เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 48 ผมไม่รังเกียจที่คุณอ้วน
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 48 ผมไม่รังเกียจที่คุณอ้วน
บทที่ 48 ผมไม่รังเกียจที่คุณอ้วน
หลี่ซิ่วจือพูดต่อ “เธอไม่ไปเองก็ได้ ฉันจะโทรไปขอให้แม่มารับเธอ”
หลังจากพูดจบ เธอก็กระแทกประตูปิดแล้วจากไป โดยไม่คำนึงถึงอาการคลั่งของน้องสาว
พอพี่สาวจากไปแล้ว หลี่ซิ่วหลันก็โกรธมาก คว้าชามไก่ตุ๋นที่เจียงหว่านเพิ่งให้มาโยนลงบนพื้น
ชามแตก เพล้ง! กระจาย พร้อมไก่กับมันฝรั่งที่หกเลอะไปเต็มพื้น
หลี่ซิ่วหลันมองไก่กับมันฝรั่งเหล่านั้นเป็นตัวแทนเจียงหว่าน จึงใช้เท้าเหยียบมันซ้ำอีกสองสามครั้งด้วยอารมณ์โกรธแค้น
เธอไม่คาดคิดว่าอาหารจานนี้จะมีน้ำมันเยอะ เนื้อกับมันฝรั่งยังคงเยิ้มน้ำมันแม้มันจะกระจายอยู่บนพื้นแล้วก็ตาม
หลี่ซิ่วหลันเหยียบอาหารของเจียงหว่านระบายอารมณ์ เหยียบครั้งแรกยังไม่เป็นไร แต่พอเหยียบครั้งต่อไป กลับก็ซวนเซเสียหลัก เท้าทั้งสองข้างลื่นจนฉีกออกจากกัน
ปัง! พลั่ก!
เธอทรุดลงนั่งก้นกระแทกกับพื้น ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
หลี่ซิ่วหลันรู้สึกว่าไม่มีอะไรได้ดังใจสักอย่าง ยิ่งเธอล้มเพราะอาหารของเจียงหว่าน เธอก็ยิ่งหงุดหงิด มองดูพื้นสกปรกเละเทะ พลางสาปแช่งด้วยความโกรธ
“อ๊ากกก! นังอ้วนสารเลว รอดูเถอะ ฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”
เวลาประมาณ 20.30 น. เฉียวเหลียนเฉิงก็กลับมาบ้าน
เมื่อเขาเดินเข้าไปในบ้าน ก็เห็นเจียงหว่านกำลังเขียนอะไรบางอย่าง เขาคาดได้ว่าเธอคงกำลังเขียนต้นฉบับ
เขาจึงเข้ามาแล้วเอาเงินวางไว้ตรงหน้าเธอ
“นี่เงินค่าเนื้อ”
เจียงหว่านมองแล้วตาเบิกโต พลางพูดว่า “เยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับว่า “ตอนผมออกไป ผมลืมถามว่าคุณขายมันเท่าไหร่ เจียงเฉิงเลยเสนอว่า เนื้อหัวหมูกับลำไส้ สองชิ้นให้คิดหนึ่งหยวนห้าเหมาน่ะ”
“ผมไม่รู้ว่าขาดทุนรึเปล่า?”
เจียงหว่านหัวเราะไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ “ไม่ขาดทุน แต่ได้กำไรนี่สิ ตอนที่ฉันไปขายในเมืองราคายังไม่แพงขนาดนี้เลย”
“ว่าแต่ พวกเขาว่ายังไงกันบ้าง?”
เฉียวเหลียนเฉิงอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ “ตอนแรกมันขายไม่ได้ง่าย ๆ แทบไม่มีใครซื้อ เพราะเนื้อหัวหมูเย็นไปหน่อย เพราะมีไขสีขาวลอยอยู่ก็เลยดูไม่น่ากิน”
“เจียงเฉิงเลยขอให้ห้องครัวช่วยอุ่นให้ โชคดีที่ผมเอาน้ำซุปไปด้วย”
“พอน้ำซุปร้อน กลิ่นก็ฟุ้งออกมา เลยขายได้ง่ายขึ้น”
เจียงหว่านตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนมีแสงแวบประกายขึ้นมาในใจของเธอ
เธอไม่สนใจว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะพูดอะไรอีกแล้ว
จนเฉียวเหลียนเฉิงโบกมือตรงหน้าไว ๆ เจียงหว่านจึงกลับมาได้สติ
“อ๊ะ มีอะไรเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงชี้ไปที่เนื้อบนโต๊ะ “คุณไม่กินเหรอ?”
