เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 47 ผ้าอ้อมของเจียงเสวี่ย ช่างตลกจริง ๆ!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 47 ผ้าอ้อมของเจียงเสวี่ย ช่างตลกจริง ๆ!
บทที่ 47 ผ้าอ้อมของเจียงเสวี่ย / ช่างตลกจริง ๆ!
“ถ้าจะเข้ามาก็บอก ถ้าคุณไม่บอกแล้วฉันจะรู้ได้ยังไง แล้วจะตะโกนเพื่อ!”
ซิ่วเฟินพึมพำโดยไม่สนใจใบหน้าดำครึ้มของเจียงเสวี่ย และช่วยเข็นเธอเข้าไปในบ้าน
เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย เจียงเสวี่ยกลับยิ่งอับอายกว่าเดิม เธออยากจะไปซ่อนตัวอยู่ในรูหนูเสียให้ได้
ด้วยความช่วยเหลือของซิ่วเฟิน เจียงเสวี่ยเข้าไปข้างในด้วยความกระดากอาย
เธอไม่ต้องการอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้สักนาทีเดียว
ที่ชั้นล่าง เมื่อทุกคนได้ยินซิ่วเฟินพูดถึงผ้าอ้อม พวกเขาก็ดูตื่นเต้น
จริงด้วย ขาหักอยู่ จะจัดการกับเรื่องปัสสาวะหรืออุจจาระได้ยังไงถ้าไม่ใช้ผ้าอ้อม?
ในเวลานี้ หลัวหมิ่นถามอย่างสงสัย “ถ้าฉี่ยังพอรับได้ แต่ถ้าอึล่ะ?”
ทุกคนเงียบ เพราะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครกล้าพูดถึงมัน
ใต้ร่มเงาต้นไม้ตรงประตู เจียงเฉิงดูจะหน้าตาคร่ำเครียด “ฉันจะไปหาชวนจือ ตามมาเร็ว ๆ ล่ะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังกลับไปอย่างรวดเร็วราวกับกำลังหนี
ในเวลานี้ เจียงหว่านมองไปที่หลี่ซิ่วหลัน ก่อนเลิกคิ้วแล้วถาม
“คราวนี้ยืนยันได้รึยัง?”
หลี่ซิ่วหลันสูดจมูกอย่างขมขื่น หยิบร่างไก่ทั้งสามตัวให้อีกฝ่าย แล้วหมุนตัวกระทืบเท้าเดินออกไป
หลังจากที่เธอจากไป เจียงหว่านก็ขอบคุณทุกคน
จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกัน เพื่อเตรียมตัวทำอาหารเย็น
เจียงหว่านหยิบไก่ที่ตายแล้วทั้งสามตัวขึ้นมา วางแผนจะเอาพวกมันกลับบ้านก่อน เพื่อที่เธอจะได้ไปขายเนื้อตุ๋นในเมือง
แต่เมื่อหันหลังกลับ เธอก็เห็นเฉียวเหลียนเฉิงเดินเข้ามาหา
“นายกลับมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? หลี่ซิ่วหลันคงไม่ได้ไปตามนายมาใช่ไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว “ผมกลับมานานแล้ว เห็นว่าคุณทำได้ดี ก็เลยไม่มารบกวน”
“เนื้อของคุณเหลืออยู่เท่าไหร่? เจียงเฉิงอยากเอาไปเลี้ยงสหายเก่าน่ะ”
เจียงหว่านรู้สึกอึดอัดเมื่อได้ยินคำว่า ‘เนื้อของคุณ’ แต่เธอก็ตอบออกไป
“ตอนเที่ยงฉันขายไปบางส่วนแล้ว แต่ยังเหลืออีกประมาณเจ็ดหรือแปดจินนี่แหละ”
เฉียวเหลียนเฉิงบอกว่า “ขอเนื้อหมูสองชั่งกับลำไส้หมูหนึ่งชั่งให้ผมหน่อย ที่เหลือคุณเอาไปขายเถอะ”
เจียงหว่านตกลง วางไก่ที่ตายแล้วลงบนพื้น ก่อนล้างมือและหั่นเนื้อให้เฉียวเหลียนเฉิง
ทว่าหัวหน้าหน่วยเฉินออกมาเห็นว่ามีการขายเนื้อที่นี่จึงเข้ามาพูดว่า
“เมื่อวานได้ยินมาว่าหมูตุ๋นของเมียนายอร่อยมาก คืนนี้ฉันมีนัดกับเพื่อน ขอฉันสักสองชั่งสิ”
เจียงหว่านมีความสุขมาก นี่เธอขายไปอีกครึ่งหนึ่งได้ในครั้งเดียวเลย เยี่ยมจริง ๆ
