เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 44 เจียงหว่านค้นพบว่าถูกหลอก
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 44 เจียงหว่านค้นพบว่าถูกหลอก
บทที่ 44 เจียงหว่านค้นพบว่าถูกหลอก
ไก่ทั้งสามตัว มีตัวหนึ่งมีรูปร่างแปลก ตัวอ่อนปวกเปียก คอและกรงเล็บก็บิดผิดปกติ
แต่อีกสองตัว กลับตัวยืดเหยียดตรง
เจียงหว่านขมวดคิ้ว ตัวบิดเบี้ยวถือเป็นเรื่องปกติ เพราะไก่กำลังนอนหลับอยู่ในเล้า พอกำแพงพังทลายลงมา มันจึงไม่มีเวลาหลบจนถูกทับจนตาย จึงเป็นเรื่องปกติที่จะอยู่ในสภาพนี้
แต่กับอีกสองตัวมีบางอย่างผิดปกติ!
เจียงหว่านเอื้อมมือไปจับไก่แล้วมองดูมัน
เมื่อมองดูบาดแผลที่คอไก่อีกครั้ง รูม่านตาของเธอก็หดลงเล็กน้อย
ในเวลานี้ หลี่ซิ่วหลันออกมาจากบ้าน ทันทีที่เธอเข้าไปในลาน เธอก็เห็นเจียงหว่านกำลังยืนอยู่ข้างหม้อ และพลิกไก่ไปมา เธอจึงตะโกนด้วยความโกรธ
“ทำอะไรอยู่น่ะนังอ้วน”
เจียงหว่านขมวดคิ้ว และหันไปมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “หลี่ซิ่วหลัน เธอคิดว่าฉันเป็นคนโง่เหรอ?”
หลี่ซิ่วหลันตะโกนอย่างตื่นตระหนก “อะไร ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เธอพูด”
เจียงหว่านตะคอกถามอย่างเย็นชา “นี่คือไก่สามตัวที่ถูกกำแพงทับตายใช่ไหม?”
หลี่ซิ่วหลันเงียบ และทำคอแข็งตอบกลับ “ใช่ แล้วยังไง!”
เจียงหว่านหัวเราะเยาะ “ฉันจะชดเชยให้เธอสำหรับไก่ทั้งสามตัวที่ตาย แต่พวกมันก็ควรจะเป็นของฉัน”
“เธอจะเอาพวกมันไปตุ๋นเหรอ?”
หลี่ซิ่วหลันถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชา “ใช่ เธอยังไม่ได้จ่ายเงินให้ฉันนี่ เธอบอกว่าอีกครึ่งเดือนกว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะได้รับเงิน ซึ่งในช่วงนี้ ถ้าไก่ของฉันไม่ตายมันก็จะวางไข่ได้เยอะมาก!”
“ฉันเลยจะไม่ให้ซากไก่กับเธอ เป็นการชดเชยไข่ที่หายไปในช่วงเวลานี้ไง”
เจียงหว่านแสยะยกมุมปากยิ้มเพียงข้างเดียว “เอาล่ะ ช่างฟังดูดีจริง ๆ แต่มีเรื่องหนึ่งที่เธออาจยังไม่รู้!”
หลี่ซิ่วหลันสับสน “ฉันไม่รู้อะไร?”
เจียงหว่านกระดิกนิ้วเรียก “มานี่สิ แล้วฉันจะบอกเธอ!”
หลี่ซิ่วหลันไม่สงสัยเลยว่าทำไมเธอจึงต้องทำตาม และรีบเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
เมื่อเธอกำลังเดินเข้ามาใกล้ จู่ ๆ เจียงหว่านก็คว้าคอเสื้อของเธอ เงื้อมือขึ้น แล้วตบหน้าเธอสองครั้ง
หลี่ซิ่วหลันพลันโมโหมาก “แกทำอะไร? แกกล้าตีฉันเหรอ? ถ้าแกเก่งนัก ก็ลองอีกครั้งสิ!”
