เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 50 เงินไม่สำคัญ แต่เจียงหว่านต้องตกหลุมพราง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 50 เงินไม่สำคัญ แต่เจียงหว่านต้องตกหลุมพราง
บทที่ 50 เงินไม่สำคัญ แต่เจียงหว่านต้องตกหลุมพราง
หลังจากนับเงินแล้วเธอก็เก็บมันทันที
คิด ๆ แล้วก็กลัวทำหาย จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นเพราะไม่ได้ซักมาเป็นเวลานานขึ้นมาห่อเงิน ปลดเข็มขัดกางเกงต่อหน้าเจียงเสวี่ยแล้วยัดมันเข้าไปในกางเกงซับในของตัวเอง
ไม่รู้ว่าเธอเตรียมตัวมาหรือเป็นเรื่องบังเอิญที่กางเกงซับในสีชมพูตัวใหญ่มีกระเป๋าอยู่ จึงยัดเงินเข้าไปได้พอดิบพอดี!
เจียงเสวี่ยได้แต่ดูแคลนแค้นเคืองในใจ ‘ดีมาก ฉันเอาสามร้อยกลับมาไม่ได้แล้ว ขยะแขยง!’
เยี่ยนจื่อรวบรวมเงิน และพูดกับเจียงเสวี่ย “ฉันรักษาคำพูดของฉัน ตอนนี้ฉันจะบอกเธอถึงสิ่งที่ฉันเห็น…”
เยี่ยนจื่อเห็นเจียงหว่านตอนอีกฝ่ายเปิดแผงขายของในเมืองในวันแรก
ต้องย้ำอีกครั้งว่าเจียงหว่านอ้วนเกินไป ทั่วทั้งประเทศไม่มีผู้หญิงคนไหนจะอ้วนได้ขนาดนี้อีกแล้ว
แม้ว่าเจียงหว่านจะยืนอยู่บนถนนสายนั้นโดยไม่ทำอะไรเลย อีกฝ่ายก็จะยังโดดเด่นที่สุดบนถนน
เมื่อเยี่ยนจื่อได้ยินว่ามีหญิงอ้วนมาขายเนื้อที่เมือง เธอก็รีบออกไปดู และจำอีกฝ่ายได้ทันที
เธอกำลังจะไปหาใครสักคนมาจัดการอีกฝ่าย แต่เจียงหว่านกลับยืนอยู่ตรงสถานีตำรวจ และที่ว่าการ
นั่นมันตำแหน่งอันตรายชัด ๆ ถ้าเธอยกพวกไปทุบตีคงแย่แน่!
เมื่อสองปีที่แล้ว พวกรัฐบาลทำการกวาดล้างทั่วประเทศ พวกอันธพาลใต้ดินถูกจัดการ เมืองเล็ก ๆ จำนวนมากก็ถูกเก็บกวาดทำความสะอาดทั้งหมด
ดังนั้น ตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าไปโรงพัก
เยี่ยนจื่อจึงตัดสินใจแอบเฝ้าดูก่อน จากนั้นจึงเห็นถันหลงปรากฏตัว
หลังจากฟังเยี่ยนจื่อแล้ว เจียงเสวี่ยก็ยกยิ้ม “เธอหมายถึงถันหลงทวงเงินจากนังอ้วนคนนั้นงั้นเหรอ?”
เยี่ยนจื่อพยักหน้า “ฉันเห็นว่านังอ้วนนั่นเป็นหนี้ถันหลงเป็นจำนวนมาก เธอติดเงินตั้ง 400 หยวน จากนั้นเธอก็ต่อรองกับถันหลง จนกลายเป็น 100 หยวน”
“ตามข้อตกลง เธอต้องให้ชำระให้หมดภายในหนึ่งเดือน หากยังไม่ชำระหรือชำระไม่ได้ ก็ปฏิบัติตามวิธีเดิม คือคิดดอกเบี้ยทบยอด!”
เจียงเสวี่ยยิ้มพลางเม้มริมฝีปาก “น่าสนใจ”
เดิมทีเธอวางแผนจะกันไม่ให้เยี่ยนจื่อออกจากค่ายทหาร แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนใจแล้ว
เธอจ้องมองไปที่เยี่ยนจื่อ “ฉันต้องการให้เธอทำสองเรื่อง และถ้าเธอทำได้ ฉันจะให้เธออีกหนึ่งร้อยหยวน!”
ถ้าให้เพิ่มอีกร้อยก็จะกลายเป็นสี่ร้อยหยวนเลยน่ะสิ
ดวงตาของเยี่ยนจื่อเปลี่ยนเป็นสีแดง ก่อนจะพยักหน้ารัว ๆ เหมือนลูกไก่จิกข้าว “ได้เลย ตกลง เธอต้องการให้ฉันทำอะไร!”
