เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 60 ความซาบซึ้งจากคนขายเนื้อ
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 60 ความซาบซึ้งจากคนขายเนื้อ
บทที่ 60 ความซาบซึ้งจากคนขายเนื้อ
วันนี้อีกฝ่ายยิ้มจนตาหยีมองไม่เห็นลูกตา เจียงหว่านจึงรู้สึกประหลาดใจเป็นพิเศษ
“วันนี้พี่ชายดูอารมณ์ดี ที่บ้านมีเรื่องดี ๆ เหรอ”
เธอถามด้วยความลังเล
คนขายเนื้อผงกหัว “ใช่ เรื่องวันนั้นฉันต้องขอบคุณเธอจริง ๆ นะ”
เจียงหว่านรู้สึกประหลาดใจ ก่อนที่เธอจะถาม คนขายเนื้อก็อธิบายขึ้นมาก่อน
“เมื่อวานเธอกับสหายตำรวจไปทลายโรงพนันใช่หรือเปล่า?”
เจียงหว่านตอบ “ใช่ มีอะไรเหรอ?”
คนขายเนื้อกล่าวต่อ “หนึ่งในคนที่อยู่ที่นั่นคือน้องชายของฉัน บอกว่าเธอเปิดโปงแผนการโกงของพวกโรงพนัน พอน้องชายของฉันกลับมา เขาก็บอกฉันว่า เขาคิดว่าการไปที่นั่นเป็นการลองเสี่ยงโชค แต่วันนี้เขาได้รู้แล้วว่าเขาถูกหลอก”
“แล้วเขายังบอกฉันอีกว่าเขาจะไม่เล่นการพนันอีกต่อไป”
“เธอรู้หรือเปล่าว่าน้องชายของฉันวัน ๆ ไม่เคยทำอะไร พอมีเงินก็เอาแต่เล่นพนัน ฉันเคยถึงกับถือมีดขู่เขา แต่หมอนั่นก็ยังไม่สนใจ”
“ฉันไม่ได้คิดเลยว่าเธอจะเปลี่ยนใจเขาได้ เธอได้ช่วยครอบครัวของฉันไว้จริง ๆ”
“ต่อไปนี้หลังฆ่าหมู ฉันจะเก็บหัวหมูไว้ให้เธอ เธอไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเอาไปขายให้คนอื่นนะ”
เจียงหว่านดีใจมาก จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ชาย แค่ประโยคนี้ของพี่ก็พอแล้ว ไม่ต้องกังวล ฉันจะฝากเงินไว้ให้พี่ล่วงหน้า และฉันจะให้ราคาตลาด ไม่ยอมเอาเปรียบพี่แน่นอน”
ทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุข ก่อนคนขายเนื้อจะหมุนตัวไปเอาหัวหมูกับชุดเครื่องในมาให้เจียงหว่าน
“วันนี้หัวหมูใหญ่หน่อยนะ ร่วม 30 กิโลกรัมได้…”
เจียงหว่านจ่ายเงินส่วนของครั้งนี้ จากนั้นก็เพิ่มเงินไว้อีกสิบหยวนเป็นเงินมัดจำสำหรับวันพรุ่งนี้ เธอชำระเงินเสร็จสรรพ
แต่คนขายเนื้อกลับพูดขึ้นว่า “เงินมัดจำไม่จำเป็นหรอก ฉันเชื่อใจเธอ เธอมาที่นี่ได้ทุกเมื่อเลยนะ”
เจียงหว่านส่ายหัว “ไม่ได้หรอก ถ้าฉันมีอะไรต้องทำและมาไม่ได้ มันจะไม่ทำให้พี่เสียเวลาเหรอ? ถ้าฉันจ่ายเงินมัดจำแล้ว ถึงฉันจะไม่มาตอนบ่าย ก็มั่นใจได้ว่าฉันจะมาตอนเย็นไง”
“ถึงมาไม่ได้ก็ไม่เป็นไร!”
คนขายเนื้อยกนิ้วโป้งขึ้นแล้วพูดว่า “สาวน้อย เธอเป็นคนพิเศษมาก ฉันจะรับเงินไว้ก็ได้ แต่ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือจากฉันก็บอกมาได้เลย”
เจียงหว่านกลอกตา “พี่ชาย จะว่าไป ฉันต้องการความช่วยเหลือจากพี่จริง ๆ นั่นแหละ”
“พี่ช่วยถามคนในหมู่บ้านหน่อยได้ไหมว่ามีใครอยากจะปล่อยเช่าบ้านแถว ๆ นี้บ้าง?”
“เอาแบบที่ทำอาหารได้ สภาพแวดล้อมปลอดภัยก็พอ”
“หรือถามว่ามีใครสนใจจะขายจักรยานมือสองไหม แล้วจะขายราคาเท่าไหร่?”
