เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 59 เฉียวเหลียนเฉิงขี่จักรยานออกไป
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 59 เฉียวเหลียนเฉิงขี่จักรยานออกไป
บทที่ 59 เฉียวเหลียนเฉิงขี่จักรยานออกไป
แต่หากไม่ถูกแทนที่ ความมืดก็จะไม่มีวันถูกลบออก
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เธอก็ถอนหายใจ
”ปล่อยไปอย่างนั้นก็แล้วกัน”
พอลองคิดให้ดี ไม่จำเป็นต้องรอถึงหกเดือนให้หลังหรอก ตอนนี้เธอต้องมุ่งเน้นไปที่การหาเงิน แล้วออกไปจากที่นี่ทันทีที่มีเงินคงดีที่สุด
รอจนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนดค่อยกลับมาหย่าร้าง
ทว่าก่อนหน้านั้น เจียงหว่านรู้สึกว่ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องทำเสียก่อน!
เมื่อเฉียวเหลียนเฉิงกลับมา ทั้งสองต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเอง โดยตลอดช่วงเวลาทั้งหมดนั้นก็ไม่มีการพูดจากันแม้แต่น้อย
วันนี้ผิงอันเข้านอนเร็ว ช่วงประมาณสี่ทุ่มก็เข้านอนแล้ว ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงคงมีเรื่องในใจมากเกินไป เขาจึงป่วยเป็นโรคนอนไม่หลับเป็นครั้งแรกในชีวิต
เจียงหว่านเห็นว่าเขาพลิกตัวไปมาเธอจึงถามด้วยเสียงแผ่วเบา
“ฉันมีเรื่องจะถาม นายช่วยตอบฉันหน่อยได้ไหม?”
เมื่อเห็นว่าเฉียวเหลียนเฉิงยังคงเงียบ เจียงหว่านก็พูดต่อ “ฉันจะไม่ขออะไรนายมาก และจะไม่ยืมเงินจากนายด้วย ฉันแค่อยากจะขอคำตอบ”
เฉียวเหลียนเฉิงยังเงียบไม่พูดอะไร
เจียงหว่านอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เมื่อเธอคิดว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะไม่ตอบ แต่แล้วก็มีคำตอบดังขึ้นในความมืด
”ว่ามา”
เป็นคำสั้น ๆ ฟังดูไร้เยื่อไย
เจียงหว่านไม่โกรธ เพียงถามว่า “นายบอกฉันได้ไหมว่านายไปโรงพนันได้ยังไง?”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบ ใช้เวลาสักพักก่อนที่เขาจะตอบออกไป “มีคนใจดีที่มารายงานเรื่องนี้”
เจียงหว่านขมวดคิ้วมุ่น “คนใจดี ใคร? แล้วเธอพูดอะไรกับนาย”
คราวนี้เฉียวเหลียนเฉิงไม่ตอบ
เจียงหว่านเลยหยุดถาม
แต่ในความมืด ดวงตาของเธอกลับสว่างวาบขึ้นเรื่อย ๆ มีความโกรธแค้นอันแรงกล้าอยู่ในดวงตาคู่นั้น
ไม่ว่าคนที่ฟ้องจะเป็นใคร เธอก็ต้องหาทางล้างแค้นให้ได้
ชีวิตก่อนหน้านี้ของเจียงหว่านไม่ได้ราบรื่นไปเสียหมด
เนื่องจากอารมณ์ผสมกับเหล้า พ่อของเธอจึงมักจะทะเลาะกับแม่หลังจากดื่มเหล้าเสมอ
ตอนที่เธอยังเป็นเด็ก เธอและแม่มักจะถูกทุบตี
เจียงหว่านเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบนี้ นิสัยของเธอจึงแน่วแน่ แต่ก็ดื้อรั้นมากเช่นกัน
ถ้าตัวเธอคือหนึ่งร้อย เก้าสิบเก้าก็เป็นความกบฏแล้ว
โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น ความกบฏก็ได้มาถึงจุดสูงสุด
และชาติก่อนเธอเกลียดการกระทำสองอย่างนี้มากที่สุด