เจียงเสวี่ยกระดิกนิ้วเรียกเธอเข้ามาหาแล้วกระซิบบางอย่าง
เยี่ยนจื่อดวงตาเบิกกว้าง “เอาอย่างนั้นเหรอ?”
เจียงเสวี่ยพยักหน้า “ใช่ มันง่ายมาก ถ้าเธอทำเสร็จแล้วก็มาเอาเงินจากฉันได้เลย”
“แต่ถึงเธอจะถูกจับได้ เธอก็ห้ามบอกว่าฉันสั่งให้เธอทำเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะฟ้องเธอในข้อหาปล้นทรัพย์”
เยี่ยนจื่อตกใจ “ปล้นเหรอ? แต่ฉันไม่ได้ทำนะ!”
เจียงเสวี่ยพูดอย่างเย็นชา “งั้นเธอบอกใครได้ล่ะว่าได้เงินมาจากไหน เงินถูกมอบให้กับเธอแล้ว แต่เธอจะมีความสามารถในการใช้มันหรือไม่ นั่นก็ขึ้นอยู่กับผลงานของเธอ!”
เยี่ยนจื่อกัดฟันแน่น และตกลงอย่างช่วยไม่ได้ “ตกลง ฉันจะทำตามที่เธอพูด!”
เจียงเสวี่ยยิ้มอย่างพึงพอใจ “อย่ากังวลไป ตราบใดที่เธอทำงานได้ดี ผลประโยชน์ก็จะเป็นของเธอ!”
แม้การแสดงออกของเยี่ยนจื่อดูผิดแปลกไปเล็กน้อย แต่เจียงเสวี่ยก็ยังเห็นด้วย
เมื่อเธอจากไป เจียงหว่านยังคงเผาหัวหมูอยู่ในสนามหญ้า
เยี่ยนจื่อเหลือบมองไปด้านข้างของยัยอ้วน และเมื่อเห็นเจียงหว่านมองมา ก็แค่นเสียงเย็น ก่อนจะเดินผ่านไป
เจียงหว่านหรี่ตา รู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังอดกลั้นอะไรบางอย่างไว้
ดูเหมือนว่าในช่วงนี้เธอจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นแฮะ
อีกสามวันจะครบกำหนดวันนัดชำระหนี้ เจียงหว่านจึงไม่มีเวลามาใส่ใจว่าอีกฝ่ายวางแผนอะไรกัน
เธอแค่ทำในสิ่งที่ต้องทำต่อไปเท่านั้น
……
สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือเยี่ยนจื่อไม่ได้ออกจากฐาน แต่แอบรออยู่นอกประตูในสนามหญ้า ไม่ให้ใครเห็น
พอเจียงหว่านปรุงหัวหมูเสร็จก็เกือบจะเที่ยงแล้ว
เธอเก็บมันลงหม้อ แล้วขี่จักรยานไปในเมือง
ระหว่างทางเธอยังมองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่าเยี่ยนจื่ออยู่แถวนี้หรือเปล่าด้วย แต่ก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ เลย
เธอไม่รู้เลยว่าเยี่ยนจื่อไม่ได้ออกจากค่ายทหาร
ในตอนเที่ยง เฉียวเหลียนเฉิงจะกลับมากินอาหารกลางวัน
ช่วงนี้เจียงหว่านไม่อยู่บ้าน ดังนั้น เฉียวเหลียนเฉิงจึงเป็นคนนำอาหารกลับมากินกับผิงอัน
และเก็บอีกส่วนไว้ให้เจียงหว่านกินตอนกลับมา
ทันทีที่เฉียวเหลียนเฉิงเดินมาถึงประตูทางเข้า จู่ ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งก็โผล่พรวดพราดออกมาขวางทางเขาไว้
“คุณคือหัวหน้ากองพันเฉียวใช่ไหม!”
เฉียวเหลียนเฉิงหยุดมองอีกฝ่าย
เขาจำได้ว่าอีกฝ่ายคือพี่เลี้ยงตัวน้อยที่เจียงเฉิงหามา และไล่ออกไปเมื่อไม่นานมานี้
เขาขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัว และถามด้วยความเย็นชา “มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
เยี่ยนจื่อพยักหน้า พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “ฉันมีเรื่องจะบอกคุณ คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อสิ่งที่ฉันพูดก็ได้ แต่คุณต้องฟังมัน”
“วันก่อนฉันเห็นภรรยาของคุณเจียงหว่านพูดคุยอยู่กับเจ้าของโรงพนัน!”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่ได้ตั้งใจจะฟัง แต่เมื่อได้ยินคำว่าโรงพนัน เขาก็หยุดชะงักทันที
มองดูเยี่ยนจื่ออย่างเฉยเมย รอให้อีกฝ่ายพูดต่อ
เยี่ยนจื่อเห็นอย่างนั้นจึงพูดว่า “ฉันได้ยินพวกเขาพูดว่า พวกเขาต้องการได้เงินหนึ่งร้อยหยวนหรืออะไรสักอย่างภายในหนึ่งเดือน!”