เจียงหว่านส่ายหัว “มีไก่ตั้งสามตัว ฉันตุ๋นมันฝรั่งแล้วแบ่งไปให้แต่ละบ้าน ฉันต้องไปเอาชามไก่จากสะใภ้เฉินกับเหอหยวนหยวนอีก”
เธอหยุดไปชั่วครู่ แล้วก็พูดต่อ “ไก่นี่ของนาย ฉันกับผิงอันกินกันเสร็จแล้ว”
“กินสักหน่อยสิ นายไปดื่มข้างนอกมา คงไม่ได้กินอะไร ก่อนเที่ยงคืนนายน่าจะหิวอีก”
เฉียวเหลียนเฉิงหิวจริง ๆ นั่นแหละ เขาจึงนั่งลงพร้อมกับหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วลงมือ เมื่อกินเข้าไปก็พูดว่า
“ไม่เลว โดยเฉพาะมันฝรั่ง มันอร่อยมาก คุณไปเอาตะเกียบมากินเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ”
เจียงหว่านส่ายหัว
เฉียวเหลียนเฉิงงงงวย “มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เจียงหว่านจึงตอบกลับว่า “ฉันอยากลดน้ำหนัก ถ้ากินตอนนี้ฉันจะอ้วน”
ดวงตาของเฉียวเหลียนเฉิงสั่นไหว ก่อนเขาจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “จริง ๆ แล้ว ถ้าคุณไม่ลดน้ำหนักก็ไม่เป็นไรหรอก ผมไม่ได้รังเกียจที่คุณอ้วนสักหน่อย”
แต่เสียงของเขาเบาเกินไป เจียงหว่านได้ยินไม่ชัด จึงถามซ้ำ “หือ นายพูดว่าอะไรนะ?”
เฉียวเหลียนเฉิงกระแอมไอด้วยความเขินอาย ก่อนจะเปลี่ยนคำพูด “ผมบอกว่าไม่เป็นไร คุณไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนักหรอก ตราบใดที่คุณยังมีสุขภาพแข็งแรง”
เจียงหว่านแค่นเสียง “แต่ฉันอยากลดน้ำหนักนี่ ไม่อย่างนั้นไขมันของฉันก็จะสร้างปัญหาเกินไป ต่อไปถ้าฉันปีนข้ามกำแพงแล้วกำแพงพังอีกจะทำยังไง”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เฉียวเหลียนเฉิงก็ยกยิ้มมุมปากบาง ๆ แล้วมองเจียงวานด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
ตอนกลางคืน เจียงหว่านนอนอยู่บนเตียงแล้ว แต่เธอดันนอนไม่หลับ จึงเริ่มคิดถึงวิธีปรับปรุงเนื้อหัวหมูของเธอแทน
ใช่แล้ว พอเย็นลงเนื้อหมูตุ๋นจะมีไขสีขาว น้ำมันจากเนื้อพวกนั้นจะทำให้คนไม่อยากอาหาร
แต่ถ้าทำให้ร้อนได้ กลิ่นหอมจะลอยออกไปไกล
……
แต่ยังไงก็เถอะ การอุ่นอาหารในเมืองนั้นเป็นปัญหา
เจียงหว่านพลันคิดถึงชาติก่อนของเธอ เธอเห็นคนขายอาหารปรุงสุกบนถนน พวกเขาต่างทำเตาง่าย ๆ ใช้กัน
เจียงหว่านเกิดความมุ่งมั่นในใจ ฉันก็ทำได้!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ยิ่งทำให้เธอนอนไม่หลับ จึงพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง ทำให้เห็นเฉียวเหลียนเฉิงนอนหลับอยู่บนพื้น
เธอไม่อยากรบกวนเขาจึงแอบหยิบไฟฉายออกมา แล้วหยิบดินสอกับกระดาษ ก่อนจะเริ่มลงมือวาดภาพแบบเตาโดยอิงจากความทรงจำในชาติก่อน
ตอนนี้ไม่มีใครทำเตาธรรมดา ๆ ได้ แต่เธอทำเองได้
เพียงแค่มีถังสีขนาดใหญ่ เจาะรูออกให้ถูกและใส่โคลนด้านใน แค่นี้ก็ได้เตาง่าย ๆ แล้ว
หลังจากวาดแบบเสร็จ เจียงหว่านรู้สึกสบายใจจนง่วงขึ้นมา เลยเผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
คืนนั้น เจียงหว่านฝันว่าเธอกำลังนั่งอยู่บนกองไข่ และไข่รอบ ๆ เธอล้วนแตกทั้งหมด ลูกไก่โผล่ออกมาทีละตัว ๆ ส่งเสียงร้องเจี๊ยบ ๆ ให้เธอ
ทันใดนั้นไก่ก็โตขึ้น และเข้ามาล้อมรอบตัวเธอ วางไข่จำนวนนับไม่ถ้วนอีกครั้ง จนกลบฝังเธออยู่ใต้ไข่
เมื่อเห็นไข่จำนวนมาก เจียงหว่านมีความสุข จนเธอหุบปากไม่ลง หัวเราะคิกคักชอบใจ
หลังจากหัวเราะไม่เท่าไหร่ เธอก็ตื่นขึ้นมา
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าผนังฝั่งตรงข้ามได้รับการซ่อมแซมแล้ว และมีคนกำลังทาสีสโลแกนสีขาวอยู่บนนั้น
เธอสัมผัสเหงื่อบนหน้าผาก จึงรู้ว่าเมื่อกี้ เธอแค่ฝันไป
พอหันกลับมาในห้องก็เห็นว่าเฉียวเหลียนเฉิงหายไปแล้ว เธอกมองไปรอบ ๆ และเห็นว่าภาพวาดของตัวเองวางอยู่บนโต๊ะ
เจียงหว่านหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสงสัย ก่อนพบว่าภาพวาดมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
แต่การปรับเปลี่ยนดูสมเหตุสมผลมากกว่าที่เธอคิดไว้ในตอนแรก
เฉียวเหลียนเฉิงเป็นคนเปลี่ยนมันงั้นเหรอ?
