เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 57 ในสมัยโบราณเสินหนงลิ้มรสสมุนไพร แต่ปัจจุบันผิงอันคิดลิ้มรสอึ
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 57 ในสมัยโบราณเสินหนงลิ้มรสสมุนไพร แต่ปัจจุบันผิงอันคิดลิ้มรสอึ
บทที่ 57 ในสมัยโบราณเสินหนงลิ้มรสสมุนไพร แต่ปัจจุบันผิงอันคิดลิ้มรสอึ
เฉินตงเซิงทวนคำอย่างเบา ๆ “ดอกไม้ทุกดอกโตได้เพราะปุ๋ย!”
“ใช่ไหมล่ะ พอมองอย่างนี้มันก็ดูมีคุณค่ามากเลยนะ”
ผิงอันกล่าวต่อว่า “สุนัขชอบกินอึถูกไหม? ไม่ว่าจะทุบตีดุด่ายังไง พวกมันก็ยังชอบกิน”
“ดูสิ พวกมันไม่เห็นกินดินหรือผักเลย แต่พวกมันกลับชอบอึกองนั้นมาก คิดว่าทำไมล่ะ?”
เฉินตงเซิงถามอย่างสับสน “อ๋า ทำไมเหรอ?”
ผิงอันตอบหนักแน่น “เพราะมันอร่อยไง”
เฉินตงเซิงเกาหัวแกรก ๆ พูดอย่างนั้นแล้วดูเหมือนว่ามันสมเหตุสมผลอยู่ยังไงก็ไม่รู้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้รังเกียจอีกต่อไป ผิงอันก็พูดอย่างจริงจัง
”เอาล่ะ มาลองดูกันเถอะ!”
เฉินตงเซิงตกตะลึง และมองไปที่ผิงอันด้วยความไม่อยากเชื่อ “นายไม่ได้ล้อเล่นหรอกเหรอ!”
ผิงอันส่ายหัว และพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ในสมัยโบราณก็มีเสินหนง[1]*อะไรนั่นที่ชิมสมุนไพรทุกชนิดไม่ใช่เหรอ?”
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้ฉัน ผิงอัน ก็จะลองลิ้มรสอึ!”
เฉินตงเซิงตกตะลึง
เรื่องเสินหนงชิมสมุนไพรทุกชนิด เป็นเขาเองเล่าเรื่องนี้ให้อีกฝ่ายฟัง!
เดิมทีเฉินตงเซิงยังนึกรังเกียจ แต่เมื่อถูกผิงอันทำให้สับสน จึงเริ่มมีความมุ่งมั่น และความกล้าหาญที่จะลองดู
เด็กทั้งสองจึงรวมตัว กระซิบคุยกันว่าอันไหนจะกินง่ายกว่ากัน!
ในเวลานั้นที่ห้องทำงานของหัวหน้ากองพัน
เฉียวเหลียนเฉิงหยิบดินสอและกระดาษออกมา วางลงบนโต๊ะ
ตั้งแต่กลับมาจากกินมื้อเที่ยง เขาก็นั่งอยู่ที่เดิมตรงนี้
ใช้เวลาดูพระอาทิตย์ตกก่อนจะหยิบดินสอ และเริ่มเขียนบางอย่าง
ลายมือของเขางดงาม เหมือนมังกรเหิน หงส์เริงระบำ
บนหัวกระดาษที่เฉียวเหลียนเฉิงกำลังเขียน ปรากฏคำสำคัญสองสามคำนั้น
‘ใบหย่าร้าง!’
พอลงมือเขียนส่วนเริ่มได้แล้ว ส่วนที่เหลือก็ดูเหมือนจะง่ายขึ้น
‘ผม เฉียวเหลียนเฉิง และเจียงหว่านยินยอมหย่าร้างโดยสมัครใจ และขอยื่นเรื่องออก ‘ใบรับรองหย่า’ มีรายละเอียด ดังนี้….’