อย่างแรก ฟ้องพ่อแม่ ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ถ้าเพื่อน เพื่อนร่วมชั้น หรือครูไปฟ้องพ่อกับแม่เธอ เธอจะเกลียดอีกฝ่ายไปจนตาย
เพราะการฟ้องพ่อแม่หมายถึงต้องถูกทุบตี และไม่ใช่เธอถูกทุบตี แต่หมายถึงแม่ที่ถูกทุบตี
ใช่แล้ว วิธีที่พ่อใช้ในการจัดการกับสิ่งต่าง ๆ เมื่อเจียงหว่านทำผิดพลาด มักเท่ากับแม่ดูแลสั่งสอนได้ไม่ดี ดังนั้น แม่เธอจึงสมควรถูกทุบตีแทนลูก
แม่ถือเป็นเกล็ดย้อน[1]* การฟ้องพ่อแม่ก็เท่ากับแตะเกล็ดย้อนครึ่งหนึ่งของเธอแล้ว
อย่างที่สอง แทงข้างหลัง
แม้ว่าเจียงหว่านจะเป็นผู้หญิง แต่เธอก็เป็นคนซื่อสัตย์ เธอเกลียดการถูกแทงข้างหลังเป็นที่สุด
ถ้าคนรู้จักแทงข้างหลังเธอ เธอคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถ้าไม่เอาคืนอีกฝ่ายเป็นสองเท่า
และตอนนี้คนที่พาเฉียวเหลียนเฉิงไปที่โรงพนันในวันนี้ได้ทำทั้งสองอย่างที่เธอเกลียด
ถ้าเธอจับตัวการมาจัดการไม่ได้ เธอจะไม่ออกจากที่นี่เด็ดขาด
นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่เธออยากทำก่อนจากไป
วันรุ่งขึ้น เนื่องจากเจียงหว่านนอนไม่หลับเกือบทั้งคืน ตอนเช้าเธอจึงตื่นสาย
โชคดีที่เธอให้เงินคนขายเนื้อไว้ก่อนแล้ว เธอจึงไม่ต้องกังวลว่าของจะหมด
เจียงหว่านเตรียมเข้าเมือง แต่กลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าจักรยานหายเธอหายไป
“ใครขโมยจักรยานของฉันไป?” เจียงหว่านยืนอยู่ในลาน และคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
เมื่อได้ยินเสียง สะใภ้เฉินก็ยื่นหัวโผล่ออกมาดู แล้วบอกว่า “ฉันเห็นเฉียวเหลียนเฉิงเอาจักรยานออกไปเมื่อเช้านี้น่ะ”
ที่ทางเดินบนชั้นสอง เจียงเสวี่ยนั่งรถเข็นออกมา
“พี่สะใภ้เฉิน เกิดอะไรขึ้นคะ? มีคนทำของหายเหรอ?”
……
สะใภ้เฉินไม่อยากจะสนใจอีกฝ่าย แต่เมื่อคนถามเรียกชื่อเธอ เธอจะปล่อยให้อีกฝ่ายอับอายไม่ได้ จึงฝืนพูดตอบอย่างเย็นชา
“ไม่ใช่ว่าหาย เฉียวเหลียนเฉิงแค่เอาจักรยานออกไป แต่เขาอาจจะรีบเลยลืมบอกหว่านหว่าน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจียงเสวี่ยก็หัวเราะคิกคัก “ลืมพูดอะไรกัน? ถ้าให้ฉันพูด พี่เฉียวตั้งใจมากกว่า”
“จักรยานขายได้เงินตั้งเยอะ ถ้ามีใครเสียเงินจากการพนันแล้วขายจักรยานล่ะ จะทำยังไง?”
พี่สะใภ้เฉินพูดอย่างไม่พอใจ “เจียงเสวี่ย เธอพูดเกินไปแล้ว เธอนี่ชอบมายุ่งเรื่องของคู่รักคนอื่นเขาอยู่เรื่อย”
“อย่าหาว่าฉันพูดมากเลยนะ เธอยังไม่แต่งงาน เธอเลยไม่เข้าใจปัญหาของคู่รัก ในอนาคตถ้าเธอแต่งงานแล้วมีคนอื่นมาพยายามก่อกวนความสัมพันธ์ของเธอลับหลัง เธอจะไม่มีที่ให้ซบไหล่ร้องไห้นะ”
เจียงเสวี่ยยิ้มเยาะ “ฉันไม่ได้พูดไร้สาระ ผู้หญิงคนนี้ยืมของจากทุกที่ทุกคนในค่ายเพื่อไปเล่นการพนัน พี่เองก็รู้!”
“เธอยืมทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่พลั่วหรือช้อน”
“บอกหน่อยสิว่าพลั่วขายได้เท่าไหร่ ช้อนขายได้เท่าไหร่ และจักรยานล่ะขายได้เท่าไหร่?”
