เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 41 ฉันขายเนื้อตุ๋น ไม่ได้ขายเนื้อตัวเอง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 41 ฉันขายเนื้อตุ๋น ไม่ได้ขายเนื้อตัวเอง
บทที่ 41 ฉันขายเนื้อตุ๋น ไม่ได้ขายเนื้อตัวเอง
เฉียวเหลียนเฉิงดูดีใจมาก “ไก่ของเราออกไข่แล้วเหรอ?”
แต่ผิงอันกลับรู้สึกหงุดหงิด
เฉินตงเซิงได้ยินที่ยินที่เฉียวเหลียนเฉิงพูด ก็รีบพูดเสริม “ครับ มันวางไข่ไปหลายฟองแล้ว ผิงอันไปเก็บไข่มาได้ตั้งสามฟองแน่ะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วสงสัย ได้ไข่ไปตั้งสามฟองแล้ว แต่ทำไมครอบครัวเขาถึงไม่เคยได้เห็นเลยล่ะ?
เมื่อคืนก่อนเจียงหว่านยังคุยกับเขาอยู่เลยว่าเธอควรเพิ่มเปลือกไข่และกระดูกป่นให้ไก่หรือเปล่า เพราะสงสัยว่าที่มันไม่ออกไข่อาจเป็นเพราะขาดสารอาหาร!
แสดงว่าแม้แต่เจียงหว่านก็ไม่ได้เห็นไข่ทั้งสามฟองนี้
ใบหน้าของเฉียวเหลียนเฉิงจริงจังขึ้น มองไปที่เฉียวผิงอันที่กำลังก้มศีรษะ
“ไข่ไปไหน!”
ผิงอันกัดริมฝีปากแล้วนิ่งเงียบ
เฉียวเหลียนเฉิงก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา “ลูกให้มันกับน้าเจียงเสวี่ยไปแล้วสินะ?”
ผิงอันกัดริมฝีปากอีกครั้ง เขาส่งเสียงอู้อี้ แต่ต่อมาก็เชิดคอขึ้นแล้วพูดอย่างดื้อรั้น
“น้าเจียงเสวี่ยป่วยและต้องการกินไข่!”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดอะไรไม่ออก เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้ แล้วไปคัดการบ้านที่ให้เมื่อวานห้าสิบรอบ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ผิงอันก็เงยหน้าขึ้นมองด้วยความหวาดกลัว “พ่อ ไม่เอานะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงพยายามระงับความโกรธด้วยใบหน้าที่มืดมน “ไปซะ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว!”
ผิงอันหน้าซีดเผือด พยักหน้าอย่างจนใจ แต่ก่อนที่จะจากไป เขามองเฉินตงเซิงอย่างแข็งกร้าว แล้วพูดกระซิบ
”คนทรยศ”
เฉินตงเซิงสับสนมาก เขามองเฉียวเหลียนเฉิงด้วยสายตาที่งุนงง
“ลุงเฉียว ผมพูดอะไรผิดรึเปล่า?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว ยื่นมือออกไปลูบหัวเฉินตงเซิง “ไม่ ตงเซิงทำได้ดีมาก ไปเล่นเถอะ”
เฉินตงเซิงรับคำ ก่อนหันหลังกลับแล้ววิ่งออกไป
เมื่อเฉียวเหลียนเฉิงกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นผิงอันใช้ดินสอในมือจิ้มสมุดตรงหน้าเขาด้วยความโกรธ
กระดาษดี ๆ ถูกดินสอเจาะเป็นรู
พอเห็นเฉียวเหลียนเฉิงเข้ามา ผิงอันก็ทำเสียงฮึมฮัมด้วยความโกรธ และเบือนหน้าหนี
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไป ก่อนพูดด้วยเสียงต่ำ
“ตอนนี้ลูกยังเด็กอยู่ ลูกจึงได้เห็นหลาย ๆ สิ่งเพียงผิวเผิน และยังไม่เห็นสิ่งที่ลึกซึ้งภายใน”
“โดยเฉพาะกับผู้หญิง”
ผิงอันรู้สึกงุนงงกับคำพูดนั้น และมองไปที่เฉียวเหลียนเฉิงอย่างสงสัย
“ผู้หญิงทำไมครับ? ผมไม่ได้ถอดเสื้อผ้าเธอดูนี่ พวกเธอเองก็ไม่ยอมให้ผมเห็นด้วย!”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ลูบคิ้วอย่างปวดหัวแล้วพูดว่า
“ยังไงพ่อก็เป็นพ่อของลูก และพ่อไม่ทำร้ายลูกแน่นอน ลูกเชื่อพ่อเถอะ”
ผิงอันเงียบไป
จากนั้นเฉียวเหลียนเฉิงก็จัดบ้านให้เรียบร้อย แล้วหันหลังจากไป
อีกด้าน เจียงหว่านมาถึงในเมืองตอนเที่ยง
เธอพยายามเลือกสถานที่ที่เหมาะสม ใกล้สำนักงานเมือง และสถานีตำรวจ จอดจักรยานไว้ จัดวางของ แล้วยกหม้อขึ้นมาเปิดฝา
ผู้คนในเมืองเวลานี้ค่อนข้างน้อย มีหลายคนที่มองมา แต่ไม่มีใครเข้ามาถาม
เจียงหว่านยืนอยู่ครึ่งชั่วโมง แต่กลับไม่มีคนซื้อเลย
จนเธอรู้สึกหดหู่เล็กน้อย แต่ในขณะนั้นก็มีเสียงแก่ ๆ ถามขึ้นว่า
“เธอขายอันนี้เหรอ?”
