เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 262 พลิกแผ่นดินตามหาเฉียวเหลียนเฉิง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 262 พลิกแผ่นดินตามหาเฉียวเหลียนเฉิง
บทที่ 262 พลิกแผ่นดินตามหาเฉียวเหลียนเฉิง
หลัวชิงซานเห็นน้องสาวเงียบไปจึงเดินมาดู ทว่าเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็มองเห็นคนที่มา
เสื้อคลุมบาง ๆ สีชมพู ทั้งสวยงามและสูงส่ง
ยังมีผ้าไหมพันคอสีชมพูอ่อนหนึ่งผืน ยิ่งเพิ่มราศีแห่งความสูงส่งให้คนตรงหน้าเข้าไปอีก
“ห๊ะ! ไห่ คุณหนูไห่!” หลัวชิงซานตกใจจนกรามแทบจะหลุด!
ไห่หนิงซวง!
บิดาของเธอก็คือไห่หรงซานผู้บัญชาการกรมทหาร
ปู่คือไห่อวิ๋นหลงผู้บัญชาการกองทัพ!
เธอคือรุ่นที่สามของตระกูลไห่แห่งเมืองหลวงเพียงหนึ่งเดียว
แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่?
ไห่หนิงซวงเคลื่อนสายตามองทั้งสองแล้วจึงยิ้มมุมปาก “ทำไม ไม่ต้อนรับฉันเหรอ?”
หลัวนีน่ารีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ใช่นะคะ จะไม่ต้อนรับได้ยังไงกัน!”
“พี่หนิงชวงเชิญนั่งเถอะค่ะ!”
สองพี่น้องตั้งสติได้ และรีบร้อนต้อนรับ
ไห่หนิงซวงยกริมฝีปาก รอให้พวกเขาจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย จึงเริ่มพูดด้วยท่าทีสูงส่ง หยิ่งยโส
“ไม่ต้องวุ่นวายหรอก ฉันแค่มาหาใครคนนึงน่ะ!”
หลัวนีน่ากับหลัวชิงซานรีบถาม “ค่ะ ๆ คุณบอกมาได้เลยว่าต้องการหาใคร แค่บอกมา ต่อให้เราต้องพลิกแผ่นดินหาก็จะหาให้พบค่ะ!”
ไห่หนิงซวงตอบด้วยท่าทีมีสง่าเช่นเดิม “เขาชื่อเฉียวเหลียนเฉิง”
หลัวชิงซาน “…”
หลัวนีน่า “…”
ดูท่าครั้งนี้พวกเขาคงจะไปแหย่รังผึ้งเข้าแล้วจริง ๆ!
ไห่หนิงซวงเป็นผู้หญิงที่หยิ่งยโส และยิ่งมีภูมิหลังทางครอบครัวยิ่งใหญ่ นั่นยิ่งทำให้เธอหยิ่งยโสเข้าไปอีก
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงไม่ได้สังเกตเห็นความตกใจบนใบหน้าของหลัวชิงซานกับหลัวนีน่าเลย
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ตอบ เธอก็ขมวดคิ้วไม่พอใจ
“ทำไม มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
หลัวชิงซานรีบส่ายหน้า “ไม่ ไม่มีปัญหาครับ!”
หลังจากพูดเสร็จ เขาหันขวับมองน้องสาว เขาต้องความช่วยเหลือ
หลัวนีน่ากัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “คุณหนูไห่ ฉันได้ยินมาว่าเฉียวเหลียนเฉิงกับมู่เหย่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก”
ประโยคนี้เป็นการหยั่งเชิง แค่อยากรู้ว่าไห่หนิงซวงรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์นี้ไหม
ไห่หนิงซวงเงียบไปครู่หนึ่ง “มู่เหย่เหรอ คนไร้ประโยชน์พรรค์นั้นพวกเธอไม่ต้องไปสนใจ แค่ช่วยตามหาคนที่ฉันต้องการก็พอ”
หญิงสาวหยุดไปสักครู่ แล้วพูดต่อ “อย่าให้เขารู้ตัวล่ะ และถ้าเจอแล้วก็บอกฉัน!”