เจียงหว่านแค่นเสียงและพูดว่า “เอาล่ะ ในเมื่อเธอขอเอง ฉันก็จะทำตามคำขอของเธอ”
หลังจากพูดอย่างนั้นเจียงหว่านก็เงื้อตบหน้าไปอีกสองครั้ง
หลี่ซิ่วหลันโกรธมาก จึงเอื้อมมือไปดึงผมของเจียงหว่าน
เตรียมใช้สามกระบวนท่าการต่อสู้พื้นฐานของผู้หญิง
น่าเสียดายที่เธอคำนวณผิด
หลี่ซิ่วหลันเป็นผู้หญิงจากซีเป่ย(ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ) เธอตัวค่อนข้างเตี้ย ไม่สูงเท่าเจียงเสวี่ย
ด้วยความสูง 172 เซนติเมตร เจียงหว่านจึงสูงเป็นอันดับสองในลานนี้
ส่วนคนที่สูงเป็นอันดับหนึ่งคือ ฟางเจียเจีย ภรรยาผู้บัญชาการกองพันทหาร
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับไปหาครอบครัว ไม่ได้อยู่ที่นี่
เจียงเสวี่ยสูง 163 เซนติเมตร
หลี่ซิ่วหลันกับหลี่ซิ่วจือสูงเป็นสองอันดับก่อนสุดท้าย พวกเธอสูง 150 เซนติเมตร
และคนที่เตี้ยที่สุดคือหลัวหมิ่นที่สูง 145 เซนติเมตร
เธอกับเจียงหว่านสูงห่างกัน 20 เซนติเมตร และความยาวแขนของพวกเธอก็แตกต่างกันมาก
เจียงหว่านคว้าคอเสื้อของหลี่ซิ่วหลันไว้ ส่วนหลี่ซิ่วหลันหมายจะดึงผมของเจียงหว่าน แต่กลับเอื้อมไม่ถึง
ทั้งที่เธออยู่ใกล้มาก แต่นิ้วของเธอกลับแค่เฉียดผมของเจียงหว่านไปมาเท่านั้น
หลี่ซิ่วหลันต้องการยืดมือไปคว้า แต่ไม่ว่าเธอจะเหวี่ยงแขน เอื้อมแขนยังไง เธอก็มักจะพลาดเป้าเสมอ
เจียงหว่านเห็นความตั้งใจพยายามโบกแขนของหลี่ซิ่วหลันแล้ว เธอก็มองดูแขนของอีกฝ่ายอย่างดูถูก และพูดอย่างเย็นชา
“เหวี่ยงแค่ไหนก็เอื้อมไม่ถึงหรอก แขนสั้นเป็นจุดที่ชดเชยไม่ได้ เธอไม่เข้าใจเหรอ?”
มันเป็นคำพูดชวนสะเทือนใจมาก
หลี่ซิ่วหลันโกรธจนแทบคลั่ง เธอดิ้นรนกับตัวเอง ไม่ยอมเชื่อเลยว่าจะคว้าไม่ได้จริง ๆ
……
คราวนี้เธอจึงทำได้เพียงแค่ดิ้นและเตะไปมา
ในตอนแรกเจียงหว่านเพียงแค่คว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายไว้อย่างไม่ใส่ใจ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายแยกเขี้ยว แยกกรงเล็บ เธอก็ยืดแขนออกอีกเป็นพิเศษ สร้างระยะห่างระหว่างพวกเธอทั้งสองให้ไกลกว่าเดิม
ฉากนี้จึงคล้ายกับการต่อสู้ระหว่างแมวขายาวกับแมวขาสั้นไม่มีผิด
แมวขาสั้นยังคงโบกขาของมัน แต่ถึงจะเห็นคู่ต่อสู้ มันก็ไม่สามารถแตะโดนตัวศัตรูได้ ทำให้เจียงหว่านหัวเราะลั่นออกมา
เจียงหว่านสาบานได้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกคนตัวเตี้ย แต่การกระทำของหลี่ซิ่วหลันบวกกับสีหน้าโกรธเคืองของอีกฝ่าย มันดูตลกจริง ๆ
หลี่ซิ่วหลันพยายามอยู่พักใหญ่ แต่ไม่สามารถเอื้อมถึงเจียงหว่านได้ เธอจึงกัดฟันด้วยความโกรธและเริ่มสาปแช่ง
เสียงที่ดังมากของพวกเธอทำให้คนในห้องตื่นตระหนก และหลายคนก็ออกมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อเห็นน้องสาวของตนถูกรังแก หลี่ซิ่วจือก็รีบวิ่งออกมาทันที “เจียงหว่าน เธอทำอะไร หยุดนะ!”
เมื่อเห็นว่าทุกคนออกมายืนดู เจียงหว่านก็โยนหลี่ซิ่วหลันออกไป
หลี่ซิ่วหลันโกรธมาก เธอหยิบไม้กวาดที่วางอยู่มุมกำแพง แล้ววิ่งใส่เจียงหว่านอีกครั้ง
ครั้งนี้เจียงหว่านไม่มัวพูดไร้สาระ เธอตอบสนองโดยคว้าอ่างเลือดข้าง ๆ แล้วสาดไปทางหลี่ซิ่วหลัน
ซ่า!