“จริงสิ ฉันยังอยากได้ลูกเจี๊ยบด้วย ถ้ามีแม่ไก่ขายด้วยก็ยิ่งดี”
หลังเธอสะสางหนี้เสร็จแล้ว เธอเลยเตรียมจะจากลากับเฉียวเหลียนเฉิงไป
แต่เธอยังไม่ได้ชดใช้เรื่องแม่ไก่ของพี่สะใภ้เฉินและเหอหยวนหยวน เธอจะปล่อยให้ทั้งสองรอต่อไปอีกไม่ได้
คนขายเนื้อคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ได้สิ ฉันจะลองถามให้”
เจียงหว่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก ตอนนี้ถันหลงถูกจับกุมแล้ว เงินห้าสิบหยวนของเธอก็ได้คืนมาแล้ว
แค่ทำงานอีกสามวันเธอก็จะมีเงินหนึ่งร้อยหยวน
ตราบใดที่เธอทำงานหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือน เธอก็จะสามารถหาเงินได้สามถึงสี่ร้อยหยวน และด้วยเงินจำนวนนี้ เธอก็จะสามารถเช่าบ้านในเมืองหรือซื้อจักรยานได้
เรื่องเฉียวเหลียนเฉิงเอาจักรยานไป แม้ว่าเธอจะเข้าใจว่าเขาไม่ผิด
แต่ถ้าให้พูดตรง ๆ จิตใจและอารมณ์ของเธอยังคงรู้สึกอึดอัด และค่อนข้างเศร้า
ลึกลงไปในใจมีความผิดหวังเอ่อล้นอยู่
เฉียวเหลียนเฉิง นายไม่เชื่อฉันหรือว่าดูถูกฉันกันแน่?
นายกลัวว่าฉันจะขายจักรยานของนายหรือยังไง!
ก็ได้ ถึงไม่มีนาย ฉันก็ทำทุกอย่างได้
ถึงเวลานั้น ฉันจะซื้อรถด้วยตัวเอง ทำเงินให้ได้มากมาย แล้วฉันจะโยนเงินทั้งหมดใส่หน้านายให้ดู
รอดูเถอะ คนอย่างฉันไม่ได้เก่งแค่เรื่องพนันหรอกนะ!
……
เจียงหว่านกับคนขายเนื้อยัดหัวหมูและของอื่น ๆ ลงกระสอบ
เมื่อรวมน้ำหนักเนื้อหัวหมูกับขาหมูแล้วก็มีน้ำหนักรวมเกือบ 48 กิโลกรัมเลยทีเดียว
จะเอายังไงดี!
เจียงหว่านลังเล แต่สุดท้ายก็กัดฟันและยกกระสอบขึ้นพาดบนไหล่ของเธอ!
ใกล้หมดเดือนแปดแล้ว
สภาพอากาศยังคงร้อนจัด และเสื้อผ้าของเจียงหว่านล้วนเป็นผ้าลินินสีเข้ม
บอกได้คำเดียวว่า ร้อน!
ด้วยน้ำหนักเกือบ 48 กิโลกรัม เพียงเธอเดินออกมาไม่กี่สิบก้าว เหงื่อก็ไหล่ซึมท่วมตัว
หลังจากออกจากเมืองมา เจียงหว่านก็รู้สึกเหมือนว่าเธอกำลังจะเป็นลม
เธอยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยด้วย!
ทนไม่ไหวแล้ว เธอทำได้เพียงวางกระสอบลง แล้วหาหินแถวนั้นเพื่อนั่งพัก
อากาศร้อนบวกกับการแบกของหนักทำให้ร่างกายเจียงหว่านขาดน้ำอย่างมาก
เธอกระหายน้ำ อยากดื่มน้ำมาก เมื่อกวาดตามองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่ามีกระท่อมหลังเล็กอยู่ไม่ไกลนัก
เจียงหว่านฉุดกระสอบขึ้นมาอีกครั้ง และมุ่งหน้าไปยังกระท่อมหลังนั้นทันที
มีเด็กคนหนึ่งกำลังนั่งเล่นอยู่บนรถเข็นไม้หน้าประตูกระท่อม
เมื่อเจียงหว่านเดินเข้ามา เด็กก็หันกลับมาจ้องมองเธอ
“เจ้าหนู มีน้ำไหม ขอน้ำจิบสักหน่อยสิ”
ขณะนี้ ร่างกายของเจียงหว่านรู้สึกเหมือนถูกไฟเผา ปากของเธอแห้งผาก จนรู้สึกเหมือนกำลังจะกลายเป็นเนื้อตากแห้ง
เด็กน้อยพยักหน้า เดินไปคุ้ยหาอะไรบางอย่างในกระท่อม แล้วเอาน้ำใส่ชามออกมา
น้ำยังอุ่นอยู่เล็กน้อย แถมยังค่อนข้างขุ่นด้วย
ที่นี่ไม่มีน้ำประปา น้ำทั้งหมดล้วนถูกสูบขึ้นมาจากบ่อ
ซึ่งเจียงหว่านไม่สนใจอะไรนัก เธอดื่มน้ำในชามจนหมด
หลังจากดื่มน้ำแล้ว เธอก็สนใจสิ่งรอบตัวมากขึ้น เธอให้ความสนใจรถเข็นไม้ที่เด็กนั่งเล่นเมื่อครู่ทันที
“เจ้าหนู นี่เป็นของเธอรึเปล่า?”
