เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 55 ทลายโรงพนัน
บทที่ 55 ทลายโรงพนัน
ถันหลงพูดและโบกมือ ” 400 หยวนของเดือน รวมกับหนี้ 50 หยวนที่ค้างอยู่ตอนนี้ ถ้างั้น 450 จะเป็นเงินต้น แล้วยังมีอัตราดอกเบี้ยจะเริ่มคิดตั้งแต่วันพรุ่งนี้และคิดต่อไปอีกสิบวัน…”
ถันหลงคว้าลูกคิดมา และเริ่มคำนวนใหม่อีกครั้ง
จู่ ๆ เจียงหว่านก็แย่งลูกคิดของเขาไป
ถันหลงอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น เขามองดูความขี้เล่นในดวงตาของเจียงหว่าน กับรอยยิ้มอันน่ากลัวที่มุมริมฝีปากของอีกฝ่าย
”อย่าเพิ่งรีบคำนวณสิ มาดูลูกเต๋ากันก่อนเถอะ”
หัวใจของถันหลงเต้นระรัว เขาวางลูกคิดลง และจ้องมอง “ทำไม? เธอคิดเบี้ยวหนี้เหรอ?”
“นี่เป็นการพนัน มีสายตาหลายคู่จ้องมองอยู่ แม้ว่าเธอจะหนีไปถึงสุดขอบโลก ก็อย่าได้คิดว่าจะเบี้ยวหนี้ได้”
เจียงหว่านเหยียดยิ้มอย่างราบเรียบ “เบี้ยวหนี้เหรอ? นายสมควรโดนแล้วล่ะ!”
“ถันหลง ก่อนหน้านี้ฉันไม่ต้องการฉีกหน้านาย เพราะแค่อยากจะอยู่อย่างสงบสุข แต่นายกลับบังคับฉัน”
ขณะที่พูด เธอก็คว้าลูกเต๋าสามลูก กับถ้วยลูกเต๋าออกมา
เธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง มองไปที่ถันหลงอย่างโกรธเกรี้ยวแล้วพูดว่า “เมื่อเป็นอย่างนี้ นายจะโทษฉันไม่ได้”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็จับถ้วยลูกเต๋าในมือแล้วทุบลงกับโต๊ะ
ถ้วยลูกเต๋าทำจากเซรามิก ถึงแม้ถ้วยจะหนา แต่ก็ค่อนข้างเปราะบาง
โต๊ะตรงหน้าเจียงหว่านทำมาจากไม้เนื้อแข็ง และไม่รู้ว่าเจียงหว่านไปเอาหินมาเมื่อไหร่และจากไหน เธอทุบหันเข้ากับถ้วยตรงหน้าทันที
ปัง!
เสียงคมชัดดังขึ้น พร้อมกับถ้วยลูกเต๋าที่แตกออกเป็นเสี่ยง
เจียงหว่านคว้าหินยกขึ้น อีกครั้ง และทุบมันเต็มแรงลงไปที่ส่วนโดมของถ้วย
การเคลื่อนไหวของเจียงหว่านรวดเร็วมาก จนทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกใจ
เมื่อทุกคนได้สติ เจียงหว่านก็ทุบถ้วยลูกเต๋าจนหมดแล้ว ก่อนจะดึงแม่เหล็กออกมาจากผงละเอียด
เธอเขย่าแม่เหล็กต่อหน้าทุกคน แล้วตบมันลงต่อหน้าถันหลง
“บอกฉันสิว่าสิ่งนี้มีไว้เพื่ออะไร?”
การแสดงออกของถันหลงเปลี่ยนไป “เธอทำถ้วยลูกเต๋าของฉันแตก!”
เจียงหว่านคว้าก้อนหิน และทุบอีกครั้ง และครั้งนี้เธอทุบลงไปที่ลูกเต๋า
ลูกเต๋าแตกกระจุย ปรากฏเศษตะกรันเหล็กบางส่วนที่มองเห็นได้ชัดเจนอยู่ข้างใน
”นี่มีไว้เพื่ออะไร?”
ใบหน้าของถันหลงดูน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม
ในเวลานี้ ผู้คนที่เฝ้าดูความตื่นเต้นรอบตัวต่างตกตะลึง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยมีความรู้ แต่พวกเขาก็ยังเข้าใจเกี่ยวกับตะไบเหล็กและแม่เหล็ก
“พวกเขาโกง!”
”โกง!”
ใบหน้าของถันหลงเปลี่ยนเป็นดำครึ้ม
เจียงหว่านเยาะเย้ย “ถันหลง ก่อนนี้ที่ฉันไม่เปิดเผยมันก็เพื่อรักษาหน้านายแท้ ๆ แต่นายกลับไร้ยางอายเอง”
ถันหลงสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพยักหน้า “เอาล่ะ เยี่ยมมาก นังอ้วน เธอกำลังหาเรื่องฉันเองนะ!”
