เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 265 แม้ว่าจะหายขาด แต่ก็ไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 265 แม้ว่าจะหายขาด แต่ก็ไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม
บทที่ 265 แม้ว่าจะหายขาด แต่ก็ไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิม
เจียงหว่านยืนนิ่งอึ้งหลังจากได้ยินคำพูดของเฉียวเหลียนเฉิง
ที่เธอเสียใจมันเป็นเพราะแขนของเขาอาจต้องถูกตัดออก แต่หมอนี่กลับคิดว่าเธอโกรธที่เขาไม่สามารถเลี้ยงดูครอบครัวต่อไปได้?
ทั้ง ๆ ที่เรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในความคิดของเธอเลยสักนิด
เธอดูโง่เขลาและไร้หัวใจในสายตาของเฉียวเหลียนเฉิงขนาดนั้นเลยเหรอ?
เมื่อเห็นดวงตาของอีกฝ่ายมืดมนลงเรื่อย ๆ เจียงหว่านก็พูดด้วยความโกรธ
“นายบ้าหรือเปล่า ใครบอกว่าจะต้องตัดทิ้ง เรายังมีลุงฝูอยู่นะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงนิ่งเงียบ
เจียงหว่านกล่าวต่อ “ลุงฝูบอกว่าสามารถรักษานายได้ เพราะงั้นมันจะต้องมีทางอยู่สิ!”
เฉียวเหลียนเฉิงขัดจังหวะทันที “แล้วจะเป็นยังไงถ้ามันไม่หาย!”
เจียงหว่านตอบโดยไม่ลังเล “ถ้ามันรักษาไม่ได้ ก็แค่ตัดมันทิ้ง!”
”แต่…”
เฉียวเหลียนเฉิงอยากพูดบางอย่าง
ทว่าก่อนเขาได้พูด เจียงหว่านก็พูดขึ้น “ถ้าต้องตัดออก แล้วนายออกจากกองทัพ ถึงตอนนั้นนายก็ต้องตั้งใจเรียนเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย”
“ถึงจะตัดแขนออกแล้ว แต่นายยังมีมือขวา ยังเขียนหนังสือได้”
“อย่างแย่ที่สุด พอนายเรียนจบ นายอาจจะมาเป็นคุณนายอยู่ในบริษัทของฉัน สิ่งที่นายต้องทำก็มีแค่อ่านเอกสารและเซ็นมันทุกวัน!”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วฉงน เขาคิดว่าเธอจะพูดว่า ‘ถ้านายต้องตัดแขน ฉันก็ไม่ต้องการนายแล้ว!’ ซะอีก
ไม่คาดคิดเลยว่าเธอคิดหาทางออกให้เขามานานแล้ว
เมื่อมองดูผู้หญิงตรงหน้าที่พูดคำพูดแสนอบอุ่นด้วยน้ำเสียงดุดัน ดวงตาสีเข้มของชายหนุ่มก็เป็นประกายขึ้นเล็กน้อย
“ได้! ผมจะทำตามที่คุณบอก!”
“ว่าแต่ ทำไมผมถึงเป็นคุณนายล่ะ? คุณไม่ใช่เหรอที่ควรเป็นคุณนาย?” เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วถาม
เจียงหว่านมองอีกฝ่ายนิ่ง ๆ “ไร้สาระ ก็ฉันเป็นเถ้าแก่ นายก็ต้องเป็นคุณนายสิ!”
“ฉันเป็นคนเปิดบริษัท นายจะแข่งกับฉันรึไง?”
ดวงตาของเฉียวเหลียนเฉิงเป็นประกายด้วยความขบขัน แต่เขาอดไม่ได้ที่จะโต้แย้งออกไป
“เถ้าแก่ต้องเป็นผู้ชาย และคุณนายก็ต้องเป็นผู้หญิงไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันไม่สน นายต้องเป็นคุณนาย ส่วนฉันเป็นเถ้าแก่ นี่ไม่เห็นด้วยงั้นเหรอ?”
