เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 61 ทั้งสองต่างเป็นคนแปลกหน้าแม้ว่าจะอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 61 ทั้งสองต่างเป็นคนแปลกหน้าแม้ว่าจะอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
บทที่ 61 ทั้งสองต่างเป็นคนแปลกหน้าแม้ว่าจะอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กโตก็ตาเป็นประกาย รถของเล่นที่พวกเขาเบื่อจะเล่นแล้วกลับแลกเป็นไอติมได้แปดสิบอัน
“แต่ว่านะ ถ้าขายรถเข็นไปแบบนี้แล้วแม่จะโกรธรึเปล่า?”
เสี่ยวหนิวยิ้ม “แค่บอกว่าทำมันหายก็พอ!”
เด็กโตคิดตามและเห็นด้วย เด็กทั้งสองจึงจับมือกันเดินไปซื้อไอติมมากิน
ขณะที่เจียงหว่านกำลังลากรถกลับ
ในห้องทำงานของเฉียวเหลียนเฉิง
วันนี้เฉียวเหลียนเฉิงอารมณ์ไม่ดี หลังจากเดินไปชั้นล่างตามปกติในตอนเช้า เขาก็มานั่งเหม่ออยู่ในห้องทำงานเพียงลำพัง
ใบขอหย่าร้างที่เขาเขียนไว้ก่อนหน้านี้วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า
ขณะนี้จิตใจของเขากำลังวุ่นวาย ในหัวก็เต็มไปด้วยความคิดมากมาย
ถ้าเป็นในอดีต เขาคงจะส่งใบหย่าไปโดยไม่ลังเล
แต่เมื่อคิดถึงว่าเจียงหว่านสอนอะไรผิงอันหลาย ๆ อย่าง เขาก็ลังเลอีกครั้ง
ใจของเขายังคงมีความไม่เต็มใจอยู่ลึก ๆ ซึ่งเขาจงใจเพิกเฉยต่อมัน
ขณะที่เขายังลังเลอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น
คนข้างนอกรอสักพัก เมื่อเห็นว่าคนในห้องไม่ตอบรับจึงเปิดประตูออก แล้วฉินฮั่นก็เดินเข้ามา
“เหล่าเฉียว ฉันมีเรื่องจะบอก…”
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงนั้น เขาเงยหน้าขึ้น ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเป็นฉินฮั่น
“เหล่าฉิน มีอะไรเหรอ?”
ฉินฮั่นเดินเข้ามาหา ดวงตาของเขามองลงบนโต๊ะ และเห็นใบหย่าที่เขียนเสร็จแล้ววางอยู่
เห็นกระทั่งเหตุผลในช่องสุดท้ายของการหย่าร้าง มันเขียนไว้ว่า ‘เจียงหว่านติดการพนัน หลังจากการตักเตือนซ้ำแล้วซ้ำอีก เธอก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงนิสัย’
เขาตกตะลึง จึงถามอย่างสงสัยว่า “นายจะหย่าจริง ๆ เหรอ? เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันยังเห็นว่าภรรยาของนายเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอยู่เลย!”
เฉียวเหลียนเฉิงที่เพิ่งรู้สึกตัว พับใบหย่าแล้วยัดมันลงในกระเป๋ากางเกงทันที
เขาพูดตอบเสียงแผ่ว “ไม่มีอะไร ฉันแค่เอามันออกมาดู นายมาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า?”
ฉินฮั่นรีบตอบ “ผู้บัญชาการขอให้นายเอากุญแจจักรยานให้เขาน่ะ”
พูดยังไม่จบดี
ผู้บัญชาการก็เข้ามา
”เหลียนเฉิง!”
เมื่อเห็นอย่างนี้ ฉินฮั่นก็รีบบอกว่า “เหล่าเฉียว นายคุยกับผู้บัญชาการเถอะ ฉันจะกลับไปก่อน” ก่อนจะวิ่งหนีออกไป
ครั้งก่อนเขาทำผิดพลาดไป เลยกลัวโดนผู้บัญชาการจับได้
ส่วนผู้บัญชาการเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะออกไปก็ไม่ได้ห้ามอะไร
เขาหันไปหาเฉียวเหลียนเฉิง และพูดธุระทันที “ฉันจะเอาจักรยานไปก่อนนะ”
เฉียวเหลียนเฉิงรีบพยักหน้า หยิบกุญแจรถออกมาแล้วมอบให้ผู้บัญชาการ!