พูดจบเธอก็ลุกขึ้น หยิบกระดาษวางบนโต๊ะแผ่นนึง บนกระดาษมีหมายเลขโทรศัพท์ในพื้นที่เขียนอยู่
“ฉันจะอยู่ที่นี่ชั่วคราว หลังจากหาเจอแล้วโทรหาฉันด้วยล่ะ!”
เพียงพูดจบ เธอหยิบกระเป๋าใบเล็ก แล้วเดินออกไปทันที
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายออกไปแล้ว สองพี่น้องทรุดนั่งกับเก้าอี้ ก่อนหน้านี้พวกเขาตกใจจนเหงื่อท่วมตัว ไปหมด
พอตกค่ำ เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงก็กลับถึงที่พักค่ายทหาร
เพิ่งกลับมาถึงก็บังเอิญเจอเจียงเฉิง
“เหล่าเฉียว นายมาได้จังหวะพอดี ใบลาของนายได้รับอนุมัติแล้ว ผู้บัญชาการได้ข่าวว่านายจะไปโรงพยาบาลทหาร ประจวบเหมาะที่รถของหัวหน้าจะไปทางนั้นพอดี”
“หัวหน้าอนุญาตให้สองคนไปด้วยได้ล่ะ พวกนายไม่ต้องนั่งรถไฟไปแล้ว นั่งรถผู้บัญชาการไปได้เลย!”
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกเกรงใจ “แบบนั้นจะดีเหรอ รถหัวหน้าระดับสูงเกินไป ไม่ดีหรอก ฉันนั่งรถไฟไปดีกว่า!”
เจียงเฉิงพูดติดตลก “คนอย่างนายไม่กลัวฟ้ากลัวดิน แต่กลับกลัวหัวหน้าเหรอ?”
“ไปเถอะ หัวหน้ารู้ว่านายจะไปโรงพยาบาลไง เขาถึงได้อนุญาต”
“นายคือวีรบุรุษ คือความภาคภูมิใจของพวกเรา ยังไงรถก็ต้องไปทางนั้นอยู่แล้ว ดีกว่าวิ่งไปรถเปล่านะ!”
“ได้สิทธิพิเศษทั้งที อย่าปฏิเสธเลยน่า!”
เฉียวเหลียนเฉิงเกาหัวแกรก ๆ อย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ ฉันยอมเพราะหัวหน้าขอหรอกนะ”
เจียงเฉิงยิ้ม “งั้นพรุ่งนี้หกโมงเช้าออกเดินทาง นัดเจอกันที่หน้าประตู!”
พูดจบเขาก็กลับไป
เฉียวเหลียนเฉิงกลับไปคุยเรื่องนี้กับเจียงหว่าน แต่เจียงหว่านมีเรื่องให้กังวล
“หกโมง! งั้นก็ไม่ทันไปตักข้าวที่โรงอาหารน่ะสิ!”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า “ไม่ทันหรอก”
ถ้านั่งรถไฟจากที่นี่ไปยังโรงพยาบาลเขตทหารต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน ต่อให้เป็นรถยนต์อย่างน้อยก็ต้องยี่สิบกว่าชั่วโมงเหมือนกัน
และระหว่างทางก็ไม่รู้ว่าจะหาร้านอาหารได้ไหม
ถ้าตอนเช้าไม่ได้กินข้าวได้ลำบากแน่
“เสียดายจัง แต่ว่านะเราไม่ได้ก่อไฟทำอาหารเองนานแล้ว งั้นต้มไข่ละกัน!” เจียงหว่านรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ช่วงนี้เธอไม่ได้ทำอาหารกินเลย ที่บ้านจึงไม่มีไข่ไก่ติดไว้
จะออกไปซื้อตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้วด้วย สหกรณ์ก็คงปิดแล้ว จะไปซื้อที่ไหนได้อีกล่ะ!
