เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 56 ผิงอันสงสัยว่าทำไมสุนัขถึงชอบกินขี้
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 56 ผิงอันสงสัยว่าทำไมสุนัขถึงชอบกินขี้
บทที่ 56 ผิงอันสงสัยว่าทำไมสุนัขถึงชอบกินขี้
เจียงหว่านกล่าวตอบไป “ฉันอยากจะถามว่าตอนที่คุณเฝ้าระวัง คุณเห็นผู้ชายหล่อ ๆ ที่ตัดผมทรงทหารไหม!”
อู่หยางพยักหน้า “เห็น จางซานเป็นคนนำเขามา ตอนแรกเราก็ลังเล แต่ตอนนั้นคุณไม่ได้ส่งสัญญาณ แถมคุณก็เพิ่งเข้าไปข้างในได้ไม่เท่าไหร่ด้วย”
“เราเลยไม่ได้หยุดเขา”
“โชคดีที่ผมเห็นเขาออกไปคนเดียว ไม่อย่างนั้น เดาว่าคงมีปลาหลุดอวนอีก”
เจียงหว่านพูดต่อ “แล้วคุณได้ติดต่อเขาบ้างไหม?”
อู๋หยางส่ายหัว “ไม่ ในเวลานั้นเราไม่กล้าออกไป เรากลัวทำงูตื่น แต่จริง ๆ ก็เป็นเพราะเราไม่รู้จักคนคนนั้นนั่นแหละนะ”
เจียงหว่านส่งเสียงรับว่าเธอเข้าใจ ก่อนในใจจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
เธอกำลังจากไป แต่อู่หยางหยุดเธอไว้ “เราทุกคนได้ยินตอนคุณเปิดเผยว่าถันหลงโกง”
“คุณเก่งมาก คุณรู้เกี่ยวกับกลโกงอื่น ๆ ในโรงพนันอีกหรือเปล่า?”
เจียงหว่านพยักหน้า “ฉันไม่ได้รู้มากหรอก แต่ก็รู้อย่างละนิดอย่างละหน่อย”
ในชีวิตก่อนของเธอ เจียงหว่านต้องการเขียนนวนิยายเกี่ยวกับชีวิตในเมือง โดยเน้นเขียนเรื่องราวการแก้แค้นของพระเอก จากคนพิการจนกลายเป็นราชาแห่งการพนัน
เพื่อให้สามารถเขียนหนังสือเล่มนี้ได้ดี เธอจึงปลอมตัวเข้าไปทำงานเป็นคนทำความสะอาดในโรงพนันที่ออสเตรเลียเป็นเวลาถึงสามเดือน
และเธอยังไปเยี่ยมราชาการพนันที่เกษียณอายุผู้มีชื่อเสียงว่าเชี่ยวชาญด้านการเปิดเผยกลโกงอีกด้วย
เธอเลยได้รับข้อมูลด้านนี้มามากมาย
อู่หยางได้ยินก็พอใจมาก เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยม”
“แบบนี้ดีไหม? เร็ว ๆ นี้เราจะจัดกิจกรรมให้ความรู้กับประชาชนในหมู่บ้านต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงอันตรายของการพนัน”
“และแก้ปัญหาความชุกชุมของการพนันตั้งแต่ต้นตอ”
“น่าเสียดายที่เราไม่รู้เรื่องนี้มากนัก และผู้คนก็ไม่มั่นใจกับผลงานของเรา”
“ถ้าพี่อ้วนแสดงฝีมือ ผมคิดว่าน่าจะไม่มีปัญหา”
เจียงหว่านเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง แต่ก็ลังเล
อู่หยางกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล เราจะปกป้องความปลอดภัยของคุณอย่างแน่นอน ทั้งยังมีโบนัสสำหรับคุณด้วย”
เจียงหว่านสับสน “จะให้โบนัสยังไง?”
อู่หยางคิดอยู่พักนึง จึงตอบว่า “ผมยังไม่ได้ยื่นเรื่องให้เบื้องบน แต่จะจ่ายเท่ากับค่าจ้างของพวกครู ตามหลักสูตรและเวลาดีไหม”
เจียงหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ชั้นเรียนหนึ่งสิบหยวนคงไม่ได้ แต่อย่างน้อยเธอน่าจะทำเงินได้สองหรือสามหยวน!