ผู้บัญชาการพูดว่า “ภรรยาของฉันกลับมาแล้ว ฉันจะไปรับเธอน่ะ ไม่ต้องห่วง ไว้วันนี้ฉันใช้มันเสร็จ ฉันจะเอามันมาคืน”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว “ไม่เป็นไรครับผู้บัญชาการ จักรยานคันนี้เป็นของคุณตั้งแต่แรก ผมแค่ยืมไปเท่านั้น”
ผู้บัญชาการเพียงยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้ใช้อะไรอยู่แล้ว ถ้าวันนี้ฉันไม่ไปรับเมีย ฉันคงไม่ขอมันกลับมาจากนายหรอก”
“ภรรยาของนาย เธอใช้รถคันนี้ออกไปขายเนื้อในเมืองทุกวันนี่ แบบนี้มีประโยชน์กว่าซะอีก”
เฉียวเหลียนเฉิงโบกมือด้วยความลำบากใจ “ไม่ครับ ๆ ไม่ต้องสนเธอหรอกครับ แล้วก็ไม่ต้องคืนจักรยานด้วย เธอไม่ต้องการมันอีกแล้วครับ”
หลังจากที่เฉียวเหลียนเฉิงรู้ว่าเจียงหว่านไปที่โรงพนันอีกครั้ง เขาก็กังวลว่าวันหนึ่งเจียงหว่านจะเอาทุกอย่างไปขาย และถ้าเธอหน้ามืดตามัว เธออาจขายจักรยานนี่
จักรยานคันนี้เป็นของผู้บัญชาการกองพัน หากมันถูกขายไปจริง ๆ เขาคงอึดอัดใจมาก
ยิ่งไปกว่านั้น เจียงหว่านเองก็เคยทำเรื่องแบบนี้มาก่อน!
เมื่อได้ยินเขาพูด ผู้บัญชาการก็ไม่เกรงใจ “ได้ ฉันจะออกไปก่อนนะ ถ้าจำเป็นต้องใช้ก็บอกมาได้เลย”
ผู้บัญชาการหันหลังจากไป
ทางเฉียวเหลียนเฉิงก็นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
ขยี้ผมอย่างหงุดหงิด ก่อนจะจำได้ว่าเมื่อเช้าเขารีบออกมาเพราะโกรธเจียงหว่าน และลืมบอกเธอว่าผู้บัญชาการต้องการใช้จักรยาน
เขาไม่รู้เลยว่าเธอจะโกรธหรือเปล่า
……
ความคิดนี้แวบขึ้นมาในใจของชายหนุ่ม ก่อนเขาจะหัวเราะกับตัวเอง
“ช่างมันเถอะ! มันไม่สำคัญอยู่แล้วว่าเธอจะโกรธหรือไม่โกรธ”
หลังจากสลัดความคิดออกไปแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงก็นั่งลงทำธุระของตัวเองต่อไป
เจียงหว่านกลับมาถึงค่ายก็เป็นเวลาสิบโมงแล้ว
เธอเหนื่อยมากจนเกือบจะล้มลง
เมื่อกลับถึงบ้าน เธอถอดเสื้อผ้าออก ใช้มือบิดผ้าให้เหงื่อไหลหยดออกมา
เธอบิดมัน สะบัดมัน แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่อีกครั้ง
ทำยังไงได้? เธออ้วน จึงต้องใช้ผ้าเยอะมากมาปกปิดร่างกาย
เฉียวเหลียนเฉิงเคยซื้อผ้าให้เธอมาก่อน และเป็นผ้าคุณภาพดี
แต่ไม่ทันได้ใช้ ร่างเดิมก็เอาผ้านั่นไปจ่ายพนันเสียก่อน
มันไม่แปลกเลยที่เฉียวเหลียนเฉิงจะเกลียดเธอ แม้แต่เจียงหว่านเองก็ยังไม่พอใจเจ้าของร่างเดิมเหมือนกัน
เธอมีใส่อยู่ตอนนี้จึงเป็นเสื้อผ้าฤดูร้อนเพียงชุดเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นผ้าลินินนั้นแข็งแรง มันคงจะขาดไปนานแล้ว
เพราะอย่างนั้นไม่ว่าชุดจะเป็นยังไง เธอก็จะต้องสวมมันให้ได้
ตอนนี้เธอเหนื่อยมาก แต่ไม่มีเวลาพักผ่อนนัก เธอยังต้องทำหมูตุ๋นแล้วเอาไปขายในเมือง
ถ้าทำไม่ทันเที่ยง ก็ต้องรอถึงเย็นจึงจะขายได้ แล้วเธอจะลำบากอย่างมาก และอาจขายได้ไม่หมดด้วย
อีกอย่างวันนี้อากาศร้อน ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะได้เสียง่าย
และนั่นจะเป็นการเสียหายครั้งใหญ่แน่ ๆ!