เจียงหว่านนึกตกใจ แต่เธอก็ไม่สามารถระงับความสุขที่เกิดขึ้นได้
ดูเหมือนว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะเดาได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อเห็นว่าเจ็ดโมงแล้ว เจียงหว่านรีบสวมเสื้อผ้า เร่งรีบออกจากห้อง แล้วถีบจักรยานออกไป เพื่อไปซื้อของในเมือง
โชคดีที่มาทันเวลา แต่สินค้าเกือบหมดแล้ว
เจียงหว่านคำนวณเวลาและคิดว่าคงทำได้แค่หัวหมู เพราะเธอตื่นสายนั่นแหละ
เธอซื้อหัวหมูแล้วอุ้มกลับมา ระหว่างทางเธอพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนั้นแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ๆ แต่สายตากลับมองเธอด้วยความขุ่นเคือง
เดิมทีเจียงหว่านคิดว่าเธอมองผิดไป แต่เมื่อจะดูดี ๆ อีกครั้ง ก็พบว่าผู้หญิงคนนั้นกลับหายตัวไปในฝูงชนเสียแล้ว
เจียงหว่านจึงไม่สนใจเรื่องนี้นัก พอถึงจักรยานก็ขึ้นคร่อม แล้วปั่นกลับ
เมื่อกลับมาที่ลาน เฉียวเหลียนเฉิงก็นำอาหารเช้ากลับมาพอดี
“ตื่นแล้วเหรอ? รูปที่คุณวาดมันใช่เตาหรือเปล่า?”
เจียงหว่านพยักหน้า “ใช่ ฉันคิดจะอุ่นอาหารในเมืองน่ะ”
เฉียวเหลียนเฉิงจึงถามเรื่องที่สงสัย “แล้วทำไมเตาของคุณถึงเป็นทรงกระบอกล่ะ?”
เจียงหว่านตอบกลับ “เพราะว่าฉันต้องการใช้ถ่านอัดก้อน มันสะอาดกว่า และใช้ง่ายกว่าไง!”
การเผาไม้ทำให้เกิดขี้เถ้าจำนวนมาก และคงจะเป็นเรื่องน่าอายหากรอบตัวคนขายอาหารมีขี้เถ้าลอยอยู่เต็มไปหมด
เฉียวเหลียนเฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ให้ผมหาวัตถุดิบให้คุณไหม”
เจียงหว่านที่ได้ยินอย่างนั้นรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ดูเหมือนนายจะกระตือรือร้นมากนะเนี่ย”
เฉียวเหลียนเฉิงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้น จนมองเห็นดวงตาดำขลับ และกระจ่างชัดของเจียงหว่าน
”ก็ตราบใดที่คุณไม่ไปเล่นพนัน ผมยินดีจะช่วยคุณเต็มที่อยู่แล้ว”
เจียงหว่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หรี่ตาลง “ฉันไม่เล่นพนันแล้ว สัญญาด้วยว่าจะไม่ก้าวเข้าไปในโรงพนันอีก”
หากตามนิสัยเดิมของเธอ เธอจะไม่พูดประโยคนี้แน่นอน
เพราะเธอเกลียดคำสัญญา และเกลียดยิ่งกว่าคือ การให้สัญญากับผู้อื่น
ไม่มีใครทำให้เธอเต็มใจจะมอบคำสัญญาได้เลยสักคน
ยังไงก็ตาม เฉียวเหลียนเฉิงแตกต่างออกไป
หากคนที่เธอสัญญาด้วยคือเฉียวเหลียนเฉิง เธอก็ยินดีที่จะลองดู
เมื่อเห็นเจียงหว่านพูดอย่างจริงจัง เฉียวเหลียนเฉิงเผลอยกมุมปากขึ้นยิ้มนิด ๆ โดยไม่รู้ตัว