เจียงหว่านปฏิเสธที่จะยอมแพ้ เธอจับมือขวาของเขาแล้วดึงให้เดินตามไป
แล้วเสียงของทั้งสองที่ทะเลาะกันก็ค่อย ๆ จางหาย
เจียงหว่านรีบคิดวิธีรักษาแขนของเฉียวเหลียนเฉิง เพราะเวลาที่นัดพบลุงฝูไว้ใกล้จะมาถึงแล้ว
ทั้งสองวางแผนจะขึ้นรถกลับไปที่หลินเฉิงในคืนนี้
แต่คราวนี้ไม่มีรถ จึงต้องนั่งรถไฟแทน
ซึ่งเจียงหว่านไม่รู้ว่าสามารถนำไก่ขึ้นรถไฟได้หรือเปล่า เธอจึงไปถามเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่สถานีฟังคำถามของเธอแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม
”คุณเอามันขึ้นมาด้วยได้ แต่อย่าปล่อยให้มันอึและฉี่ไปทั่วล่ะ แล้วก็ห้ามร้องรบกวนการพักผ่อนของผู้โดยสารคนอื่นด้วย!”
คำถามต่อมาคือ จะทำให้ไก่เป็น ๆ หยุดขันได้ยังไง
เจียงหว่านก้มลงไปมองเสี่ยวเสวี่ยที่กำลังดิ้นอยู่ในกระเป๋า เพราะไม่พอใจที่ถูกมัดไว้ เธอยิ้ม แต่มีบางอย่างแปลก ๆ ในรอยยิ้มนี้
“กรอกเหล้าให้มันกินทีสิ” เจียงหว่านบอก
เฉียวเหลียนเฉิงชะงัก
ไอ้กินน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่จะให้มันกินเยอะขนาดไหนล่ะ
เจียงหว่านรีบตอบ “แค่เทลงไปเถอะน่า ไม่ต้องกลัว ฉันรู้ดีน่าว่าทำอะไรอยู่!”
พอพูดแล้วก็ลงมือทันที เธอเอาเหล้าขวดเล็ก ๆ ออกมา
เสี่ยวเสวี่ยถูกอุ้มขึ้นทั้งที่ยังถูกมัดอยู่ และเจียงหว่านก็วางมันลงบนโต๊ะ
ครั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้มันหลบหนี เจียงหว่านจึงผูกเชือกไว้ที่อุ้งเท้าของมันให้ยาวขึ้นและจับปลายอีกด้านไว้
เสี่ยวเสวี่ยที่เพิ่งได้รับการปล่อยตัว จ้องมองเจียงหว่านด้วยสายตาที่ดูไม่ไว้ใจ
เจียงหว่านจึงสะกิดเฉียวเหลียนเฉิง “นายสังเกตไหมว่ามันกำลังยั่วยุเรา”
เฉียวเหลียนเฉิงมองดูแล้วพูดว่า “ผมเห็นมานานแล้ว ไก่ตัวนี้ถูกผิงอันตามใจจนเสียนิสัย!”
เจียงหว่านตะคอกอย่างเย็นชา “ฉันอยากจะตุ๋นมันกินซะจริง ๆ!”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดอย่างไม่เห็นด้วย “ถ้าตุ๋นก็ไม่อร่อย มันไม่มีเนื้อ เอาไปย่างดีกว่า!”
ดูเหมือนว่าเสี่ยวเสวี่ยจะเข้าใจคำที่ทั้งสองพูด มันมีอาการตื่นตระหนกในดวงตา และรีบหดคอกลับทันที
เจียงหว่านถึงกับประหลาดใจ “มันฟังรู้เรื่องเหรอ? เจ้าไก่นี่โตแค่ไหนแล้วเนี่ย?”
เฉียวเหลียนเฉิงเตือน “รีบให้มันกินเร็ว ๆ เถอะ เราต้องขึ้นรถแล้ว”
พอชายหนุ่มทัก เจียงหว่านจึงรู้สึกตัว เธอรีบจับปากไก่ง้างออก และเทเหล้าลงไป
เฉียวเหลียนเฉิงช่วยประคองไว้
แต่ไม่ว่าจะให้มันดื่มไปมากแค่ไหน เสี่ยวเสวี่ยก็ทำท่ารังเกียจ และคายออกมาอยู่ตลอด
เจียงหว่านจึงกลอกตาด้วยความโกรธ และตะโกนว่าจะเอามันไปตุ๋น
พนักงานที่อยู่ตรงนั้นทนไม่ไหว จึงเดินเข้ามาและพูดว่า
“แค่เอาซาลาเปาแช่ในซุปผักที่ใส่เหล้าก็พอมั้งครับ”
เจียงหว่านที่ได้ยินตบต้นขาของเธอหนึ่งฉาด นั่นน่ะสิ ทำไมเธอไม่คิดไม่ได้
ด้วยความช่วยเหลือจากพนักงาน เธอจึงเอาซาลาเปาแช่เหล้า
พอยื่นให้กิน เสี่ยวเสวี่ยก็ยังคงตื่นกลัว แต่เพราะว่ามันยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ออกมา จึงหิวมาก
พอได้กลิ่นซุปผักและซาลาเปา เจ้าไก้ตัวจ้อยก็ทนไม่ไหว
หลังจากดื้อรั้นอยู่พักหนึ่ง มันก็อดไม่ได้ที่จะก้มหัวลงไปกินซาลาเปาอย่างเอร็ดอร่อย
พอเห็นแบบนี้เจียงหว่านก็คิดได้ว่า สัตว์ก็คือสัตว์ ไอคิวของพวกมันไม่มีทางมากไปกว่ามนุษย์
อย่างไรก็ตาม ความดื้อรั้นของมันชวนให้นึกถึงผิงอันจริง ๆ สมแล้วที่เป็นสัตว์เลี้ยงของผิงอัน!
