เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 45 ไขคดีไก่สองตัวที่ถูกฆ่า
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 45 ไขคดีไก่สองตัวที่ถูกฆ่า
บทที่ 45 ไขคดีไก่สองตัวที่ถูกฆ่า
“มาพูดเรื่องไก่กันต่อ เธอบอกว่าถูกทับตายสามตัว ขอถามหน่อย ทั้งสามตัวที่ตายเป็นพวกนี้ใช่หรือเปล่า?”
เจียงหว่านชี้ไปที่ไก่ในอ่าง
หลี่ซิ่วหลันพยักหน้า “ใช่ สามตัวนี้แหละ!”
เจียงหว่านหัวเราะเยาะ “เธอโกหก! มีไก่แค่ตัวเดียวที่ถูกทับจนตาย ส่วนอีกสองตัวถูก เธอเองนั่นแหละฆ่ามันตาย!”
หลี่ซิ่วหลันเถียง “ไร้สาระ ฉันไม่ได้ทำ เธอต่างหากที่เป็นคนฆ่าพวกมันทั้งสามตัว!”
เจียงหว่านไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายพูดไร้สาระ “เมื่อคืนฉันทำกำแพงพังตอนกลางดึก และไก่มันก็ตายไปแล้ว”
“แต่ไก่อีกสองตัวของเธอตายหลังจากถูกเชือดคอและเอาเลือดออก พวกมันเพิ่งตายไปไม่นานนี้เอง”
“เธอจงใจขู่เอาเงินค่าไก่สามตัวจากฉัน และเธอก็ฆ่าไก่จะกินเนื้อพวกมันด้วยตัวเองอีก!”
“เธอมันเจ้าเล่ห์และน่ารังเกียจมาก จะไม่ให้ตบเธอได้ยังไง!”
ใบหน้าของหลี่ซิ่วหลันซีดเผือด แต่ยังคงเถียงคอเป็นเอ็น “ไม่ เธอทับพวกมันตาย แต่เธอกลับมาบอกว่าฉันทำงั้นเหรอ เธอมีหลักฐานอะไร?”
เจียงหว่านชี้ไปที่คอไก่ “แผลที่คอไงที่เป็นหลักฐาน!!”
หลี่ซิ่วหลันรีบพูด “ฉันกลัวว่าบาดแผลจะช้ำ ฉันก็เลยเชือดมันปล่อยให้เลือดไหล มันพิสูจน์อะไรไม่ได้!”
เจียงหว่านส่ายหัว “ไม่ พิสูจน์ได้สิ การเชือดคอในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่กับการเชือดคอหลังตายแล้วมันต่างกัน”
เพราะชาติก่อน เจียงหว่านเคยเป็นนักเขียนออนไลน์ เธอได้ตีพิมพ์นิยายสืบสวนคดีอาชญากรรมมาถึงสามเรื่อง
หนึ่งในนั้นคือ ‘นักสืบไม่เอาไหนของฉัน’ ซึ่งมียอดคนอ่านถล่มทลาย
ตอนที่เธอเขียนนวนิยายเรื่องนี้ เธอซื้อหนังสือสืบสวนคดีอาญา และหนังสือกายวิภาคศาสตร์มามากกว่าหนึ่งโหล โดยเฉพาะการสอนด้านนิติเวช เธอศึกษาหนังสือเหล่านั้นอย่างละเอียด
ดังนั้นเธอจึงสามารถบอกได้ทันทีว่า ไก่สองตัวนี้ถูกเชือดคอขณะยังมีชีวิตอยู่ จนเลือดไหลออกหมดตัว!