ต่อจากนั้นเป็นการแนะนำเขาและสถานการณ์ทรัพย์สินในปัจจุบันของทั้งสองฝ่ายโดยละเอียด ทว่า…เมื่อถึงเหตุผลสุดท้ายของการหย่าร้าง เฉียวเหลียนเฉิงกลับลังเล
อาจเป็นเพราะพวกเขามีความสุขมากในช่วงนี้ แม้ว่าพวกเขาตัดสินใจจะหย่าร้างกัน แต่ตอนนี้เขาไม่อยากทำลายผู้หญิงคนนั้น
หลังจากลังเลอยู่นาน เขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพในตอนเช้าที่โรงพนัน เขาให้โอกาสเจียงหว่านชวนเธอกลับมาด้วยกัน …แต่ก็เปล่าประโยชน์
พลันนึกถึงสีหน้าที่มุ่งมั่นเด็กเดี่ยวที่เธอใช้ปฏิเสธ
วินาทีนั้น หัวใจของเฉียวเหลียนเฉิงราวกับหยุดเต้น
เขาหยุดชะงักไปสักพัก แล้วตัดสินใจหยิบปากกาขึ้นมาเขียนเหตุผลของการหย่าร้างลงไป ‘เจียงหว่านติดการพนัน หลังจากการตักเตือนซ้ำแล้วซ้ำอีก เธอก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงนิสัย’
หลังจากเขียนใบหย่าร้างแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงก็ตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอะไร พอหมึกแห้งแล้ว เขาก็พับกระดาษ และใส่ไว้ในกระเป๋า
เมื่อเห็นว่าข้างนอกเริ่มจะมืดแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงจึงรีบหยิบกล่องอาหารกลางวันไปที่โรงอาหาร เพื่อซื้ออาหาร
ในลานบ้านของครอบครัว เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืด พวกผิงอันก็กลับมาแล้ว เจียงหว่านจึงวางปากกากับกระดาษลง
วันนี้เธอทำได้ค่อนข้างดี เขียนได้มากกว่า 10,000 คำ
เนื้อเรื่องค่อนข้างราบรื่น แต่เจ็บข้อมือนิดหน่อย
วันนี้เธอจึงไม่มีแผนที่จะเขียนต่ออีก เธอแค่จะตรวจทาน แก้ไข และลองส่งไปดู อีกทั้งเจียงหว่านยังวางแผนจะเขียนนิยายแนวจีนโบราณกับนิยายสมัยใหม่อีกอย่างละฉบับ
ฉบับจีนโบราณนี้จะเป็นแนวเกิดใหม่ ส่วนสมัยใหม่เป็นเรื่องแนวรักน้ำเน่าเกี่ยวกับการแต่งงาน ถ้ายิ่งมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง คนยุคนี้จะยิ่งชอบอ่านกัน
เธอดูเวลา โรงอาหารของค่ายทหารกำลังจะปิดแล้ว แต่เฉียวเหลียนเฉิงก็ยังไม่กลับมา
เจียงหว่านสงสัยว่าเขาโกรธ และไม่อยากจะดูแลเธออีกต่อไปแล้วหรือเปล่า
แต่เธอกลับรู้สึกว่าคงไม่เป็นอย่างนั้น แม้ว่าเขาจะอยากละเลยเธอ เขาก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อผิงอันได้
เจียงหว่านหิวมาก เธอเลยลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ บ้าน หยิบชามใบใหญ่ออกมาสองใบแล้วเรียกหาผิงอัน
”ผิงอัน ไปกินข้าวที่โรงอาหารกันเถอะ”
……
ผิงอันขมวดคิ้ว “เดี๋ยวพ่อก็เอาอาหารกลับมานี่”
เจียงหว่านกล่าวว่า “ป่านนี้แล้ว ถ้าพ่อของเธอว่าง เขาคงจะเอาอาหารกลับมาให้แล้วแหละ”
“เธอก็เป็นเด็กผู้ชายเหมือนกัน อย่าเอาแต่พึ่งพ่อแม่เสมอไป ไปกินข้าวกับฉันดีกว่า”
ผิงอันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้น เดิมตามเจียงหว่านอย่างไม่เต็มใจ
ทว่าขณะที่ทั้งคู่กำลังจะเปิดประตูและออกไป กลับมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน
เจียงหว่านถามออกไป “นั่นใครน่ะ?”
สะใภ้เฉินอยู่นอกประตูตะโกนตอบกลับ “หว่านหว่าน ฉันเอง เปิดประตูหน่อย!”
เจียงหว่านเปิดประตูโดยไม่ต้องคิด
ทันทีที่ประตูเปิด สะใภ้เฉินก็รีบวิ่งเข้ามาพร้อมเสียง ‘หวือ’ ก่อนจับผิงอันไว้ แล้วตบหัวเขาไปหลายครั้ง
“เด็กสารเลว แกมันไอ้เด็กสารเลว แกเที่ยวออกไปอยู่กับเจียงเสวี่ยตลอดทั้งวันเพื่อเรียนรู้เรื่องไม่ดี แล้วเอาเรื่องเลว ๆ มาใช้อย่างนี้สินะ!”
“พ่อของแกไม่สนใจแกสินะ แม่เลี้ยงของแกไม่ทุบตีแกใช่ไหม ดีล่ะงั้นแม่เฒ่าอย่างฉันจะทุบตีแกเอง!”
“วันนี้แม่เฒ่าคนนี้จะสั่งสอนแกแทนพ่อแม่เอง!”
สะใภ้เฉินเริ่มโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่พูด เธอก็ทุบตีผิงอันอย่างบ้าคลั่ง
เจียงหว่านที่ยืนตกตะลึงในตอนแรก ก็รีบถามขึ้น “พี่สะใภ้ เกิดอะไรขึ้น? ทำไมพี่ถึงได้โกรธขนาดนี้!”