นอกจากนี้ ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับตำรวจมันจะทำให้การขายเนื้อในเมืองของเธอง่ายขึ้นมาก
แน่นอนว่าเธอเองก็เกลียดการพนัน หากหลักสูตรของเธอสามารถสร้างจิตสำนึกให้คนทั่วไปได้ มันคงจะช่วยครอบครัวจำนวนมากได้อย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงหว่านก็ตอบตกลงทันที
“ถ้ายื่นเรื่องขอโบนัสไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถึงเวลาคุณมาขายเนื้อให้ฉัน ส่วนฉันจะไปสอนเองก็ได้”
อู่หยางหัวเราะลั่น “ฮ่า ๆๆ ได้ ๆ!”
”ไม่ต้องกังวล ถ้าโบนัสไม่ผ่าน ผมจะซื้อเนื้อทั้งหมดของคุณเอง”
เจียงหว่านเอายังไงก็ได้ ตราบใดที่เธอไม่เสียเวลา
หลังจากจัดการปัญหาทั้งหมด เมื่อเธอกลับมาที่ฐานก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว
พอเปิดประตู ผิงอันก็กำลังเขียนหนังสืออยู่ในห้อง โดยมีอาหารวางอยู่บนโต๊ะ
เจียงหว่านประหลาดใจ เธอคิดว่าจากสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า เฉียวเหลียนเฉิงจะไม่สนใจเธอ และจะไม่เอาอาหารมาเผื่อเธออีกแล้ว
ตอนนี้เจียงหว่านหิวมาก จึงตรงเข้าไปนั่งที่โต๊ะ แล้วลงมือกินข้าวทันที
ผิงอันเหลือบมองเธออย่างเฉยเมย และเย้ยหยัน “ทำงานหนักแค่สามวัน เธอก็เลิกแล้วเหรอ?”
“อย่างเธอน่ะเรียกว่าสามวันจับปลา สองวันตากแห [1]*!”
เจียงหว่านเพิ่งสอนคำนี้ให้เขาเมื่อวันก่อน แต่เขาก็สามารถนำมันมาใช้ได้แล้ว ถือว่าไม่เลว!
……
เจียงหว่านไม่อยากจะสนใจ เธอเพียงเหลือบมองเด็กชายด้วยหางตาแล้วตอบว่า
“เช้านี้ฉันตื่นสายเลยไม่มีของ พรุ่งนี้ค่อยลุยต่อ”
ผิงอันยิ้มเยาะ “แล้วทำไมเธอถึงกลับมาตอนนี้ล่ะ? ไปเล่นพนันมาอีกแล้วเหรอ?”
เจียงหว่านหยุดชะงักไปชั่วครู่ เธอพูดไม่ออก เจ้าเด็กแสบคนนี้พูดถูกจริง ๆ!
เธอหันไปมองเขาด้วยสีหน้ายิ้มไม่ออก “เธอรู้หมดแล้วสินะ สุดยอดมาก”
เธอยอมรับอย่างตรงไปตรงมา นั่นทำให้ผิงอันไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
เขามองเจียงหว่านกินอาหารเป็นเวลานาน อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลง
“หมามันเลิกกินขี้ไม่ได้จริง ๆ [2]*!”
เจียงหว่านกินหมั่นโถวคำสุดท้ายจนหมด ดื่มซุปแล้วพูดตอบโต้
“กินขี้แล้วทำไม? มันไม่ได้ขโมยหรือปล้นใครสักหน่อย”
“เธอเกลียดสุนัขที่กินขี้งั้นเหรอ ทำอย่างกับว่าเธอดีกว่างั้นแหละ”
”เธอไม่รู้เหรอว่าพืชผลทั้งหมดต้องใช้ปุ๋ย ไม่มีอาหารไหนที่เธอกินที่ไม่มีปุ๋ย แล้วปุ๋ยพวกนั้นก็คือมูลหรือขี้ไงล่ะ”
ผิงอันหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาไม่รู้ว่าทำไมตนจึงอยากคุยกับคนเจ้าเล่ห์คนนี้ เขาโยนดินสอในมือลงอย่างโมโห แล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะวิ่งออกไป
“เธอทำการบ้านเสร็จแล้วเหรอ? ระวังคืนนี้พ่อของเธอจะกลับมาตีล่ะ!” เจียงหว่านตะโกนไล่หลัง
ผิงอันพูดด้วยความโกรธ “ไม่ต้องมาเป็นห่วงฉัน! ฉันจะไปเล่นกับตงเซิง!”
เนื่องจากวันนี้ไม่จำเป็นต้องขายเนื้อ เจียงหว่านจึงหยิบกระดาษออกมา และเริ่มเขียนนิยาย
ครั้งนี้เธอไม่อยากเขียนเรื่องสั้น เพราะที่ส่งต้นฉบับไปครั้งก่อนยังเหลือจดหมายอีกตั้งแปดฉบับที่ยังไม่ได้รับการตอบกลับ!
