เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 49 เยี่ยนจื่อไถเงินเจียงเสวี่ย
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 49 เยี่ยนจื่อไถเงินเจียงเสวี่ย
บทที่ 49 เยี่ยนจื่อไถเงินเจียงเสวี่ย
เจียงหว่านกำลังปรุงเนื้อหัวหมูอยู่ในบ้าน เธอไม่ทันรู้ตัวว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ประตูฐานทัพ
อีกฝ่ายเดินไปหาทหารยาม และกระซิบบางอย่าง
“สหาย ฉันกำลังมองหาเจียงเสวี่ย ฉันเอาของบางอย่างมาให้เธอน่ะ”
ทหารยามเหลือบมองเธอ “คุณมีบัตรผ่านหรือเปล่า?”
ผู้หญิงคนนั้นส่ายหัว
ทหารยามจึงขมวดคิ้ว “ขออภัยด้วยครับ คุณต้องขอบัตรผ่านจากเจียงเสวี่ย ไม่อย่างนั้นเราก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยคุณเข้าไป”
ผู้หญิงคนนั้นเงียบไป “ขาของเธอหัก ขยับไปไหนไม่ได้ ฉันเองก็เข้าไปไม่ได้ ทำไมคุณไม่ช่วยส่งข้อความให้ฉันล่ะ? ฉันชื่อเยี่ยนจื่อ แค่บอกเธอว่าฉันมีเรื่องจะบอกเธอ เกี่ยวกับเรื่องที่เธอกังวลอยู่”
ทหารยามคนนั้นลังเลเล็กน้อย บังเอิญว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนกะพอดี เขาจึงไม่ได้พูดกับเธอต่อ แต่หลังออกจากหน้าที่ ทหารยามคนนั้นก็ยังเห็นเธอเฝ้าประตูอยู่ไม่ไปไหน
เขาเองรู้ว่าเจียงเสวี่ยเป็นน้องสาวของครูฝึกกองพันที่หนึ่ง จึงตกลงที่จะช่วยเธอส่งข้อความ
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา อารมณ์ของเจียงเสวี่ยรุนแรงขึ้น และความรู้สึกเกี่ยวกับกระดูกขาที่หักนั้นก็ยากจะอธิบาย
ยิ่งช่วงนี้อากาศก็ร้อน แต่เธออาบน้ำไม่ได้เพราะขาหัก ร่างกายของเธอจึงมีกลิ่นเหงื่อ และเหนียวเหนอะหนะ
สิ่งนี้ทำให้เจียงเสวี่ยผู้เคยได้รับการปรนนิบัติอย่างดีมาตั้งแต่ยังเด็ก และคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยมาโดยตลอดทนไม่ไหวอีกต่อไป
เมื่อได้ยินว่าเยี่ยนจื่อต้องการพบเธอ ปฏิกิริยาแรกของเธอคือความคิดที่ว่า ‘แปลก นังบ้านนอกตัวเหม็นนั่นไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน จะมาเจอฉันทำไม?’
”ไม่พบ!”
เธอปฏิเสธด้วยความรังเกียจ และน้ำเสียงของเธอก็ไม่ค่อยดีนัก
ทหารยามที่มาส่งข้อความจึงไม่พอใจ แล้วหันหลังเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เจียงเสวี่ยกลับหยุดเขาไว้ “เดี๋ยวก่อน ปล่อยให้เธอเข้ามา!”
ทหารยามคนนี้เป็นเด็กจากชนบท แม้เขาจะยากจน แต่ก็มีความกล้าหาญ
เดิมทีเขาค่อนข้างโกรธอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นใบหน้าเย่อหยิ่ง และวางท่าราวกับเป็นเจ้านายของเจียงเสวี่ย ก็พลันรู้สึกรังเกียจขึ้นมา
เขาพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันยังมีสิ่งที่ต้องทำ เรามีหน้าที่แค่เฝ้าประตู ไม่ใช่มารับผิดชอบเรื่องส่งสาร ฉันมาที่นี่เพราะเห็นแก่ครูฝึกเจียงเท่านั้น”
“ถ้าจะส่งข้อความก็ไปเองเถอะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็มองไปที่ขาของเจียงเสวี่ยอย่างดูถูก แล้วหันหลังกลับออกไปทันที
เจียงเสวี่ยโกรธมาก “นี่แก หยุดนะ ท่าทางของแกมันคืออะไร? แกมาจากกองพันไหน ชื่ออะไร กลับมาที่นี่เดี๋ยวนี้!”