เจียงหว่านพูดมีเหตุผล
ทำให้ทุกคนรวมทั้งเฉียวเหลียนเฉิงที่อยู่ไม่ไกลออกไปตกใจมาก
เฉียวเหลียนเฉิงกลับมาเพื่อเจียงหว่านโดยเฉพาะ เพราะเนื้อที่เจียงหว่านทำรสชาติดีมาก หลังจากกินมันเมื่อวานนี้เขาก็ไม่สามารถลืมได้เลย
วันนี้มีสหายร่วมรบคนหนึ่งมาหาเจียงเฉิงกับเฉียวเหลียนเฉิง
ในอดีตพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตาย เติบโตมาด้วยกัน และค่อนข้างสนิทกันมาก
ดังนั้น เจียงเฉิงจึงตัดสินใจจะต้อนรับสหายคนนี้อย่างดี
หากเป็นปกติพวกเขาคงไปที่โรงอาหาร แต่เจียงเฉิงก็นึกถึงเนื้อหมูตุ๋นของเจียงหว่านขึ้นมา เฉียวเหลียนเฉิงเพิ่งบอกเขาว่าเมื่อวานนี้เธอขายเนื้อหมดอีกด้วย
เจียงเฉิงจึงอยากอาสาเหมาเนื้อมาเลี้ยงเพื่อนสักหน่อย
เฉียวเหลียนเฉิงเลยรีบกลับมาหาเจียงหว่านเพื่อให้ทันก่อนเธอจะออกไป
แต่เมื่อเขามาถึงประตูลาน เขากลับได้ยินเสียงพูดของเจียงหว่านเกี่ยวกับทฤษฎีการตายของไก่
เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังได้ความรู้ใหม่อย่างความแตกต่างระหว่างไก่ตายและไก่เป็น
เขาคิดขึ้นมาได้หลังจากเคยฆ่าไก่สองสามตัวด้วยมือของเขาเอง แตกต่างจากเจียงหว่านที่อิงจากทฤษฎี
สิ่งที่เจียงหว่านกำลังพูดถึงคือ คำศัพท์ทางเทคนิคอย่าง ร่องรอยของชีวิต อะไรพวกนั้น
เฉียวเหลียนเฉิงพลันรู้สึกว่าเจียงวานดูแตกต่างไปจากเดิม …ราวกับคนละคน
เขาจ้องมองเจียงหว่านจากนอกฝูงชน และเพราะมันเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว…
แสงสีทองปกคลุมร่างกายของเธอ ทำให้การแสดงออกดูน่าเกรงขาม และมีความมั่นใจในตนเอง การผสมผสานของทั้งสองความรู้สึก ทำให้ทั่วทั้งร่างกายของเธอดูเหมือนกับเปล่งรัศมีออกมา
แม้ว่าเธอจะอ้วน แต่เฉียวเหลียนเฉิงก็รู้สึกว่า เธอที่เป็นแบบนี้ดูสวยอย่างอธิบายไม่ถูก
เป็นครั้งแรกที่เฉียวเหลียนเฉิงไม่ปฏิเสธความจริงว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยาของเขา
การพูดจาของเจียงหว่านทำให้ทุกคนเข้าใจความจริง และหัวหน้าหน่วยเฉินก็ประหลาดใจเช่นกัน
เขาอดที่จะพึมพำกับภรรยาไม่ได้ “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าภรรยาของหัวหน้ากองพันเฉียวจะเก่งขนาดนี้!”
……
สะใภ้เฉินยิ้มและพูดว่า “ฉันบอกคุณแล้ว หว่านหว่านแตกต่างจากที่คนอื่นพูด”
“คุณต้องทำความรู้จักอย่างละเอียดก่อน ไม่อย่างนั้นคุณจะไม่สามารถบอกได้ว่าใครดีใครชั่ว!”
คำพูดของสะใภ้เฉินทำให้ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน
ทว่า สีหน้าของหลี่ซิ่วหลันกลับซีดเซียว ก่อนใบหน้าของเธอร้อนขึ้น เธออับอายมากจนอยากจะหารอยแตกบนพื้นแล้วแทรกตัวเข้าไป
เธอเงยหน้าขึ้น ถลึงตาจ้องมองไปที่เจียงหว่านอย่างดุร้าย และพูดด้วยความโกรธ
“แก นังสารเลว แกโกหก แกก็แค่…”
หลี่ซิ่วจือพลันพูดแทรกขึ้นในจังหวะนั้นว่า “เอาล่ะ เธอหยุดพูดได้แล้ว”
“พี่!” หลี่ซิ่วหลันกระทืบเท้าปึงปังอย่างหงุดหงิด
หลี่ซิ่วจือจ้องมองเธอ “หุบปากแล้วกลับบ้านซะ!”
หลี่ซิ่วหลันที่ทำอะไรไม่ได้จึงถอยกลับไป พลางปาดน้ำตาด้วยความโกรธ
หลี่ซิ่วจือเดินไปหาเจียงหว่านแล้วพูดว่า “เป็นเรื่องจริง มีไก่แค่ตัวเดียวที่ถูกทับจนตาย แต่อีกสองตัวมันตกใจกลัว น้องสาวของฉันเลยจัดการพวกมันน่ะ”
“ถึงแม้เธอจะไม่ใช่คนที่ทับพวกจนตาย แต่บางทีน้องสาวฉันอาจรู้สึกว่า ที่พวกมันต้องตายก็เพราะเธออยู่ดี เลยเอาแต่โทษเธอน่ะ!”
“ตอนนี้เธอคิดว่าเรื่องนี้ควรจัดการยังไง?”