อีกทั้งเรื่องสั้นยุ่งยากเกินไป ไม่ดีเท่าเรื่องขนาดยาวหรือเรื่องยาวปานกลาง
แต่ว่าจะเขียนอะไรดีนะ? เจียงหว่านลูบคางพลางครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะหยิบปากกามาเขียนลงบนกระดาษ
‘เดิมทีนางเป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์ต้าฉินอันเป็นแคว้นที่สูงส่งและมั่งคั่ง งดงามดังสรวงสวรรค์’
‘ในวันที่แคว้นถูกทำลาย และครอบครัวถูกสังหาร นางเฝ้าดูท่านพ่อท่านแม่ของนางถูกสังหารโดยผู้นำกบฏ เฉียวเหลียนเฉิง กับอนุคนโปรดของเขา’
‘อนุคนโปรด เจียงเสวี่ย คว้าศีรษะที่ถูกตัดขึ้นมา แล้วเอ่ยเยาะเย้ยนางว่า องค์หญิง ท่านยังต้องการท่านพ่อท่านแม่ของท่านหรือไม่? ท่านว่าจะเป็นอย่างไรหากข้าใช้หัวของพวกเขามาทำเป็นเก้าอี้รองนั่ง?’
‘เมื่อมองดูการการตายตาไม่หลับของท่านพ่อท่านแม่ หัวใจของนางก็ราวกับถูกมีดกรีดแทง’
‘ในขณะนั้น ความขุ่นเคืองอย่างท่วมท้นได้กลายเป็นเสียงร่ำไห้แห่งความโศกเศร้าอันยาวนาน นางยกดาบยาวขึ้น และเหวี่ยงมันเพื่อฆ่าตัวตาย!’
‘เดิมนางคิดว่าไม่ว่าจะเป็นความเศร้าเสียใจหรือความขุ่นเคืองไม่รู้จบ ก็ล้วนจะมลายหายไปหลังความตาย นางไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางจะต้องย้อนกลับไปในปีที่นางเพิ่งอายุได้สิบหกปี…’
เมื่อเขียนถึงตรงนี้ เจียงหว่านก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับฉากที่เธอเขียน ความขุ่นเคืองสุมอยู่ในอกของเธอมากมายทันที
เธอแทบรอไม่ไหว จินตนาการว่าเธอใช้ดาบที่จะฆ่าตัวตายแทงใส่เจียงเสวี่ยแทน
เมื่อคิดเช่นนั้น เธอพลันรู้สึกโล่งใจขึ้น
แล้วจึงก้มศีรษะลงเขียนงานต่อ
ณ ลานบ้าน
ผิงอันและเฉินตงเซิงนั่งยอง ๆ อยู่ที่มุมห้อง พลางเอากิ่งไม้จิ้มมดเล่น
หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก เฉินตงเซิงก็พูดอย่างหดหู่ “อีกไม่กี่วันฉันก็ต้องไปโรงเรียนแล้ว ฉันจะไม่ได้เล่นกับนายแล้ว”
ผิงอันส่งเสียงรับอย่างเหม่อลอย หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็ถามขึ้น
“ตงเซิง นายเคยกินขี้ไหม?”
เฉินตงเซิงผงะไปเล็กน้อย “หือ?”
ผิงอันคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอีกรอบ “นายเคยกินขี้รึเปล่า? พวกเขาพูดว่าสุนัขเปลี่ยนนิสัยการกินขี้ไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? นายเคยกินขี้พวกนั้นไหม?”
เฉินตงเซิงส่ายหัว “ไม่ ไม่ ฉันไม่มีงานอดิเรกแบบนั้น”
ผิงอันกะพริบตาสองสามครั้งแล้วพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่ามันอร่อย”
เฉินตงเซิงตกใจมองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “นายพูดจริงดิ?”
ผิงอันพยักหน้า
เฉินตงเซิงจ้องมองเขาด้วยท่าทางเชิงถามว่า ‘นายป่วยหรือเปล่า?’
ส่วนผิงอันคิดอยู่ครู่หนึ่งอีกครั้ง แล้วพูดอย่างมั่นใจ “ดูสิ แม้ว่าจะดูน่าเกลียด แต่ถ้าไม่มีมัน พืชผลก็จะไม่เติบโตถูกไหม?”
[1] สามวันจับปลา สองวันตากแห หมายถึง เดี๋ยวทำเดี๋ยวเลิก ไม่ทำอะไรจริงจัง
[2] หมามันเลิกกินขี้ไม่ได้ ตรงกับสำนวนไทยที่ว่า ‘สันดอนขุดง่าย สันดานขุดยาก’