เธอโกรธมากจนตบที่วางแขนเก้าอี้ แต่ทหารยามคนนั้นกลับเดินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะหายไปในพริบตา
เจียงเสวี่ยกัดฟันด้วยความโกรธและหันไปมองหาซิ่วเฟิน “ไปพานังบ้านนอกบ้านั่นเข้ามา”
ซิ่วเฟินเงียบไป ก่อนจะตอบตกลง
เมื่อซิ่วเฟินพาเยี่ยนจื่อเข้ามาในลาน เจียงหว่านก็กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี
เธอถือหัวหมูที่เพิ่งทำเสร็จไว้ในมือ เตรียมไปที่เตาขนาดใหญ่เพื่อเผาขน จากนั้นใช้น้ำร้อนล้างขี้เถ้าสีดำชั้นนอกออก
เมื่อพวกเธอเดินสวนกัน ร่างกายของเจียงหว่านก็แข็งทื่อ ภาพหลายภาพแวบขึ้นมาในใจของเธอ จนเธอพลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันที
คืนนั้น ตอนถันหลงขวางเธอไว้ ผู้หญิงซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ และผู้หญิงที่เห็นในเมืองในแล้วรู้สึกคุ้น ๆ ช่วงสองวันที่ผ่านมาล้วนเป็นเยี่ยนจื่อทั้งสิ้น
หัวใจของเจียงหว่านกระตุกวาบ และมีสังหรณ์ที่ไม่ดีขึ้นมา
เธออยากขึ้นไปแอบฟังสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูด
เจียงหว่านวางหัวหมูในมือลง แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เธอก็เห็นซิ่วเฟินนั่งอยู่พร้อมกับกะละมังเด็ดผักที่หน้าประตูบ้านของเจียงเสวี่ย
ซิ่วเฟินอยู่ที่นั่น เจียงหว่านไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้
เวลานี้ ภายในบ้านเจียง
เจียงเสวี่ยเหลือบมองเยี่ยนจื่ออย่างดูถูก “ฉันได้ยินมาว่าเธอกำลังมองหาฉัน?”
เยี่ยนจื่อยืนอยู่ที่ประตู ขณะใช้นิ้วลูบกระโปรงของเธอด้วยความประหม่าพลางพยักหน้า
เจียงเสวี่ยหันหน้าหนี ราวกับว่าทนที่จะมองดูคนบ้านนอกนี่ไม่ไหวอีกต่อไป
“บอกฉันมาว่ามีเรื่องอะไร!”
……
เยี่ยนจื่อกล่าวว่า “ฉันเห็นนังอ้วนนั่นในเมือง เธอไปที่นั่นมาสองสามวันแล้ว และฉันยังเห็นด้วยว่าเธอสนิทกับผู้ชายหลายคนจนผิดปกติ!”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ เจียงเสวี่ยก็อึ้งชะงักไปเล็กน้อย ก่อนดวงตาของเธอจะวาววับสดใสขึ้น
“จริงเหรอ? บอกรายละเอียดของสถานการณ์มาสิ!”
เยี่ยนจื่อพยักหน้าทันควัน “จริงสิ ฉันมองหาทั้งเมืองแล้ว ไม่มีทางที่คนอื่นจะอ้วนได้เหมือนนังนั่น ฉันไม่มีทางจำคนผิด!”
เจียงเสวี่ยพูดอย่างอดรนทนรอไม่ไหว “หยุดพูดเรื่องไร้สาระ แล้วบอกฉันมาสิว่าเธอเห็นอะไร? คนเหล่านั้นพูดอะไรกับนังอ้วนนั่นบ้าง?”
เยี่ยนจื่อเงียบ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วมองเจียงเสวี่ยด้วยดวงตาสดใส
“ฉันก็อยากจะบอกคุณเหมือนกัน แต่ฉันลืมไปแล้ว”
เจียงเสวี่ยตกตะลึง และพูดด้วยความโกรธ “เธอล้อเล่นกับฉันเหรอ”
เยี่ยนจื่อส่ายหัว “ไม่ ฉันจะกล้าดียังไง ฉันจำไม่ได้จริง ๆ”
เจียงเสวี่ยโกรธมาก “จำไม่ได้เหรอ? แล้วเธอมาที่นี่ทำไม!”
ทันใดนั้น เยี่ยนจื่อก็ยิ้ม “แม้ว่าฉันจะลืมมันไปแล้ว แต่ถ้าเธอให้เงินฉัน ฉันอาจจะจำมันขึ้นมาได้ก็ได้นี่”
เจียงเสวี่ยเข้าใจทันที กัดฟันถามไปว่า “เธอต้องการเงินงั้นเหรอ?”