เจียงหว่านยังหัวเราะเยาะโดยไม่มีท่าทีหวาดกลัว “นายคิดจะโกงฉันก่อน ฉันพูดไปแล้ว ถึงฉันตัวเปล่าฉันก็ไม่กลัวนายหรอกนะ”
ถันหลงพูดอย่างไม่พอใจ “คนพวกนี้ล้วนเป็นคนของฉัน ถึงจะมีบางคนที่ไม่ใช่ก็เถอะ ตราบใดที่ฉันจ่ายเงินไป เจ้าพวกนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฉันรับประกันว่าพวกนี้จะเก็บทุกอย่างเป็นความลับ!”
“แต่แก นังอ้วน…”
เจียงหว่านยกริมฝีปากขึ้นและหัวเราะเบา ๆ “นายไม่ต้องมากังวลเรื่องฉัน ฉันกล้ามาถึงที่นี่ ฉันไม่กลัวอยู่แล้ว!”
”นายคิดว่า นายมีพรรคมีพวกอยู่คนเดียวเหรอ?”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็หยิบนกหวีดออกมาจากที่ไหนไม่ทราบได้ ก่อนจะเป่ามันอย่างแรง
ด้วยความรวดเร็ว เสียงนกหวีดแหลมเล็กดังลั่นขึ้นและแผ่กระจายไปไกล
ใบหน้าของถันหลงเปลี่ยนไป “แก แกกำลังทำอะไร แกเป่านกหวีดเรียกใครมา?”
เจียงหว่านเพิกเฉยอีกฝ่าย ดึงไม้อันใหญ่ออกมาจากข้างหลัง แล้วเดินไปที่หน้าต่าง
“ฉันกำลังเรียกใครน่ะเหรอ? ก็สหายหน่วยรักษาความปลอดภัยสาธารณะน่ะสิ วันนี้ พวกนายไม่มีใครได้ออกไปแน่!”
ถันหลงโกรธจนสติหลุด “นังบ้า แกเรียกตำรวจมางั้นเหรอ ทุกคนรีบไปเร็ว!”
ทุกคนต่างตระหนกตกใจ ก่อนจะต่างคนต่างวิ่งออกไปพลางกรีดร้องอย่างแตกตื่น
……
ทว่าเจียงหว่านใช้ไม้ขัดหน้าต่างขวางทางไว้ เมื่อมีคนเข้ามาใกล้ เธอดันกลับไป
เธอไม่สามารถปิดหน้าต่างทั้งสี่บานได้ แต่ตราบเท่าที่ถันหลงถูกขวางไว้ หนีออกไปไม่ได้ก็เพียงพอแล้ว
มีคนไม่กี่คนที่ไปถึงหน้าต่างบานอื่น ๆ ทว่า ขณะที่พวกเขากำลัวปีนขอบหน้าต่าง และกำลังจะกระโดดออกไป
ทันใดนั้นเอง กลับมีไม้ฟาดใส่พวกเขาจากด้านนอก และลากพวกเขาโยนคนกลับเข้าไปด้านใน
พอมองอีกครั้ง เธอก็พบว่ามีชายสองสามคนในชุดเครื่องแบบตำรวจกระโดดเข้ามาจากด้านนอก
“พวกเราเป็นตำรวจ อย่าขยับ!”
ทุกคนตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง
พวกตำรวจต่างก็ถือกระบองถอยู่ในมือ แม้ว่าจะไม่มีปืนพก แต่ก็น่าเกรงขาม
คนในโรงพนันพลันอึ้งงัน พวกเขาพากันประสานมือไว้หลังท้ายทอย แล้วหมอบลงกับพื้นตามคำสั่งของตำรวจ
ส่วนเจียงหว่านยังคงจ้องมองถันหลงเขม็ง
จนกระทั่งถันหลงถูกใส่กุญแจมือ เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในเวลานี้มีชายหนุ่มในชุดตำรวจเดินเข้ามา
“พี่สาว คุณทำได้ดีมาก”
“ครั้งนี้คุณมีส่วนช่วยพวกเราอย่างมากเลยครับ”
ชายคนนี้ชื่ออู่หยาง เขาเป็นรองผู้กำกับของสถานีตำรวจที่นี่
ทันทีที่เจียงหว่านเห็นเขา ร่างกายของเธอก็ผ่อนคลายลงทันที
“มันเป็นสิ่งที่ฉันควรทำอยู่แล้ว ฉันจะปล่อยให้มะเร็งเหล่านี้ทำร้ายคนทั่วไปต่อไปไม่ได้”
อู่หยางยกริมฝีปากขึ้นยิ้มบาง ๆ อา มันช่างสดใสและเจิดจ้า!