เฉียวเหลียนเฉิงมองดูเนื้อในหม้อของเธอ “มันเหลือไม่มากแล้ว ให้ผมเอาไปที่โรงอาหารสิ เผื่อมีคนซื้ออีก คุณจะได้ไม่ต้องเข้าไปในเมือง”
เจียงหว่านถึงกับหดหู่ไปเล็กน้อย เนื้อน้อยแค่นี้ไม่คุ้มจะเดินทางจริง ๆ
“ได้ ๆ ว่าแต่มันจะไม่มีปัญหาเหรอ? ไม่ผิดกฎใช่ไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงยิ้ม “ก็แค่เอาไปขายในโรงอาหาร ผมไม่ได้บอกว่าเอามาจากไหน ใครอยากซื้อก็ซื้อ ถ้าไม่อยากซื้อก็ไม่มีใครบังคับ จะผิดกฎอะไร”
“แล้วนี่คุณไม่ได้จะตุ๋นไก่ให้ทุกคนเหรอ?” เขาถาม
เจียงหว่านรับคำ แล้วอุ้มไก่กลับไปที่บ้านเพื่อสับเนื้อไก่
ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงก็ไปที่โรงอาหารพร้อมกับเนื้อหมูตุ๋น
เมื่อเห็นเขาเข้ามา เจียงเฉิงก็พูดอย่างประหลาดใจ “เยอะเกินไปมั้ย เรากินกันไม่หมดหรอกนะ”
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าวว่า “ส่วนที่เหลือเอาไว้ขายในโรงอาหาร”
ทหารเหล่านี้ส่วนมากได้รับเงินอุดหนุน แต่ทั่วกองทัพกลับไม่มีที่ให้ใช้เงิน
เจียงเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ครอบครัวทำเองไม่ผิดกฎหมาย แต่ห้ามพูดไปล่ะว่าเมียนายขาย เผื่อมีคนฉวยโอกาสนี้มาประจบนาย!”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า “ฉันรู้ ฉันจะเอามันไปที่ครัวด้านหลังเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่เฉียวเหลียนเฉิงกำลังจะจากไป เจียงเฉิงก็หยุดเขาไว้อีกครั้ง “นายรู้ไหมว่ามันราคาเท่าไหร่?”
เฉียวเหลียนเฉิงเกาหัว เขาลืมถามเจียงหว่านไปเสียสนิท
“เธอบอกว่าหัวหมูหนึ่งชิ้นขายเท่าไหร่?”
……
เจียงเฉิงโบกมือ พลางเสนอ “เนื้อหมูกับลำไส้ ทั้งสองชิ้นคิดเป็นหนึ่งหยวนห้าเหมาเป็นไง”
เฉียวเหลียนเฉิงตกลง “ได้ ฉันจะขายมันในราคานี้”
หลังจากพูดแล้วเขาก็เดินไปที่ห้องครัว
เฉียวเหลียนเฉิงมีนัดตอนกลางคืน เลยไม่ได้กลับมากินอาหารที่บ้าน ส่วนเจียงหว่านสับไก่เป็นชิ้นเล็ก ๆ ก่อนใส่มันฝรั่งลงไปจำนวนมาก แล้วจึงเคี่ยวในหม้อใบใหญ่
หลังจากเคี่ยวเสร็จแล้ว เธอก็ตักใส่ชามใบใหญ่ส่งไปให้แต่ละบ้าน
เจียงหว่านทำอาหารเก่งมาก แค่กลิ่นก็ทำให้น้ำลายสอ
เมื่อมาถึงประตูบ้านของหลี่ซิ่วหลัน ก่อนที่จะเข้าไป เธอกลับได้ยินการสนทนาในห้อง
“พี่! พี่เป็นพี่สาวของฉัน ทำไมพี่ถึงเข้าข้างนังอ้วนนั่นล่ะ!” เสียงสะอื้นของหลี่ซิ่วหลันดังขึ้น
หลี่ซิ่วจือตอบกลับด้วยความโกรธ “เธอกำลังพูดไร้สาระอะไร ฉันเข้าข้างเธอต่างหาก มีเหตุผลหน่อย!”
“เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าเธอฆ่าไก่สองตัวนั่น เธอจงใจจะเล่นงานเจียงหว่านสินะ”
“แต่พอมีคนรู้ เธอก็ไปโกรธคนอื่นอีก!”
“ความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ มากมายในหัวของเธอจะเอามาใช้ที่นี่ไม่ได้!”
หลี่ซิ่วหลันพูดด้วยความโกรธ “ก็ฉันกลัวจะทำให้พี่เสียเปรียบ เลยอยากได้ค่าไก่สองตัวนั้นด้วยไง!”
หลี่ซิ่วจือถอนหายใจเบา ๆ “เธอกลับบ้านซะ!”
