เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 40 นี่คือเหตุผลที่คุณต้องการเงินงั้นเหรอ
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 40 นี่คือเหตุผลที่คุณต้องการเงินงั้นเหรอ
บทที่ 40 นี่คือเหตุผลที่คุณต้องการเงินงั้นเหรอ?
เฉียวเหลียนเฉิงส่งเสียงรับ ครอบครัวเขาไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาเป็นเวลานานแล้ว ทั้งเงินเดือนของเดือนนี้ก็จ่ายเพื่อซื้อเนื้อให้เจียงหว่านและผิงอัน
ขณะที่กำลังครุ่นคิด ชายหนุ่มก็เห็นผู้คนมากมายในลานกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง
เฉียวเหลียนเฉิงกับเจียงเฉิงเข้าไปใกล้ ก่อนเห็นเจียงหว่านอยู่ในฝูงชน
“ทำไมเธอถึงได้ซื้อเนื้อเยอะขนาดนั้น”
“ใครจะรู้ แต่แค่มองก็บอกได้แล้วว่าต้องมาจากครอบครัวที่ร่ำรวย ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะกินไขมันมากขนาดนี้!”
“แต่เนื้อเยอะมากขนาดนี้ จะกินหมดเหรอ?”
“กลิ่นมันหอมมาก!”
ขณะนี้เสียงกระซิบกระซาบดังไม่ขาด เฉียวเหลียนเฉิงก็ฝ่าฝูงชนเข้าไป
“เจียงหว่าน!”
เจียงหว่านหันกลับไปมอง เห็นเฉียวเหลียนเฉิงมาแล้ว เธอจึงรีบโบกมือให้
“มาช่วยฉันชิมหน่อยสิ”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ห้ามเจียงหว่านทำอะไรตราบใดที่มันไม่ผิดกฎหมาย
แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงซื้อเนื้อมามากมายขนาดนี้ในคราวเดียว
แม้จะมีความสงสัยในใจ แต่ที่นี่มีผู้คนมากมาย เขาอยากถามคำถามให้มากความ จึงเดินไปดูชิ้นเนื้อในมือของเจียงหว่านพลางขมวดคิ้วสงสัย
ทว่าเจียงหว่านกลับพูดอย่างเป็นธรรมชาติ “นายเหม่ออะไร อ้าปากสิ!”
เฉียวเหลียนเฉิงนิ่งเงียบไป ก่อนจะยอมอ้าปาก ทางเจียงหว่านก็ยัดเนื้อเข้าปากของชายหนุ่มทันที
ขณะที่เธอป้อนเนื้อ นิ้วของเธอก็บังเอิญไปปากของเขานิดหน่อย แต่ก็แค่แตะริมฝีปากกับลิ้นเท่านั้น
เจียงหว่านทำเป็นไม่สนใจ ทว่าดวงตาของเฉียวเหลียนเฉิงกลับกะพริบไหว ก่อนเขาจะเคี้ยวเนื้อนั้นโดยง่าย
มันไม่ใช่แค่รสชาติดี นี่มันดีกว่าที่โรงอาหารด้วยซ้ำ
เจียงหว่านดวงตาเป็นประกาย เธอถามอย่างคาดหวัง “เป็นยังไงบ้าง?”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า “อร่อย”
เจียงหว่านได้ยินก็ยิ้มจนตาหยี “ดีมาก ทุก ๆ คนมาช่วยฉันชิมหน่อยสิ เอาไปลองกันคนละชิ้น”
เจียงหว่านหั่นเนื้อมากกว่าสิบชิ้นแล้วแบ่งให้ทุกคน
“หว่านหว่าน เธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?” สะใภ้เฉินอดถามไม่ได้
เจียงหว่านยิ้มและพูดว่า “พี่สะใภ้ พี่ลองก่อนค่อยพูด”
สะใภ้เฉินไม่มีทางเลือกนอกจากยัดเนื้อเข้าปาก ทันใดนั้นดวงตาของเธอพลันเบิกกว้าง
”อร่อย อร่อยมาก!”
“เธอทำได้ยังไงน่ะ? เนื้อนี่มันอร่อยมาก!”
ทุกคนเองก็พยักหน้าด้วยความชื่นชม
ในเวลานี้ผู้คนรู้แต่วิธีต้มเนื้อในหม้อเท่านั้น หรือถ้าใส่เกลือกับเหล้าขาวลงไปได้ก็ถือว่าดีแล้ว
พวกเขาไม่รู้วิธีกำจัดกลิ่นคาวเลือดด้วยซ้ำ
ไม่ต้องพูดถึงการเพิ่มโป๊ยกั้กและเครื่องเทศ
เมื่อเห็นว่าทุกคนชอบ เจียงหว่านก็ยิ้ม “ฉันจะขายมันในเมือง!”
