เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 264 เขาดูเหมือนลูกชายคนโตของนายมาก
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 264 เขาดูเหมือนลูกชายคนโตของนายมาก
บทที่ 264 เขาดูเหมือนลูกชายคนโตของนายมาก
จู่ ๆ เสี่ยวเสวี่ยก็บินออกไป ทำให้เจียงหว่านตกใจมาก
เธอร้องเสียงดัง “เสี่ยวเสวี่ยวิ่งไปแล้ว!”
นี่คือเขตทหาร ถ้าออกไปพื้นที่ที่กว้างใหญ่แบบนี้ ก็ตามจับไม่ได้แน่
เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงไม่สนใจอะไรอีก พวกเขาปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว และไล่ตามทันที
เดิมทีเสี่ยวเสวี่ยบินได้เพียงไม่กี่วินาทีแล้วก็จะร่วงลง
คราวนี้ไม่รู้ว่ามันโกรธเพราะถูกมัดรึเปล่า พอเป็นอิสระ ปีกเล็ก ๆ ก็กระพือไม่หยุด
มันบินไปสามถึงสี่เมตรในพริบตาเดียวเท่านั้น
เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงไล่ตามมัน วิ่งไปซ้ายที ขวาที
เมื่อเห็นว่าพวกเขาเข้ามาใกล้ เสี่ยวเสวี่ยก็บินขึ้นไปอีก และมันบินย้อนกลับมาที่หัวเฉียวเหลียนเฉิง
ไม่ว่าเหล่าเฉียวจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็ยังรับมือกับสิ่งที่บินอยู่บนท้องฟ้าไม่ถูก
เขาทำได้เพียงมองดู ขณะที่เสี่ยวเสวี่ยบินอยู่เหนือหัวราวหนึ่งเมตร
เฉียวเหลียนเฉิงจะกระโดดขึ้นไปคว้า แต่ก็คว้าได้แค่ขนหางของมันเท่านั้น
เพราะว่ามันตัวเล็กมาก
เมื่อมันเห็นว่าเขาจับมันไม่ได้ มันก็บินต่อไปแล้วส่งเสียงร้องไปด้วย
นี่มันเยาะเย้ยกันชัด ๆ เสียงนั้นดังจนเสี่ยวลู่ที่อยู่ในรถยังได้ยิน
เฉียวเหลียนเฉิงโกรธมาก เขาไล่ตามมันต่อ
และแม้ว่านี่จะเป็นช่วงพักเที่ยง แต่โชคดีที่สถานีนี้เป็นสถานีเติมน้ำมัน คนจึงไม่มากเท่าไหร่
ไม่อย่างนั้นคงเกิดความวุ่นวายแน่นอน
ถึงกระนั้น เจ้าหน้าที่ที่อยู่แถวนั้นหลายคนก็อดไม่ได้ที่จะหันมอง
เดิมทีเสี่ยวลู่ไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มบานปลาย เขาเลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลงรถ และไปช่วยจับ
คนทั้งสามไล่ตามเสี่ยวเสวี่ย และในที่สุดก็ไล่ต้อนมันจนมุมได้
เฉียวเหลียนเฉิงพยายามระงับความโกรธไว้ เขาย่อตัวไปข้างหน้า และขณะที่กำลังจะจับตัวมันได้
ทันใด เสี่ยวเสวี่ยบินขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มันทะยานขึ้นไปยังต้นไม้ใกล้ ๆ ที่สูงกว่าสิบเมตร และไม่ยอมลงมาอีก
เจียงหว่านหายใจหอบด้วยความเหนื่อยล้า และพูดด้วยความโกรธ
“อย่างนั้นก็ทิ้งมันไปซะ เก่งนักก็ปล่อยให้มันดูแลตัวเองไปเลย!”
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าวว่า “นี่เป็นพื้นที่ของกองทัพ ถึงเราจะไม่ต้องการมัน เราก็ปล่อยมันไว้ตามลำพังไม่ได้”
“ผมกลัวว่าถ้าไม่มีใครดูแลมัน มันจะก่อปัญหาอีก!”
เจียงหว่านครุ่นคิด นี่เป็นปั๊มน้ำมัน ถ้าปล่อยเจ้าไก่จอมจุ้นไว้ที่นี่เธอคงจะรู้สึกผิดนิดหน่อย
พวกเขาทั้งสามยืนอยู่ใต้ต้นไม้ มองดูลูกเจี๊ยบตัวน้อยที่อยู่เหนือหัวอย่างช่วยไม่ได้
ด้วยความสิ้นหวัง เฉียวเหลียนเฉิงจึงพูดกับเจียงหว่าน “ผมจะขึ้นไปจับมัน คุณคอยรับอยู่ข้างล่างนะ”
เจียงหว่านเป็นกังวล “นายไหวไหม?”