หลี่ซิ่วจือก็ฉลาดเช่นกัน และรู้ว่ามันเป็นความผิดของพวกเธอ
ไม่ว่าจะพูดอะไร ผู้คนจะคิดว่าพวกเธอทำเกินไป ดังนั้นเธอจึงให้เจียงหว่านเสนอวิธีแก้ปัญหา
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจียงหว่านก็เงียบไป ก่อนจะชี้ไปที่ไก่สามตัวแล้วพูดว่า
“ฉันทับไก่ตัวนึงของคุณจนตาย และจะชดเชยให้ตามราคาตลาด ส่วนศพของไก่ก็จะเป็นของฉัน”
“ฉันจะขอให้เฉียวเหลียนเฉิงหารือเรื่องจำนวนเงินกับคุณ หากคุณทำตัวโลภอ้าปากเป็นสิงโต ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะเอาไก่เป็นหนึ่งตัวจ่ายแทนหรอกนะ”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เธอก็ชี้ไปที่ไก่อีกสองตัวแล้วพูดว่า “แต่ฉันไม่ได้ทับสองตัวนี้จนตาย คุณต้องรับผิดชอบมันเอง ฉันจะไม่จ่ายเงินให้มันด้วย”
“แต่ถ้าคุณคิดว่าฉันทำให้พวกมันกลัว และคิดว่าถึงพวกมันจะไม่ตาย พวกมันก็จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ก็โยนความผิดให้ฉันได้”
“แต่ไก่จะเป็นของฉัน และแบบเดียวกับเจ้าตัวนั้น ฉันจะจ่ายเงิน หรือไม่ก็แลกกับไก่เป็นสองตัว”
ก่อนที่หลี่ซิ่วจือจะได้พูด หลี่ซิ่วหลันก็รีบโผล่หน้ามาอีกครั้งและพูดว่า
“ได้ เราไม่ต้องการเงิน เราต้องการไก่เป็น ๆ”
”เราต้องการแม่ไก่ที่สามารถวางไข่ได้เหมือนเปี๊ยบกับไก่ของเรา!”
เจียงหว่านขมวดคิ้ว “จะให้เหมือนเปี๊ยบเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันจะจ่ายเป็นตัวที่วางไข่ให้เธอได้”
หลี่ซิ่วหลันโมโหจนใกล้คลั่ง เธอตอบโต้โดยไม่ต้องคิด
“ได้ เอาอย่างที่เธอบอก จ่ายเป็นตัวที่สามารถวางไข่ได้ แล้วค่อยเอาไก่ที่ตายแล้วนี่ไป ไม่งั้นฉันจะไม่เลิกรากับเธอ”
หลี่ซิ่วจือลูบระหว่างคิ้วด้วยความโกรธ แล้วหันไปตะโกนใส่น้องสาว
“พอได้แล้ว เข้าไปในบ้านซะ!”
หลี่ซิวหลันคำรามกลับ “ฉันไม่ไป พี่อาจกลัวล่วงเกินคนอื่น แต่ฉันไม่กลัวหรอกนะ!”
“เธอต้องจ่ายเงินค่าไก่สองตัวนั้นให้ฉันด้วย ถ้าเธอต้องการศพไก่ก็เอามันออกไปได้เลย แต่เธอต้องจ่ายให้ฉันเป็นแม่ไก่ที่สามารถวางไข่ได้!”
เจียงหว่านไม่โกรธเลย เธอกลับยิ้มและพยักหน้า “ทุกคนได้ยินแล้วนะ เธอบอกว่าเธอต้องการแม่ไก่ที่สามารถวางไข่ได้ จากนั้นไก่ที่ตายแล้วทั้งสามตัวจะเป็นของฉัน พวกคุณทุกคนเป็นพยานให้ฉันนะ”
ทุกคนพยักหน้า
หัวหน้าหน่วยเฉินกำลังจะกลับไปที่ห้อง แต่สะใภ้เฉินหยุดเขาไว้ และกระซิบข้างหู
“ดูสิ หว่านหว่านคิดจะทำเรื่องไม่ดีอีกแล้ว”
หัวหน้าหน่วยเฉินรู้สึกประหลาดใจมาก และอยากรู้ว่าเจียงหว่านจะตอบสนองยังไง
เฉียวเหลียนเฉิงยืนดูอยู่ที่ประตูลาน อยู่ ๆ ก็มีเงาดำเดินเข้ามา และเจียงเฉิงก็หยุดยืนข้าง ๆ เขา
“นายมาที่นี่ทำไม?” เฉียวเหลียนเฉิงถามด้วยความงุนงง
เจียงเฉิงกล่าว “ฉันเห็นว่านายไม่กลับเข้าไปนานแล้ว ก็เลยมาดูสถานการณ์ ทำไมนายไม่เข้าไปล่ะ?”
เฉียวเหลียนเฉิงเม้มริมฝีปาก ก่อนรอยยิ้มจะปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“เธอรับมือได้ อีกอย่าง การดูเธอคิดบัญชีคนอื่นก็สนุกดี”