เลือดกระเซ็นไปทั่วตัวหลี่ซิ่วหลัน จนเธอหยุดยืนตัวแข็งอยู่กับที่ และหลังจากนั้นไม่นานน้ำตาก็พลันไหลออกมา
พี่สาวของเธอรีบเข้าไปปลอบโยน แต่หลี่ซิ่วหลันไม่รับฟัง ยิ่งเธอน้ำตาไหลมากเท่าไหร่ เสียงของเธอก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น
สะใภ้เฉินกับหัวหน้าหน่วยเฉินก็กลับมาจากด้านนอกพอดี
วันนี้สะใภ้เฉินรู้สึกไม่สบาย หัวหน้าหน่วยเฉินจึงขอลาเพื่อพาภรรยาไปพบแพทย์เพิ่งจะกลับมา
และทันทีที่พวกเขาเข้ามาในลาน ก็เห็นฉากที่ยุ่งเหยิงนี้
สะใภ้เฉินรีบถามอย่างสงสัย “หว่านหว่าน เกิดอะไรขึ้น?”
เจียงหว่านหันศีรษะไปมอง จากนั้นก็แค่นเสียงเย็น “ให้หลี่ซิ่วหลันพูดสิ!”
เมื่อเห็นว่ามีคนสนับสนุน หลี่ซิ่วหลันจึงรีบร้องไห้และเล่าเรื่อง
เธอแค่พูดทั่ว ๆ ไปว่า ไก่ที่บ้านถูกกำแพงที่เจียงหว่านทำพังทับจนตาย เธอจึงเตรียมเอามันมาทำกิน แต่จู่ ๆ เจียงหว่านก็วิ่งมาทุบตีเธอ และก็เป็นอย่างที่เห็น!
หลังจากฟังจบ สะใภ้เฉินก็หันมองเจียงหว่าน
เจียงหว่านพูดเย้ยหยันว่า “หลี่ซิ่วหลัน ถ้าเธอกล้าทำ ก็ควรกล้ารับ เธอไม่ใช่เด็กสักหน่อย คิดหลอกใครโดยใช้อุบายเล่าแค่ครึ่งหนึ่งงั้นเหรอ? คิดว่าทุกคนโง่หรือไง?”
หลี่ซิ่วหลันพูดด้วยความโกรธ “ฉันเปล่า!”
เจียงหว่านเยาะเย้ย “ไก่ของเธอถูกทับจนตายเพราะฉันจริง แต่มีกี่ตัวที่ถูกทับจนตายกันแน่?”
หลี่ซิ่วหลันตะลึงไปเล็กน้อย และตอบเสียงแผ่ว “สาม สามตัว!”
เจียงหว่านหัวเราะ “เอาล่ะ งั้นมาพูดถึงไก่สามตัวก่อน บ่ายนี้เธอมาเคาะประตูบ้านฉันแล้วขอให้ฉันจ่ายค่าไก่ของเธอ ตอนนั้นฉันพูดอะไรไป?”
หลี่ซิ่วหลันอ้าปากค้างไปแป๊บนึง และในที่สุดก็ตอบอย่างไม่เต็มใจ
“เธอบอกว่าจะจ่ายเงินให้ฉัน แต่เธอไม่มีเงิน ก็เลยขอให้รอเฉียวเหลียนเฉิงเอาเงินมาให้หลังจากเงินเดือนของเขาออกแล้ว”
เจียงหว่านพยักหน้า “ใช่ ฉันพูดแบบนั้นมีปัญหาตรงไหนไหม? ฉันยินดีที่จะจัดการกับปัญหานี้!”
หลี่ซิ่วหลันพูดอย่างเงียบ ๆ “ก็ใช่ แต่ทำไมตอนหลังเธอถึงมาตีฉันอีกล่ะ?”
ในช่วงครึ่งหลังของประโยค เห็นได้ชัดว่าหลี่ซิ่วหลันขึ้นเสียง
เจียงหว่านเอ่ยเหน็บแนม “เพราะเธอโกหกฉันไง”
“ถ้าฉันทับไก่สามตัวจนตายแล้วต้องเสียเงิน ไก่ก็ควรจะเป็นของฉันใช่ไหม?”
“แต่เธอกลับถอนขนไก่ทั้งสามตัว และเตรียมกินมันโดยไม่ได้รับความยินยอมจากฉัน นี่มันอะไรกันฮะ?”
หลี่ซิ่วหลันไม่สามารถตอบได้ แต่เธอยังคงมีประเด็นเรื่องการเสียไข่ไป และใช้ซากไก่เป็นค่าชดเชย
ทุกคนที่ได้ยินก็เริ่มพูดด้วยเสียงต่ำ ซึ่งดูเหมือนจะไม่เห็นด้วย
เจียงหว่านกล่าวต่อ “เหตุผลของเธอมันผิด ฉันเสียเงินแล้ว ไก่ก็ต้องเป็นของฉัน แต่เธอไม่ได้ให้ศพไก่กับฉัน เธอเห็นว่าฉันเป็นนังอ้วนซื่อบื้องั้นเหรอ?”