เมื่อผิงอันและตงเซิงกลับมาบ้าน พวกเขาก็เห็นเจียงหว่านนั่งถอนขนหัวหมูอยู่
”นี่ เธอน่ะ!”
ผิงอันตะโกน
เจียงหว่านไม่เงยหน้า “พูดมา”
ผิงอันถามว่า “เธอยังมีเวลาสอนฉันไหม?”
หากเป็นเวลาตามปกติ ตอนนี้เธอน่าจะโยนหัวหมูใส่ในหม้อไปนานแล้ว
ถึงได้มีเวลาสอนผิงอัน
แต่ตอนนี้…
เจียงหว่านยังคงยุ่งอยู่กับงานที่ทำ จึงพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นไป
“ได้ มาท่องบทกวีตรงนี้สิ”
ผิงอันเงียบ แต่สุดท้ายก็รับคำด้วยเสียงต่ำ จากนั้นเดินไปหาเจียงหว่านเพื่อท่องบทกวี
”ห่าน ห่าน ห่าน แหงนคอ…”
ผิงอันท่องไปได้สองสามประโยค เจียงหว่านก็ถามขณะยุ่งอยู่กับงานในมือ
“ใครเป็นผู้เขียนบทกวีนี้?”
ผิงอันเกาหัวแล้วพูดว่า “เหมือนจะเป็นหวังอะไรสักอย่าง…”
เจียงหว่านชำเลืองมองเขาจากด้านข้าง “เธอจำบทกวีได้ แต่ไม่จำผู้แต่ง?”
ผิงอันพูดอย่างเสียใจ “ฉันจำบทกวี แต่ไม่ได้สนผู้แต่งสักหน่อย จำแค่บทกวีเท่านั้นแหละ”
เจียงหว่านแค่นเสียง “ไร้สาระ เธอควรจดจำผู้แต่งมากกว่าบทกวี เพราะเขาเป็นคนสร้างบทกวีนี้ ดังนั้นเขาจึงสมควรถูกจดจำมากกว่า”
“นี่เรียกว่าการเคารพ”
ผิงอันยังคงนิ่งเงียบ
เจียงหว่านยังคงสอนต่อไปจนงานทั้งหมดในมือของเธอจะเสร็จสิ้น
“ไม่ว่าในอนาคตแม่เลี้ยงของเธอจะเป็นใคร หรือไม่ว่าเธอจะเลือกเส้นทางของตัวเองยังไง ก็ต้องจำเรื่องนี้เอาไว้”
”ผู้คนต้องเรียนรู้ที่จะเคารพผู้อื่น และคนอื่น ๆ ก็จะเคารพเธอเช่นกัน”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ใส่เนื้อที่เตรียมไว้ลงในกะละมังขนาดใหญ่แล้วยกลงไปชั้นล่างเพื่อระบายเลือด
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็หันไปมองผิงอันแล้วตะโกนว่า “ตามฉันมาสิ ลงไปชั้นล่าง แล้วฉันจะสอนวิธีจำคำศัพท์ให้”
ผิงอันรีบวิ่งตามเธอไป
เมื่อเฉียวเหลียนเฉิงกลับมาพร้อมอาหารกลางวัน เจียงหว่านก็จากไปแล้วพร้อมกับเนื้อตุ๋นของเธอ
เขาวางอาหารที่เอามาลงบนโต๊ะ ก่อนจะว่าเห็นผิงอันยืนอยู่ที่หน้าต่าง และกำลังพึมพำอะไรบางอย่าง
“ผิงอัน ลูกทำอะไรน่ะ”
เฉียวเหลียนเฉิงร้องเรียก
ผิงอันกลับมาได้สติ และอธิบายว่า “ผมกำลังท่องคำศัพท์”
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าว “ลูกท่องศัพท์มือเปล่าได้ยังไง? มันทำให้จำได้ไม่ดีเท่ากับการคัดหรอกนะ ถ้าลูกคัดมาก ๆ ลูกจะจดจำมันได้ แล้วก็เพิ่มความจำของลูกได้อีก”
“สมุดไม่เหลือแล้วเหรอ? งั้นไว้ตอนบ่ายพ่อจะซื้อให้ลูกอีกเล่มก็แล้วกัน”