พี่สะใภ้เฉินตอบโดยไม่หันไปมอง “หว่านหว่าน ไม่ต้องสนใจ เด็กสารเลวแบบนี้ต้องโดนตี ถ้าเธอไม่ทำ ฉันจะดูแลเขาแทนเธอเอง!”
เจียงหว่านขมวดคิ้วมุ่น ส่วนผิงอันที่มึนงงในตอนแรกก็ถูกทุบจนได้สติ เขาผลักสะใภ้เฉินออกไป แล้วรีบวิ่งไปอยู่ข้างหลังเจียงหว่าน
สะใภ้เฉินไม่คิดยอมแพ้รีบวิ่งเข้าไป และเอื้อมมือไปคว้าผิงอัน
เมื่อเห็นอย่างนี้ เจียงหว่านจึงต้องหยุดอีกฝ่ายไว้ รีบคว้าตัวสะใภ้เฉินแยกออก
“พี่สะใภ้ พี่สะใภ้อย่าโกรธ บอกฉันมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น!”
สะใภ้เฉินพูดด้วยความโกรธ “ฉันพูดไปจะได้อะไร เธอจะทุบตีเขาให้ฉันรึไง?”
เจียงหว่านพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันไม่เต็มใจก็ไปตามหาพ่อของเขาสิ! เฉียวเหลียนเฉิงเต็มใจแน่!”
สะใภ้เฉินแค่นเสียง เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธมาก
เธอยืนใช้มือข้างหนึ่งเท้าเอว แล้วใช้มืออีกข้างนวดอกซ้ายตรงหัวใจตัวเอง แล้วพูดด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ
“ถามเด็กสารเลวนี่สิว่าบ่ายนี้เขาไปเกลี้ยกล่อมตงเซิงของฉันให้ทำอะไร?”
เจียงหว่านหันไปมองผิงอันด้วยความสับสน
ผิงอันก้มหัวลง และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วว่า “ฉัน… ฉันแค่อยากรู้ว่าอึอร่อยรึเปล่า ฉันก็เลยปรึกษากับเฉินตงเซิงว่าฉันควรจะลองดูดีไหม”
เจียงหว่าน “…” เธอรู้สึกว่าหัวใจของเธอกำลังแตกสลาย!
สะใภ้เฉินกลอกตาด้วยความโกรธ “ฟังสิ ฟังสิ่งที่เขาพูดสิ ถ้าอยากชิมทำไมไม่กินเอง กลับลากตงเซิงของเราไปด้วย!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผิงอันก็เงยหน้าขึ้น และพูดด้วยความมั่นใจ “ฉันก็อยากกินเหมือนกัน เราตกลงจะกินด้วยกัน!”
สะใภ้เฉินกับเจียงหว่านตะลึงไปเล็กน้อย
ผิงอันกล่าวต่อว่า “เพียงแต่พอเราไปห้องน้ำก็พบว่ามันเหม็น”
“ตงเซิงบอกว่าสุนัขกินอาหารสด แต่พวกมันไม่กินของเหม็น”
”ดังนั้นเราจึงตัดสินใจรออันใหม่พรุ่งนี้ แล้วจะลองชิมไปพร้อม ๆ กัน!”
ใบหน้าของสะใภ้เฉินเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด
ชี้นิ้วสั่นเทาไปทางผิงอัน อยากจะต่อว่าอะไรสักอย่าง แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
เจียงหว่านเองก็ตกใจเช่นกัน “ผิงอัน ทำไมเธอถึงจะไปลองชิมของแบบนั้นล่ะ ถึงสภาพที่บ้านจะไม่ดีอะไร แต่เธอก็ไม่ได้อดอยากนะ!”
ผิงอันเงยหน้าขึ้น แล้วพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันเต็มใจ คุณไม่ต้องมาสนหรอกน่า!”
เจียงหว่านหัวเราะด้วยความโกรธ “ขนาดตอนนี้ฉันสนใจเธอ เธอยังคิดไปกินอึเลยไม่ใช่เหรอ?”
“แล้วถ้าฉันไม่สนใจเธอ เธอจะไม่ได้ไปสวรรค์เลยรึไง?”
ผิงอันจ้องมองหญิงอ้วนด้วยความโกรธ
เมื่อได้ยินการสนทนานี้ สะใภ้เฉินเองก็โกรธมาก “ฟังสิ ฟังสิหว่านหว่าน ฉันจะบอกเธอนะ เด็กคนนี้ไม่รู้จักซาบซึ้งบุญคุณหรอก”
“ไม่ว่าเธอจะดีกับเขาแค่ไหน ในสายตาของเขาก็มีแค่เจียงเสวี่ยคนเดียว”
“เด็กนี่มันใจมืดบอดไปแล้ว!”
สะใภ้เฉินรู้สึกเสียใจกับเจียงหว่านเช่นกัน ยิ่งเธอพูดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น