เหอหยวนหยวนรู้สึกประหลาดใจ “ขายนี่น่ะเหรอ? ทำได้ด้วยเหรอ?”
หลัวหมิ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วว่า “ทำได้สิ แต่ฉันไม่รู้ว่าคนจะยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อมันหรือเปล่า ถ้าเธอขายมันแพงเกินไป คงไม่มีใครซื้อมันหรอกนะ”
เจียงหว่านกล่าว “ไม่เป็นไร ฉันจะลองทำดูก่อน ไว้ถ้ามีคนซื้อมากขึ้น ก็จะทำเพิ่ม”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไป ตอนแรกเขาคิดว่าเธออยากกินมันคนเดียวเสียอีก
เมื่อได้ยินเจียงหว่านพูดว่าจะเอาไปขาย ดวงตาของเฉียวเหลียนเฉิงก็ฉายแววประหลาดใจ
หลังจากทุกคนแยกย้าย เจียงหว่านก็ตั้งหม้อใบใหญ่ แล้วหยิบเนื้อออกมาใส่ลงไปในหม้อ
พอทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เธอกำลังจะขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับหม้อต้ม แต่เฉียวเหลียนเฉิงก็หยุดเธอไว้
”ผมทำเอง”
เจียงหว่านไม่ทันได้พูดอะไร เฉียวเหลียนเฉิงก็แย่งหม้อไปถือเอง แล้วเดินนำขึ้นชั้นบนไป
มองดูฃเฉียวเหลียนเฉิงเดินนำขึ้นไป เจียงหว่านก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา
เนื้อถูกแช่ข้ามคืนในหม้อใบใหญ่ แต่เจียงหว่านไม่ใช่คนตระหนี่ ตอนทานอาหารเย็นเธอเอาเนื้อบางส่วนออกมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วกินกับทุกคน
ผิงอันกำลังจะคีบเนื้อ แต่เจียงหว่านจงใจพูดขัดขึ้นเสียก่อน
“นี่ไม่ได้ใช้เงินพ่อเธอซื้อนะ ฉันซื้อมันด้วยเงินของฉันเอง”
ผิงอันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนเขาจะมองเจียงหว่านอย่างไม่พอใจ “ถ้าอย่างนั้นฉันก็ยิ่งต้องกินมันเยอะ ๆ ถ้าไม่กินก็เสียเปรียบสิ!”
ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ใบหน้าของเฉียวเหลียนเฉิงพลันมืดมนลง
……
เขาอยากจะสอนลูก แต่เจียงหว่านกลับชิงพูดแทนเขา “อย่าดุลูกตอนกิน”
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ไม่ได้พูดก่อน
หลังจากทานอาหารเสร็จ ผิงอันที่ดูเหมือนกลัวจะถูกตำหนิก็รีบวิ่งหนีไป
ในเขตนี้มีเด็กอีกสามคนที่มีอายุพอ ๆ กับผิงอัน แต่เด็กเหล่านั้นเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 แล้ว
ช่วงนี้เป็นวันหยุดฤดูร้อน เด็ก ๆ ก็กลับไปหาปู่ย่าตายายในชนบท
แต่วันนี้มีเด็กคนหนึ่งกลับมา เป็นลูกชายของสะใภ้เฉินชื่อว่า เฉินตงเซิง
ผิงอันที่หนีออกไปอ้างว่าเขาจะไปเล่นกับเฉินตงเซิง
เขาพุ่งออกไปเร็วมาก เพราะกลัวว่าถ้าก้าวช้ากว่านี้สักนิดจะถูกตี
และเมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงก็หันไปถามเจียงหว่าน “ก่อนหน้านี้คุณขอเงินผมเพื่อไปซื้อสิ่งนี้เหรอ?”
เจียงหว่านส่งเสียงรับ “ฉันอยากไปขายมันในเมือง”
เฉียวเหลียนเฉิงที่ได้ยินก็ขมวดคิ้ว “ผมคิดว่ามันอาจไปได้ไม่สวยนัก คนในเมืองเป็นเกษตรกรจากหมู่บ้านโดยรอบ พวกเขาไม่ชอบกินเนื้อสัตว์ แล้วจะมาซื้อมันทำไม?”