เธอกังวลว่าแขนของเฉียวเหลียนเฉิงจะรับไม่ไหว
แต่เขามองเธออย่างมั่นใจ วิ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่ และเขาก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้
ข้อแตกต่างคือเขาไม่ได้ปีนต้นไม้ด้วยมือและเท้า แต่เดินขึ้นไปเหมือนคนเดินปกติ
เขาใช้ประโยชน์จากแรงกระแทก เดินขึ้นไปห้าถึงหกเมตรด้วยเท้าเปล่า ๆ จากนั้นก็กอดลำต้นด้วยมือเดียวแล้วกระโดดขึ้นไปอีกครั้ง
ไม่นานชายหนุ่มก็ไปอยู่บนกิ่งของต้นไม้แล้ว เขาเหยียดเท้าออก ใช้แรงพุ่งตัวออกไปจับเสี่ยวเสวี่ย
เสี่ยวเสวี่ยคิดว่าตัวมันอยู่สูงมากจนคนข้างล่างไม่สามารถจับได้ มันไม่คาดคิดว่ามนุษย์คนนี้จะปีนต้นไม้ได้เร็วกว่ามัน มือใหญ่ของเฉียวเหลียนเฉิงจับมันไว้ก่อนที่มันจะได้หนีไป
จากนั้นชายหนุ่มก็พลิกตัวตีลังกากลางอากาศ และลงมาได้อย่างปลอดภัย
“อ่ะ คุณภรรยา ผมเอามาให้!”
เฉียวเหลียนเฉิงส่งเสี่ยวเสวี่ยให้กับเจียงหว่านที่กำลังตกตะลึง
และบริเวณโดยรอบนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง
แม้ว่าที่นี่จะมีคนไม่มากนัก แต่พวกเขาก็ยังคงดึงดูดความสนใจของผู้คน
การจัดการของเฉียวเหลียนเฉิงไหลลื่นมากจนทุกคนตกตะลึง
การปรบมือจึงถือเป็นการชื่นชมจากใจ!
เจียงหว่านที่รู้สึกตัว รับไก่มาอุ้ม มองดูเฉียวเหลียนเฉิงด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
พอทั้งสามคนจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว จึงหันหลังกลับไปขึ้นรถ
หลังจากออกรถไป ชายสองคนในรถคันหนึ่งที่กำลังเติมน้ำมันอยู่ไม่ไกลเห็นทุกอย่าง
คนทางซ้ายใบหน้าหล่อเหลา มีรัศมีสง่างามที่แผ่กระจายออกมา
เขาคือนายพลไห่หรงเทียน ลูกชายคนโตของผู้บัญชาการกรมทหาร
ส่วนคนทางขวาดูเจ้าเล่ห์ แต่ก็ดูเข้าถึงง่ายกว่า เขาเป็นคู่หูของไห่หรงเทียน สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ นามว่าหลูอี้อัน
เดิมทีทั้งสองคนกำลังรอเติมน้ำมันอยู่ แต่จากมุมนี้ พวกเขาได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่
“เหล่าไห่ หมอนั่นเก่งมากเลยนะ!” หลูอี้อันชื่นชมอย่างจริงใจ
“นายกำลังก่อตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษนี่ ทักษะแบบนี้ ถ้าพลาดไปก็คงน่าเสียดายแย่!”
ไห่หรงเทียนเห็นด้วย “ทักษะของเขาค่อนข้างดีเลย เหมาะมากสำหรับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ”
“เขาประจำการอยู่ที่นี่เหรอ?”
หลูอี้อันส่ายหัว “เสี่ยวลู่เป็นคนขับรถนายพลตงหัว ผู้ชายคนนั้น ฉันเดาว่าน่าจะเป็นหลิวจวิน ไม่ก็เฉียวเหลียนเฉิง”
ไห่หรงเทียนเงียบ “ค่อยโทรหาตงหัวแล้วถามเขา เราต้องดึงตัวคนคนนั้นมาให้ได้”
หลูอี้อันฮัมเพลง สิ่งที่เขาไม่ได้พูดคือเมื่อเขาเห็นเฉียวเหลียนเฉิง เขาก็รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย
คนคนนั้นดูคล้ายกับลูกชายคนโตของไห่หรงเทียนอย่างไห่จิ่งมาก
บางทีเขาอาจจะคิดไปเอง หลูอี้อันจึงระงับความสงสัยไว้ในใจ และไม่ได้พูดอะไรออกไป
หลังเจียงหว่านขึ้นรถ เธอก็มัดเสี่ยวเสวี่ยไว้จนมั่นใจว่ามันไม่หลุด
จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองเสี่ยวลู่อย่างรู้สึกผิด
“เสี่ยวลู่ ฉันขอโทษนะ ทำให้คุณยุ่งไปด้วยเลย”
เสี่ยวลู่พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรพี่สะใภ้ ผมชื่นชมพี่เฉียวมาก ผมต่างหากที่เป็นเกียรติจริง ๆ ที่ได้ไปส่งคุณ!”
