้อย
ยังไงก็ตาม สิ่งที่เจียงหว่านพูด มันมีเหตุผลจนแทบจะแน่ใจได้เลยว่าคำพูดเหล่านี้เป็นความจริง
แม้ว่าเขาจะเดาผลลัพธ์ได้ แต่ถันหลงก็ยังคงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว
“นังตัวเหม็นอย่างแกพูดจาไร้สาระ ฉันไม่เชื่อ!”
เจียงหว่านกล่าวต่อ “เชิญนายไม่เชื่อต่อไปเถอะ แต่ถึงนายไม่เชื่อ ผู้หญิงคนนั้นก็คงไม่ยอมรับหรอกมั้งว่าตีตัวออกห่างจากนาย”
“อีกอย่าง ฉันรู้สึกว่านายโง่จริง ๆ!”
“เรื่องนี้มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง อย่างแรกคือทุกสิ่งที่ฉันพูดนั้นถูกต้อง แล้วนายที่ไม่พูดอะไรเลยก็จะถูกลงโทษสำหรับอาชญากรรมแต่ละอย่าง อีกทั้งคนของนายล้วนถูกจับหมดแล้ว และพวกนั้นก็จะชี้เป้ามาที่นาย”
“แล้วนายก็จะหนีไม่พ้น!”