เยี่ยนจื่อยิ้มเจื่อน ทำตัวไม่ถูก “ใช่ พวกเรามาจากครอบครัวยากจน พี่ชายของฉันกำลังจะแต่งงาน ฉันต้องหาเงินเพื่อมอบให้เป็นค่าเจ้าสาวน่ะ”
เยี่ยนจื่อไม่มีทางเลือก พี่สะใภ้ของเธออยากได้เงินหนึ่งร้อยหยวนและจักรยานหนึ่งคันเป็นของขวัญ มันมากเกินไป และครอบครัวของเธอก็มีเงินไม่พอ
เธอรู้ว่าเจียงเสวี่ยรวย เธอได้ยินมาว่าตระกูลเจียงเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยในเมืองเหยียนจิง และเจียงเฉิง พี่ชายของเธอก็เป็นเจ้าหน้าที่ของกองทัพ
เงินเดือนต่อหนึ่งเดือนก็ได้รับไม่น้อยเลย จะไม่มีเงินได้ยังไง?
นอกจากนี้ ครั้งที่แล้วเยี่ยนจื่อยังถูกเจียงหว่านทุบตี และถูกเจียงเฉิงไล่ออกไป
ดังนั้นเธอจึงโยนความผิดทั้งหมดไปที่เจียงหว่าน และเกลียดชังยัยนั่นอย่างสุดซึ้ง
การมาหาเจียงเสวี่ย นอกจากจะแก้แค้นแล้วยังหาเงินได้ด้วย ทำไมเธอจะไม่ทำล่ะ!
เจียงเสวี่ยจ้องมองเธออย่างเย็นชาเป็นเวลานาน จากนั้นก็ยิ้มออกมา “เธอต้องการเท่าไหร่?”
ได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของเยี่ยนจื่อเป็นประกาย ก่อนจะพูดอย่างร้อนรน “หนึ่งร้อย ไม่ ไม่ มีจักรยานอีกคัน เป็นสามร้อย!”
ในสมัยนี้จักรยานถือเป็นของราคาแพง และจักรยานเออร์ปา[1]*ใหม่เอี่ยมมีราคาสูงกว่า 180 หยวน!
ดังนั้นเธอต้องการเงินมาก!
เจียงเสวี่ยพยักหน้าโดยไม่คิด “เอาล่ะ ถ้าแค่สามร้อย ฉันให้เธอก็ได้!”
เยี่ยนจื่อตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่งทันที ก่อนจะรู้สึกเสียใจขึ้นมา!
ถ้ารู้อย่างนี้น่าจะเรียกไปสักห้าร้อย!
แต่เมื่อพูดออกไปแล้ว เธอก็ไม่สามารถกลับคำพูดได้ ไม่อย่างนั้นครั้งต่อไปคงทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
เธอกระแอม แล้วบอกว่า “เอามาให้ฉันก่อน แล้วฉันจะเล่าให้ฟังทีหลัง”
เจียงเสวี่ยยิ้มเยาะ “ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้กำลังหลอกลวงฉัน”
แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่เธอวางแผนที่จะให้เงินแก่เยี่ยนจื่อก่อน จากนั้นจะบอกให้ซิ่วเฟินไปบอกพี่ชายของเธอว่าเยี่ยนจื่อมาปล้นเงินไป
ตอนนั้นหญิงบ้านนอกคนนี้คงไม่สามารถออกไปจากค่ายทหารได้
พอคิดถึงแผนนี้แล้ว เจียงเสวี่ยก็ให้เงินสามร้อยหยวนแก่เธอทันที
เยี่ยนจื่อไม่เคยเห็นเงินมากมายขนาดนี้มาก่อนในชีวิต มันเป็นธนบัตรใบละสิบหยวน ทั้งยังเป็นแบงค์ใหม่ด้วย!
ยามกระดาษสามสิบแผ่นตกลงก็ส่งเสียงกึกก้อง ดูแล้วช่างเพลินตาจริง ๆ
เธอกลัวว่าเจียงเสวี่ยจะหลอก จึงเริ่มนับเงินทันที
เนื่องจากเป็นเงินใหม่ กระดาษบางแผ่นจึงติดกันแน่น ไม่สามารถแยกกันได้ง่าย ๆ
เยี่ยนจื่อกังวลจึงถ่มน้ำลายใส่นิ้ว แล้วนับเงินต่อไปพร้อมกับคราบน้ำลายทั้งอย่างนั้น
เจียงเสวี่ยที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกว่าในท้องของเธอปั่นป่วนไม่หยุด
หญิงสาวมองดูเงินด้วยความไม่พอใจ ‘ฉันเอาสามร้อยนี้ไปใช้ไม่ได้แล้ว ไว้เอากลับไปให้พี่ชายแลกเป็นเหรียญห้าหยวนก็แล้วกัน’
‘บ้านนอกก็คือบ้านนอก น่ารังเกียจจริง ๆ!’
ความรังเกียจในดวงตาของเจียงเสวี่ยพุ่งถึงจุดสูงสุดแล้ว แต่เยี่ยนจื่อหลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด
[1] จักรยานเออร์ปา คือจักรยานที่เป็นที่นิยมยุค 1960-1970