เจียงหว่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง จึงซื้อบุหรี่หนึ่งกล่องให้กับเสี่ยวลู่
ทั้งสองคนติดต่อผู้อำนวยการไว้ล่วงหน้าก่อนมาถึงแล้ว พอมาถึงจึงตรวจร่างกายได้เลย
แน่นอนว่าผลตรวจไม่ได้เป็นไปในแง่ดี
ผู้อำนวยการพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เขาทำร้ายแขนตัวเองอีกแล้วเหรอ? เส้นประสาทเพิ่งเชื่อมต่อกัน ยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ อาการบาดเจ็บแบบนี้น่ากลัวที่สุด”
เจียงหว่านถามอย่างกังวลใจ “ผ่าตัดอีกครั้งได้ไหมคะ?”
ผู้อำนวยการส่ายหัว “ฉันเกรงว่ามันจะไม่ได้ผลน่ะสิ!”
“ฉันพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า ถึงจะได้รับการผ่าตัดครั้งที่สอง แต่แขนของเขาจะไม่กลับคืนสู่สภาพเดิมแน่ ๆ”
”วิธีที่ดีที่สุดคือพยายามใช้ชีวิตให้ปกติ”
“เตรียมใจให้พร้อม ไม่อย่างนั้นก็ต้องตัดแขนทิ้งซะ!”
ใบหน้าของเจียงหว่านซีดลง
พอออกมาจากห้องผู้อำนวยการ เธอก็ยืนนิ่งอยู่ที่ทางเดิน จ้องมองต้นไม้ใหญ่นอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย
โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าเฉียวเหลียนเฉิงเดินเข้ามาใกล้
มือใหญ่ยื่นออกมา และกุมมือของเธอไว้
เจียงหว่านสัมผัสได้ และเห็นว่าเป็นเฉียวเหลียนเฉิง
“คุณคิดอะไรอยู่?” เฉียวเหลียนเฉิงมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน
เจียงหว่านส่ายหัว “ฉันแค่รู้สึกว่าชีวิตมันไม่เที่ยง พระเจ้าไม่ยุติธรรมเลย!”
เฉียวเหลียนเฉิงรู้ว่าเธอเป็นห่วงเขา ในดวงตาล้ำลึกไม่มีความโศกเศร้าแต่อย่างใด
เขาดูสงบมาก “อย่ารู้สึกเสียใจเพราะผมเลย ผมไม่ได้สนใจด้วยซ้ำ”
เจียงหว่านโกรธขึ้นมาทันที “ทำไมนายไม่สน มันเป็นแขนของนายแท้ ๆ ถ้ามันถูกตัดออกไปจริง ๆ นายจะยังเป็นทหารอยู่ได้ไหม หรือแม้ว่านายจะถูกปลดประจำการและย้ายไปทำงานอื่น ยังไงนายก็จะกลายเป็นคนพิการนะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงบีบมือของเธอแรงขึ้น มีความมืดหม่นฉายชัดในดวงตา
“ถ้าผมต้องตัดแขนจริง ๆ คุณคงจะไม่ต้องการผมแล้วสินะ”
เจียงหว่านตกตะลึง และมองดูเขาด้วยความประหลาดใจ
เธออดไม่ได้ที่จะคิดกับตัวเอง ‘ผู้ชายคนนี้บ้ารึไง? แขนกำลังจะถูกตัดออกแต่ไม่กังวลเกี่ยวกับชีวิตในอนาคตของตัวเอง ดันมากังวลว่าเธอจะไม่ต้องการเขาเนี่ยนะ!’
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเฉียวเหลียนเฉิงก็เปลี่ยนไป และเขาก็รับพูดอย่างร้อนรน
“ถึงผมจะเสียแขนไป แต่ผมก็ยังเลี้ยงคุณได้!”
“ผมรู้จักศิลปะการต่อสู้และมีแขนที่แข็งแกร่งมาก ผมเป็นอาจารย์ให้กับทีมศิลปะการต่อสู้หรือทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ได้”
“ยังไงผมก็จะเลี้ยงคุณ!”