เจียงหว่านหันศีรษะไปมอง หญิงชราคนหนึ่งในวัยหกสิบเศษ ก้มตัวนั่งขายผักอยู่ไม่ไกลจากเธอ
เธอตอบออกไปว่า “ใช่ค่ะ ฉันทำหมูตุ๋นมาขาย”
ใบหน้าของหญิงชราหมองคล้ำและมีรอยย่น ชะเง้อดูหม้อของเจียงหว่าน แล้วพึมพำ
“ดูน่ากินดี แต่เธอต้องตะโกน ไม่อย่างนั้นไม่มีใครรู้ว่าเธอกำลังยืนทำอะไรอยู่หรอกนะ!”
เจียงหว่านขมวดคิ้วและมองไปที่ผักตรงหน้าหญิงชรา “ฉันไม่คิดว่าต้องตะโกน”
บนถนนสายนี้มีคนตั้งแผงขายของค่อนข้างน้อย เป็นกลุ่มเล็ก ๆ บ้างนั่งยอง ๆ หรือบ้างก็ยืนขาย
ทุกคนค่อนข้างนิ่งเงียบ ไม่มีใครตะโกนเลย!
หญิงชราเม้มริมฝีปาก “มันแตกต่างกัน เธอกำลังขายอาหารปรุงสุก ถ้าเธอไม่ตะโกนใครจะรู้ว่าเธอมาที่นี่เพื่อขายมันล่ะ”
……
“ถ้าไม่ตะโกน แล้วคนอื่นจะรู้ได้ยังไงว่าเธอขายอะไร”
เจียงหว่าน “…”
เธอรู้ว่าหญิงชราหวังดี แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกอึดอัดเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“ฉันขายเนื้อตุ๋น ไม่ใช่เนื้อสัตว์” เธอเน้นย้ำ
หญิงชราพยักหน้าเข้าใจ “ฉันรู้ ฉันรู้ และการขายเนื้อตุ๋นก็ไม่เหมือนกับการขายเนื้อ”
เจียงหว่านลูบหน้าผากอย่างอ่อนแรง ไม่อยากเถียงต่อไปอีก
แต่หลังจากรออยู่พักใหญ่ก็ยังไม่มีใครสนใจ เธอจึงคิดว่าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
ต้องตะโกน!
เจียงหว่านเปิดปากออก แต่ก็ยังเขินอายที่จะตะโกน ตามคำแนะนำของหญิงชรา
ขายของครั้งแรก มันก็จะเขิน ๆ หน่อยนั่นแหละ
แต่เมื่อคิดถึงหนี้พนันหนึ่งร้อยหยวน เธอก็มีแรงฮึด พร้อมยอมทำทุกอย่าง
เจียงหว่านชั่งใจครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตะโกนขึ้น “เฮ้!”
เสียงกังวานออกไป เรียกความสนใจจากผู้คนมากมายที่ผ่านไปมาให้หันมองอย่างพร้อมเพรียง
หญิงชราที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ตกใจจนแทบจะล้มลงไปนั่งกับพื้น
เมื่อเห็นใครบางคนกำลังมองเธอ เจียงหว่านก็กลั้นใจแล้วตะโกนออกไปอีกว่า
“มาดูหมูตุ๋นที่เพิ่งอบใหม่ หัวหมู ขาหมู และไส้หมูเร็วจ้า!”
“มาดูกันจ้า ทุกคน อร่อย ไม่แพง สะอาด ถูกหลักอนามัย!”