หลี่ซิ่วหลันตกตะลึง หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็คำราม “พี่คิดจะไล่ฉันออกไปจริง ๆ เหรอ?”
หลี่ซิ่วจือส่ายหัว “ไม่ใช่ว่าฉันไล่เธอออกไป ครั้งก่อนที่แม่ส่งจดหมายมา แม่บอกว่าอยากให้เธอกลับไปดูตัว เธอไม่ใช่เด็กแล้ว คิดจะมาเกาะอยู่กับฉันอีกนานแค่ไหนกัน?”
หลี่ซิ่วหลันร้องไห้ “พี่ พี่บอกว่าอยากให้ฉันแต่งงานอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนพี่ไม่ใช่เหรอ?”
“พวกเราอยู่ด้วยกันไม่ดีเหรอ? ฉันไม่อยากกลับบ้าน ที่บ้านมีแต่ผู้ชายแก่ ๆ นิสัยแย่ ๆ ทำงานหลังขดหลังแข็ง ฉันไม่ต้องการแบบนั้น!”
หลี่ซิ่วจือถอนหายใจ “เจียงเฉิงไม่ชอบเธอ และเฉียวเหลียนเฉิงก็แต่งงานแล้ว ฉันไม่เห็นด้วยถ้าเธอจะทำลายครอบครัวของคนอื่น”
”หลันหลัน กลับบ้านไปซะเถอะ”
หลี่ซิ่วหลันตะโกนกร้าว “ไม่ ฉันไม่ไป ฉันอยากได้เฉียวเหลียนเฉิง ฉันรู้หมดแล้วว่าเฉียวเหลียนเฉิงต้องการหย่ากับนังอ้วนนั่น!”
“เจียงเสวี่ยบอกว่าหลังจากครึ่งปีพวกเขาก็จะหย่าร้าง ถึงตอนนั้นเฉียวเหลียนเฉิงจะต้องแต่งงานกับฉันอย่างแน่นอน”
หลี่ซิ่วจือพูดด้วยความโกรธ “ฉันรู้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงเป็นคนดี แต่เขาไม่หลุดมาถึงมือเธอหรอก ยังมีเจียงเสวี่ยที่ชอบเขาเหมือนกัน เธอไม่เห็นเหรอ?”
หลี่ซิ่วหลันตอบกลับด้วยความโกรธ “แล้วไงล่ะ เจียงเสวี่ยเป็นผู้หญิงสารเลว ถ้าเฉียวเหลียนเฉิงรู้ว่าเธอเลวแค่ไหน เขาจะไม่แต่งงานกับเธอแน่นอน!”
“ถึงตอนนั้น แม้เฉียวเหลียนเฉิงจะมีลูกติด และเป็นแต่งงานเป็นครั้งที่สอง ฉันก็จะแต่งงานกับเขา”
หลี่ซิ่วจือไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดอีกต่อไป เธอถอนหายใจแรง ๆ ออกมา
“เธอนี่…”
”ลืมไปเถอะ ฉันคงทำอะไรไม่ได้ เธอจัดการเอาเองก็แล้วกัน”
ขณะที่พวกเธอพูด ประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นเจียงหว่านยืนถือชามอยู่นอกประตู
เจียงหว่านยิ้มและส่งชามในมือของเธอให้ “ฉันตุ๋นไก่แล้ว เลยเอามาให้เธอกับหัวหน้ากองพันที่สองชามนึง”
เมื่อเห็นอย่างนี้ หลี่ซิ่วจือก็รับเอาชามมา เทไก่ออกจากชามในมือของเจียงหว่าน แล้วคืนชามเปล่าให้
“หว่านหว่านมีน้ำใจจริง ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นน้องสาวของฉันเลอะเลือน อย่าถือสาเลยนะ”
เจียงหว่านเม้มปาก “จะเป็นไปได้ยังไงคะ? ฉันใจกว้างอยู่แล้ว ไม่สนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอก นี่ไม่ใช่หนี้แค้นใหญ่โตอย่างฆ่าลูกชิงสามีไปซะหน่อย ฉันไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น”
คำพูดนี้ดูเหมือนจะมีความหมายบางอย่าง จนทำให้การแสดงออกของทั้งหลี่ซิ่วหลันและหลี่ซิ่วจือดูกระดากอยู่ในที
เจียงหว่านรับชาม แล้วหมุนตัวเดินออกไป
หลี่ซิ่วจือจึงหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนหันไปมองหลี่ซิ่วหลัน
“ฉันจะไม่ยอมให้น้องสาวของฉันเป็นมือที่สาม ที่ทำลายครอบครัวของคนอื่น ซิ่วหลัน เธอกลับบ้านไปเถอะ”
หลี่ซิ่วหลันรีบปฏิเสธ “ไม่ ฉันไม่ไป!”