เสี่ยวเสวี่ยกินซาลาเปาแช่เหล้าจนหมด
หลังจากมันกินเสร็จแล้ว มันก็ยืนขึ้นและส่ายหัวไปมา จ้องมองไปที่เจียงหว่าน
และในที่สุดมันก็ยกคอขึ้น ส่งเสียงร้องดัง และขณะที่กำลังจะก้าวขา มันก็ทรุดตัวลงทันที
ก่อนเจ้าไก่จะล้มลง มันจ้องมองเจียงหว่านด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยวมาก!
เพราะรถไฟออกเดินทางตอนหกโมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่คนแออัด เจียงหว่านจึงซื้อตั๋วนั่งได้เพียงใบเดียวเท่านั้น
เฉียวเหลียนเฉิงพูดอย่างเมินเฉย “ไม่เป็นไร ผมยืนก็ได้”
เจียงหว่านไม่ได้ซักไซร้เขา
ก่อนจะเข้าไปต้องรอที่โถงรอก่อน และพื้นที่นี้มีความอับชื้นมาก
ทั้งกลิ่นอับ กลิ่นเหงื่อ และกลิ่นตัวปะปนกัน นั่นทำให้เธอรู้สึกคลื่นไส้
เจียงหว่านเริ่มคิดถึงโถงที่สะอาดและเย็นสบายในชาติที่แล้วของตัวเอง
หลังจากตรวจตั๋ว ทุกคนก็รีบเข้าไป หลายคนถือกระเป๋าใบใหญ่และใบเล็กกองเป็นเนินภูเขา
เจียงหว่านคอยดึงเฉียวเหลียนเฉิงหลบผู้คน กลัวว่าแขนของเขาจะถูกกระแทก
หลังจากขึ้นรถไฟ เจียงหว่านก็มองหาที่นั่งตามหมายเลขตั๋ว แล้วพบว่าที่นั่งของเธอถูกชายอ้วนคนหนึ่งยึดไป
เจียงหว่านขมวดคิ้วมอง และหลังจากยืนยันว่าหมายเลขที่นั่งถูกต้อง เธอก็พูดบอกชายคนนั้นอย่างสุภาพ
“ขอโทษทีนะคะ นี่เป็นที่นั่งของฉันค่ะ”
ทว่าชายคนนั้นเพิกเฉยต่อเธอ
เจียงหว่านเลิกคิ้ว นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย
เธออดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงเล็กน้อย “คุณคะ ช่วยลุกขึ้นที ตรงนี้มันที่ของฉัน!”
คราวนี้ชายคนนั้นได้ยินแล้ว เขาหันศีรษะมามองเจียงหว่าน
“ทำไมเธอถึงใจร้ายจัง เป็นของเธอแล้วยังไงล่ะ! ฉันอ้วนขนาดนี้ขอฉันนั่งหน่อยไม่ได้รึไง!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ลุกขึ้นยืน แต่แทนที่จะให้ที่นั่งกับเธอ เขากลับชี้ไปที่จมูกของเจียงหว่าน ใบหน้าที่อ้วน ๆ ดูเกรี้ยวกราด
ทว่า เมื่อนิ้วของเขากำลังจะแตะโดนเจียงหว่าน ก็มีมือใหญ่พุ่งมาจากข้างตัวเธอ คว้าหมับและบีบข้อมือของอีกฝ่ายอย่างแรง