ด้วยเสียงตะโกน เธอสามารถดึงดูดผู้คนมากมายมาได้ทันที
มีคนเข้ามาดู และเห็นว่ามันดูน่ากินมาก จึงถามเจียงหว่านว่า
”ราคาเท่าไหร่เหรอ?”
เจียงหว่านรีบตอบ “เนื้อหัวหมู 1 จิน (ครึ่งกิโลกรัม) กับขาหมูหนึ่งชิ้นราคา 8 เหมา และลำไส้ราคา 8 เหมาจ้ะ”
เจียงหว่านคิดกำไรเป็นสองเท่าของราคาสินค้า
ทำให้คนที่เพิ่งถามราคาเกิดความลังเล
เจียงหว่านหยิบมีดปอกผลไม้ออกมาตัดหัวหมูเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วส่งให้เขา
“พี่ชายลองกินดูสิ ไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ลองก่อนก็ได้”
ชายคนนั้นรับชิ้นหมูจากเจียงหว่านขึ้นมากินอย่างลังเล
ทันทีที่เนื้อเข้าปาก ดวงตาของชายคนนั้นก็เป็นประกายขึ้นทันที
“อร่อย! ยิ่งเคี้ยวยิ่งอร่อย เนื้อหมูของน้องสาวนี่ไม่เลวเลย!”
เจียงหว่านยิ้มและพูดว่า “นี่เป็นสูตรลับที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษเชียวล่ะ บรรพบุรุษของฉันเป็นพ่อครัวของฮ่องเต้ในวัง เนื้อหมูตุ๋นย่อมรสเลิศ!”
ใช่ ที่เธอพูดเป็นแค่เรื่องไร้สาระ แต่เธอเคยได้ยินคนพูดอะไรแบบนี้มาก่อน จึงโพล่งมันออกไปโดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร
ชายคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงบอกว่า “ขอเนื้อหัวหมูให้ฉันหน่อยสิ”
เจียงหว่านรับคำทันที เธอหยิบเขียงออกมา ใช้มีดตัดเนื้อหัวหมูเป็นชิ้นแล้วชั่งน้ำหนัก ก่อนจะเพิ่มอีกชิ้นให้ในตอนท้าย
“พี่ชายจะให้สับมันเลยไหม? หรืออยากเอากลับไปสับเอง”
ชายคนนั้นประหลาดใจ “สับให้ด้วยเหรอ?”
เจียงหว่านพูดอย่างกระตือรือร้น “แน่นอนสิ ถ้าไม่สับจะกินมันยังไงล่ะจ๊ะ? กินที่บ้านก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้ากินที่ทำงาน จะไปแทะคงไม่สะดวกหรอกมั้ง”
ชายคนนั้นพอใจมาก “งั้นรบกวนสับมันด้วยนะ”
เธอตัดเนื้อเป็นชิ้น ๆ แล้ววางลงในถุงกระดาษสีน้ำตาล ก่อนมอบให้ชายคนนั้น
ชายคนนั้นรับมันมา จ่ายเงิน แล้วจากไป
การเริ่มต้นที่ดี ทำให้เจียงหว่านมีความกระตือรือร้นมากกว่าเดิม และตะโกนอย่างหนักต่อไป
น่าเสียดายที่หลังบ่ายสองก็ไม่มีใครมาขอซื้ออีกเลย
ทำให้เจียงหว่านรู้สึกผิดหวัง
ในหม้อเล็ก ๆ ยังมีเนื้อเหลืออยู่มากมาย จะกลับไปทั้งแบบนี้ไม่ได้
เธอคิดอยู่พักหนึ่งและตัดสินใจว่าจะรออีกสักหน่อย บางทีเมื่อถึงเวลาเลิกงานอาจมีคนมาซื้ออีกก็ได้
คนที่นี่คุ้นเคยกับการกินในตอนกลางคืน โดยเฉพาะผู้ชายที่ยุ่งกับงานมาทั้งวัน พวกเขาจะกลับบ้านไปกินกับแกล้ม พลางดื่มเหล้าจนเวียนหัวแล้วหลับไป
เพื่อที่จะโปรโมตผลิตภัณฑ์ของเธอให้ดีขึ้น ตอนบ่ายสี่โมง เธอตัดเนื้อชิ้นใหญ่ออกมา ก่อนจะหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้ววางไว้บนฝากล่องอาหารกลางวัน
แล้วก็เป็นจริงอย่างที่เธอคิด ตอนกลางคืนคนมาเดินถนนเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
เจียงหว่านเริ่มตะโกนอีกครั้ง “ทุกคน เข้ามาชมดูกันจ้า มาลองชิมเนื้อบ้านแม่หมูกันก่อนได้นะจ้ะ!”