เจียงหว่านหันไปจ้องเจียงเสวี่ยด้วยดวงตาเย็นชาราวกับดาบที่คมกริบ เธอเหลือบมองที่ขาของอีกฝ่ายอย่างดูถูก แล้วพูดเยาะเย้ย
“ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันจะดูแลขาของตัวเองให้ดี”
“กระดูกหักไม่ใช่เรื่องเล็กหรือใหญ่ ถึงหายดี ฟ้าครึ้มฝนตกก็ยังเจ็บอยู่”
“บอกให้ฟังหน่อยสิ เธอป่วยตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ ถึงฉันกับเฉียวเหลียนเฉิงจะหย่ากันจริง แต่เธอคิดว่าเขาจะอยากได้คนป่วยตั้งแต่อายุยังน้อยแบบเธอเหรอ?”
เจียงเสวี่ยพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“นังอ้วน แกกำลังพูดถึงเรื่องอะไร!” เธอจ้องมองและสาปแช่งด้วยความโกรธ
เจียงหว่านแค่นเสียง และหันหลังกลับโดยไม่สนใจที่จะคุยกับอีกฝ่ายต่อ
สะใภ้เฉินอยู่ข้างหลังเธอถามขึ้นอย่างสงสัย “หว่านหว่าน เกิดอะไรขึ้น พวกเธอสองคนทะเลาะกันเหรอ?”
เจียงหว่านโบกมือแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อเห็นเช่นนี้ เจียงเสวี่ยก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง
“เธอกับเฉียวเหลียนเฉิงทะเลาะกัน? อย่าล้อเล่นน่า พี่เฉียวไม่สนใจจะคุยกับเธอด้วยซ้ำ ฉันเดาว่าพี่เฉียวเหลียนเฉิงคงจะต่อว่าเธออีกแล้วน่ะสิ”
เมื่อเห็นความบ้าคลั่งของเจียงเสวี่ย สะใภ้เฉินก็ไม่อยากคุยอีกแล้ว เธอจึงหมุนตัวกลับเข้าบ้านไป
เดิมทีเจียงเสวี่ยก็เป็นคนที่ดูฉลาด ไม่ว่าความคิดของเธอจะเลวร้ายแค่ไหน อย่างน้อยเธอก็เคยดูสง่างามกว่านี้ และมีบรรยากาศของหญิงสาวจากครอบครัวผู้ดีอยู่เล็กน้อย
แต่ตอนนี้ทำไมเธอถึงกลายเป็นคนตีโพยตีพายเหมือนคนบ้าแบบนี้กัน!
ด้านเจียงหว่าน เธอไม่ได้ไปหาเฉียวเหลียนเฉิง เพราะยังไงจักรยานคันนั้นเธอก็ยืมมาจากอีกฝ่าย
ตอนนี้เขาอยากเอาคืนไป เธอก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
เธอแค่โกรธที่เฉียวเหลียนเฉิงไม่บอกเธอก่อน
ส่วนทำไมถึงเอาจักรยานกลับไปตอนนี้ ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเพราะเขากลัวเธอจะขายมัน
ขณะที่เจียงหว่านเดินไปที่เมือง เธอก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
ยิ่งเดินก็ยิ่งหดหู่
ถ้าขี่จักรยานมันจะใช้เวลาสิบห้าถึงยี่สิบนาทีเท่านั้นเอง
แต่ตอนนี้เธอต้องอาศัยสองเท้าในการเดิน
เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มความเร็วให้เร็วเท่าล้อรถ
ระหว่างเดินก็ปลอบใจตัวเองไปพลาง “คิดซะว่าลดน้ำหนักก็แล้วกัน”
พอพูดถึงเรื่องนี้ ตอนเธอมาที่นี่ครั้งแรกเธอหนักถึงร้อยห้าสิบกิโลกรัม หลังจากพยายามลดน้ำหนักมาพักใหญ่ ตอนนี้น้ำหนักเธอก็ลดไปได้มากแล้ว
เมื่อไปถึงร้านขายเนื้อ คนขายเพิ่งขายเนื้อเสร็จ และกำลังเก็บข้าวของ
พอเห็นเจียงหว่านมา เขาก็ยิ้มอย่างสดใส “พี่อ้วนอยู่นี่เอง ไม่ต้องกังวล ฉันเก็บทั้งหมดไว้ให้คุณแล้ว”
เจียงหว่านไม่คิดว่าท่าทีของคนขายเนื้อในวันนี้จะดีขนาดมาก ทั้งที่เมื่อก่อน ตอนพูดกับเขาทีไรคนขายเนื้อก็ไม่เคยยิ้มเลยสักนิด
[1] เกล็ดย้อนใต้คอมังกร ซึ่งหันทิศไปในทางตรงข้ามกับเกล็ดในบริเวณอื่น และเชื่อกันว่า หากใครไปสัมผัสกับเกล็ดนี้ มังกรจะโกรธจัด และฆ่าคนผู้นั้น