ในเวลานี้ ถันหลงเงยหน้าขึ้นมองเจียงหว่าน
“นังอ้วน นี่พวกแกไปรู้จักกันเมื่อไหร่? แล้วแกไปแจ้งตำรวจตั้งแต่เมื่อไหร่ฮะ!”
ถันหลงไม่เข้าใจ เขาจับตามองเจียงหว่านมาตลอด เธอจะไปหาตำรวจได้ยังไง?
เจียงหว่านแค่นเสียงเย็น “ฉันพบกับสหายอู่หยางตอนฉันขายอาหาร ตอนนั้นฉันรู้ว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงไปตีสนิทกับเขา”
“แกบีบฉันทางอ้อม ให้ฉันขอเงินสามี พวกเราตกลงกันไม่ได้ มาตอนนี้แกก็มาบังคับให้ฉันเล่นพนันอีก ฉันถึงรู้ว่าแกจะโกงแน่ ๆ”
”เพราะยังไงก็ไม่มีโรงพนันแห่งไหนในโลกที่ไม่โกง”
“ฉันเลยไปที่บ้านของคนขายเนื้อ ลอบออกไปทางสวนหลังบ้านของเขา แล้ววิ่งไปหาอู่หยาง”
เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ถันหลงหวังว่าเขาจะย้อนกลับไปตบตัวเองสักสองครั้ง
เขาคิดว่าเจียงหว่านที่มีเหงื่อไหลท่วมและหน้าแดง คงไปนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนผ้าปูที่นอนกับคนขายเนื้อ
แต่เธอกลับวิ่งออกไปแจ้งตำรวจโดยไม่คาดคิด
บ้านคนขายเนื้ออยู่ค่อนข้างไกลจากสถานีตำรวจ
ที่ว่ามันไกล นั่นเป็นเพราะมันจำเป็นต้องเดินจากบ้านคนขายเนื้อไปสองถนนจึงจะถึงสถานีตำรวจ ทั้งยังต้องเดินไปสุดถนนด้วย
แต่ถ้ากระโดดข้ามกำแพง ก็จะมีเพียงสนามหญ้ากับอีกสองกำแพงกั้นระหว่างสองฝั่งเท่านั้น
ทำให้ใช้เวลาเดินทางไม่ถึงห้านาที
ถันหลงล่ะเกลียดนัก เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์มาตลอด แต่เขากลับถูกนังอ้วนนี่หลอกเสียนี่
แต่จู่ ๆ ดูเหมือนเขาจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงพูดอย่างมีชัย
“อย่าชะล่าใจไปเลย ฉันก็มีคนหนุนหลังอยู่ เข้าไปวันนี้พรุ่งนี้ก็ออกมาได้แล้ว”
“ถึงตอนนั้นเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าแก!”
เจียงหว่านเยาะเย้ยและพูดกับอู่หยาง “คุณเห็นไหม? เจ้านี่กำลังคุกคามฉันต่อหน้าคุณเลยนะ”
“สหายอู่หยาง ฉันเป็นผู้แจ้งเบาะแส คุณต้องปกป้องความปลอดภัยของฉันนะ”
อู่หยางพูดอย่างยุติธรรม “ไม่ต้องกังวลครับ นับจากนี้ไปคุณมาตั้งแผงขายเนื้อหน้าสถานีตำรวจของเราได้เลย ผมจะดูให้เองว่าใครจะกล้ามารังแกคุณ”
“คุณคิดว่าตำรวจของประชาชนเป็นเพียงของประดับงั้นเหรอ?”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ใบหน้าของถันหลงดูน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม
ท้ายที่สุด เขาก็ทำได้เพียงจ้องมองไปที่เจียงหว่านอย่างแค้นเคือง
หากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เขาคงจะฆ่าเจียงหว่านตายไปหลายร้อยครั้งแล้ว
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่น ๆ ก็ลากตัวทุกคนออกไป
ขณะเดินออกไป พวกเขาก็พึมพำ “เยี่ยมมาก ฉันอยากจับไอ้พวกนี้มานานแล้ว ในที่สุดฉันก็จับพวกมันได้ คราวนี้พวกมันจะได้เข้าคุกกันเสียให้หมด”
ขณะที่ทุกคนออกไป เจียงหว่านรั้งอู่หยางไว้
อู่หยางยิ้มแล้วพูดว่า “มีอะไรอีกเหรอ พี่อ้วน?”