เจียงหว่านพูดออกมาเรียบ ๆ “ไม่เป็นไร ยังมีคนจากตัวตำบลอยู่ ฉันคิดว่าจะพยายามขายมันดูก่อน”
“ถ้าขายไม่ได้จริง ๆ ฉันค่อยเอามันกลับมากินเองก็ได้”
เจียงหว่านรู้ว่าอาจมีอุปสรรค เธอจึงไม่ซื้อมามากเกินไป ซื้อแค่หัวหมูกับเครื่องในหมูมาเพียงชุดเดียวเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าเธอเตรียมใจไว้พร้อมแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงจึงไม่พูดอะไรอีก
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเจียงหว่านแต่งตัวและกำลังจะออกไปข้างนอก เฉียวเหลียนเฉิงก็กลับมาอีกครั้ง
”ผมให้คุณยืมจักรยานกับหม้อใบเล็ก คุณวางหม้อไว้บนตะกร้าท้ายรถนะ จะได้ไม่ต้องยกหม้อใบใหญ่ออกไป”
สิ่งที่เฉียวเหลียนเฉิงทำมันช่วยได้มากจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเจียงหว่านคงต้องไปที่เมืองพร้อมกับหม้อใบใหญ่เทอะทะนั่น
ตัวเมืองนอกจากเดินทางไม่สะดวกแล้วยังอยู่ไกลอีกด้วย
จักรยานทำให้ขนย้ายสะดวกมากขึ้น
“ขอบคุณนะ” เจียงหว่านกล่าวอย่างจริงใจ
ทำให้เฉียวเหลียนเฉิงยิ้มอย่างขัดเขิน “พูดอะไรน่ะ ระหว่างคุณกับผมจะสุภาพไปทำไมกัน”
การทำการค้าสมัยนี้มักถูกผู้คนดูหมิ่น นอกจากคนที่ถูกชีวิตบีบบังคับ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีใครเข้าเมืองไปตั้งแผงขายของกันหรอก
เหตุผลหลัก ๆ คือ พวกเขาคิดว่าการตั้งแผงขายของในที่สาธารณะนั้นน่าละอาย ราวกับว่าครอบครัวกำลังขัดสนอยู่เลยต้องมาทำแบบนี้!
แต่เฉียวเหลียนเฉิงกลับไม่คิดอย่างนั้น ยังไงซะการตั้งแผงขายของก็ดีกว่าเล่นการพนัน
ถ้าเจียงหว่านเลิกเล่นการพนันจริง ๆ และหันมาตั้งแผงขายของเพื่อหาเงินด้วยตัวเอง เขาจะไม่ห้ามอีกฝ่าย แถมยังจะสนับสนุนอย่างเต็มที่อีกด้วย
เจียงหว่านเก็บข้าวของ และผลักจักรยานออกไป
ทว่าจู่ ๆ เฉียวเหลียนเฉิงก็รู้สึกกังวล เขาเดินตามไปยังประตูฐาน เฝ้ามองจนกระทั่งเจียงหว่านขี่จักรยานออกไปจึงหันหลังกลับ
เขากำลังจะไปทำงาน แต่เมื่อเดินไปประตูลานบ้าน เขาก็ตระหนักว่าตนไม่ได้เตรียมการอะไรไว้ให้ผิงอันเลย จึงเดินกลับไปอีกครั้ง
ไม่ทันได้เข้าไปในลานบ้าน เขาก็เห็นผิงอันกับเฉินตงเซิงกำลังแอบย่องไปรอบ ๆ ไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่
“ผิงอัน!” เฉียวเหลียนเฉิงตะโกนเรียกลูกชาย
ผิงอันไม่คาดคิดว่าในเวลานี้พ่อจะยังไม่ออกไป เมื่อได้ยินเสียงเรียก ก็พานตัวสั่นด้วยความตกใจ
แกร่ก! ไข่ใบหนึ่งตกลงบนพื้น
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วและเดินไปดู “ลูกไปเอาไข่มาจากไหน?”
เขาจำได้ว่าสะใภ้เฉินให้ไข่เจียงหว่านมาสองฟอง และเจียงหว่านก็เอามันมาผัดผักกินไปแล้ว
แม้ว่าไก่แก่จะถูกพามาทีหลัง แต่ดูเหมือนว่าไก่แก่นั่นก็จะไม่ออกไข่แล้ว หลายวันที่ผ่านมา มันไม่ออกไข่เลยแม้แต่ใบเดียว
เขาเลยขอให้ผู้มีประสบการณ์อย่างเหอหยวนหยวนมาช่วยดูให้ แต่ก็ยังไม่มีไข่อยู่ดี
เฉียวเหลียนเฉิงยังคิดด้วยซ้ำว่า ถ้ามันไม่วางไข่ภายในสองสามวันนี้ เขาก็จะเอามันมาตุ๋นกินซะเลย
ดังนั้น เขาจึงไม่รู้ว่าไข่ในมือของผิงอันมาจากไหน?
เมื่อผิงอันเห็นพ่อถาม เด็กชายก็เอาแต่ก้มหน้าลง และไม่พูดอะไรออกมา
ตอนนั้นเอง เฉินตงเซิงก็พูดขึ้นว่า “ลุงเฉียว ผมกับผิงอันไปเก็บมันมาจากเล้าไก่ของลุงครับ!”