“แต่ภรรยาของคุณพูดไปว่า ไอ้เวรนั่นไม่ให้เงินฉันเลย ฉันก็ทำอะไรไม่ได้”
“ถันหลงบอกว่า ตอนนี้เธอยังทำได้ไม่ดีนัก ถ้าเขาเห็นว่าเธอทำตัวดีขึ้น เขาจะเชื่อเธอแน่นอน เมื่อถึงเวลาก็ขอเงินจากเขามา แล้วพวกเราจะจากไปทันทีหลังได้รับเงิน!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ใบหน้าของเฉียวเหลียนเฉิงมืดมนลง ดวงตาของเขายามมองไปที่เยี่ยนจื่อเย็นชาลงเล็กน้อย
จนเยี่ยนจื่อรู้สึกหนาวหลัง เธอพูดด้วยเสียงแผ่วเบาต่อว่า
“ฉันได้ยินไม่ชัดเจนว่าพวกเขาพูดอะไรกันหลังจากนั้น เสียงของพวกเขาเบามาก และฉันก็ไม่กล้าเข้าไปใกล้”
“แต่สุดท้ายสองคนนั้นก็ตกลงกันว่าจะขอเงินคุณภายในสองวันนี้”
“ถ้าคุณถาม เธอก็คงแค่ใช้ข้ออ้างที่เคยเป็นหนี้การพนันมาก่อน และจำเป็นต้องชำระหนี้เก่านั้น”
“ฉันรู้ว่าคุณอาจจะไม่เชื่อสิ่งที่ฉันพูด แต่ฉันบอกคุณเพราะกลัวว่าคุณจะโดนหลอก”
“ในช่วงสองวันนี้ถ้าเธอขอเงินคุณ ไม่ว่าเธอจะใช้ข้อแก้ตัวอะไรก็ตาม อย่าไปเชื่อนะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เยี่ยนจื่อก็หันหลังวิ่งหนีไปโดยไม่รอให้เฉียวเหลียนเฉิงพูดอะไร
แรงกดดันของเฉียวเหลียนเฉิงน่ากลัวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเยี่ยนจื่อพูดถึงเจียงหว่านและถันหลง เยี่ยนจื่อรู้สึกเหมือนว่าเธอไม่ได้เผชิญหน้ากับมนุษย์ แต่กำลังเผชิญหน้ากับนรกทั้งเก้าขุม
จนกระทั่งเธอวิ่งหนีไป จึงตระหนักว่าเหงื่อข้างหลังทำให้เสื้อผ้าของเธอเปียกโชกโดยไม่ทันรู้ตัวเลย
กว่าเจียงหว่านจะเจอเฉียวเหลียนเฉิงก็หลังสองทุ่มแล้ว
วันนี้ขายเนื้อดีมาก พอกลับถึงบ้าน เธอก็หยิบเงินทั้งหมดออกมานับอย่างละเอียด วันนี้เธอได้เงินมา 11 หยวน
เจียงหว่านยิ้มอย่างมีความสุข
ก่อนหน้านี้เจียงหว่านเพิ่งเพิ่มราคาเนื้อตุ๋นเป็นสองเท่า หลังจากตั้งราคาใหม่ในวันนั้น ก็รู้สึกว่าจะได้กำไรมากขึ้น
เธอขายเนื้อหัวหมูสองชิ้น เนื้อขาหมูสองชิ้น และไส้หนึ่งชิ้น
และได้กำไรมากกว่าราคาทุนถึงสองเท่า!
เธอคำนวณอย่างรอบคอบ พบว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปตัวเองจะได้รับเงินสามร้อยหยวนในหนึ่งเดือน!
แต่ทว่า มันเหลือเวลาไม่ถึงสามวันก่อนถึงวันชำระหนี้ เงินทั้งหมดที่อยู่ในมือของเธอตอนนี้ยังมีไม่ถึงหนึ่งร้อยหยวน
เธอจึงเริ่มเป็นกังวลอีกครั้ง
เฉียวเหลียนเฉิงเห็นเธอเหม่ออยู่เพียงลำพังก็พลันมีแสงมืดมนแวบผ่านดวงตา ก่อนจะรีบแสร้งทำเป็นปกติ และถามว่า
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง?”