เด็กน้อยเงียบ ก่อนจะส่งเสียงตอบรับเบา ๆ
เจียงหว่านมองดูรถเข็นไม้อย่างตรวจสอบ มันเป็นไม้แผ่นใหญ่ที่มีล้อไม้สี่ล้อติดอยู่ ด้านหนึ่งของรถเข็นไม้ถูกมัดด้วยเชือกเพื่อให้เด็กนั่งบนกระดานได้ และอีกคนก็จะสามารถดึงลากมันออกไปได้
เจียงหว่านเองก็เคยเห็นเด็ก ๆ เล่นกัน
เธอยิ้มแล้วถามว่า “จะขายให้พี่สาวได้ไหม?”
เด็กน้อยจ้องมองเธอด้วยดวงตาเบิกกว้าง และไม่พูดอะไร
เจียงหว่านกล่าวต่อ “ดูสิ มันยากมากสำหรับพี่สาวที่จะขนของมากมายขนาดนี้ ถ้าเธอขายสิ่งนี้ให้พี่ พี่สาวก็จะให้เงินเธอ”
เด็กน้อยคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า
เจียงหว่านยิ้มกว้างอย่างมีความสุข และถามต่อว่า “เธอต้องการเท่าไหร่?”
เด็กชายเกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะกางมือยื่นออกไปข้างหน้า
เจียงหว่านสับสน “ห้า? ห้าหยวนเหรอ?”
เด็กน้อยพูดว่า “ไอติมแท่งห้าสิบอัน!”
เจียงหว่านยิ้ม ทุกวันนี้ไอติมแท่งมีราคาสองเฟิน ห้าสิบแท่งก็หนึ่งหยวนนิด ๆ!
“ห้าสิบแท่งน้อยไปไหม? ฉันจะให้เธอสองหยวนก็แล้วกัน เอาไปซื้อเองได้ใช่ไหม?”
เด็กน้อยนับนิ้วมือสักพัก แต่นับ ๆ ไปก็ยังไม่ได้คำตอบ
เด็กคนนี้ดูเหมือนจะอายุประมาณห้าขวบ เธอคิดว่าอีกฝ่ายคงยังนับเลขไม่เป็น!
เจียงหว่านทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอจับมือเล็ก ๆ ของเขาแล้วนับไปพร้อมกัน
“ดูสิ ตอนนี้มีไอศกรีมแท่งสองอันราคาห้าเฟิน สี่อันหนึ่งเหมา สี่สิบอันเป็นหนึ่งหยวน ถ้าฉันให้เธอสองหยวน เธอก็สามารถซื้อได้ตั้งแปดสิบอัน”
เด็กกะพริบตาปริบ ๆ คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้า
เมื่อเห็นว่าเด็ดน้อยเห็นด้วย เจียงหว่านก็รีบหยิบเงินสองหยวนออกมายื่นให้ทันที
“เอาไปสิ นับด้วยนะว่าสองหยวนไหม เธอขายให้ฉันด้วยสองหยวน”
เด็กชายพยักหน้าอีกครั้งเพื่อยืนยัน
เจียงหว่านรีบวางกระสอบที่หนักเกือบ 48 กิโลกรัมลงบนรถเข็นไม้ แล้วมัดมันให้แน่น จากนั้นดึงเชือกลากล้อออกไปอย่างมีความสุข!
สิ่งที่เจียงหว่านไม่รู้คือไม่นานหลังจากที่เธอจากไป เด็กคนที่โตกว่าก็กลับมา
เมื่อเห็นเด็กน้อยที่กระท่อม เขาจึงถามว่า “เสี่ยวหนิว รถเข็นอยู่ไหน? ทำไมนายไม่เล่นมันล่ะ?”
เสี่ยวหนิวยกเงินสองหยวนในมือขึ้นมา “มีผู้หญิงคนหนึ่งต้องการซื้อมัน แล้วเธอก็ให้ผมสองหยวน เธอยังบอกว่ามันสามารถซื้อไอติมได้แปดสิบแท่งเลยนะ”