“ฉันไปขอยืมไข่สักสองสามฟองจากพี่สะใภ้เฉินก่อนไหมนะ!”
เจียงหว่านลังเล ถึงก่อนหน้านี้เธอจะคืนแม่ไก่ตอบแทนน้ำใจพี่สะใภ้ไปห้าตัว แต่พอตอนนี้จะไปยืมไข่ ก็ยังรู้สึกเกรงใจอยู่ดี!
เฉียวเหลียนเฉิงพูดขึ้น “ผมจะไปดูที่โรงอาหารว่ายังมีอาหารเหลืออยู่ไหม ถ้ามี เราก็เอามาไว้อุ่นตอนเช้า แล้วกินรองท้องก็น่าจะพอ”
เจียงหว่านตอบรับอย่างยินดี เธอเป็นคนง่าย ๆ ไม่ได้เรื่องมาก
ถ้าพรุ่งนี้ไม่ต้องอดทนนั่งรถนาน ๆ ทนหิวสักมื้อจะเป็นไรไป
ตอนเฉียวเหลียนเฉิงกลับมาจากโรงอาหาร เขาก็เอาซาลาเปามาด้วยห้าลูก
“ดีที่เมื่อเย็นโรงอาหารทำซาลาเปา แล้วยังเหลืออีกห้าลูก ตอนเช้าเรากินซาลาเปากันนะ”
เจียงหว่านรับซาลาเปามาวางไว้ หยิบถุงผ้าใบใหญ่มาเตรียม แล้วจัดเสื้อผ้าของพวกเขาสำหรับเอาไว้เปลี่ยน แล้วเอาใส่ถุงผ้า
ส่วนซาลาเปาห้าลูกก็ห่อด้วยกระดาษไข
ยุคนี้ยังไม่มีถุงพลาสติก ปกติแล้วก็มักจะใช้กระดาษไขห่อสิ่งของง่าย ๆ แล้วเอาใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง แค่นี้ก็ได้แล้ว
เพิ่งจะเก็บของเสร็จ ด้านนอกก็เกิดเสียงดังขึ้นมา
เป็นเสียงร้องของเด็ก เหมือนเสียงผิงอันไม่มีผิด
เจียงหว่านขมวดคิ้ว กลัวว่าผิงอันจะถูกรังแก เธอรีบเปิดประตูออกไปดู
ด้านนอกที่พัก เจียงหว่านเห็นเด็กหลายคนกำลังล้อมผิงอันกับเฉิงตงเซิงไว้
เหมือนเฉินตงเซิงกำลังร้องไห้ และเขาก็ตะโกนด่าอยู่
“เกินไปแล้ว นายทำอย่างงี้ได้ไง”
“ฉันดีกับนายขนาดนี้ มีอะไรอร่อยก็แบ่งให้ แต่นายกลับให้เสี่ยวเสวี่ยกินเสี่ยวชิง”
“นายทำเกินไปแล้ว ฉันจะบอกครูแน่!”
ผิงอันอุ้มไก่หัวล้านครึ่งหัวไว้ในอ้อมกอด จ้องมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธ
“บอกครูแล้วไง ฉันไม่สนใจหรอก! เก่งนักก็ไปฟ้องเลย!”
“โตขนาดนี้แล้ว อะไรนิดอะไรหน่อยก็จะไปบอกครู ถ้ามีความสามารถ นายก็ต้องแก้ไขปัญหาเองสิ!”
เฉิงตงเซิงได้ยินแล้วยิ่งร้องไห้หนักขึ้น และบ่นออกมา
“นายเป็นคนไม่ดี ฉันต่อยสู้นายไม่ได้ แล้วยังจะไม่ให้ไปบอกครูอีก!”
“นายมันเป็นคนเลว ฉันจะไม่สนใจนายอีกต่อไปแล้ว!”
ทันทีที่พูดจบ เฉินตงเซิงก็หันหลังวิ่งกลับไปด้วยความโกรธ
เพื่อนคนอื่น ๆ ก็ได้แยกย้ายตามไปด้วย ไม่มีใครสนใจผิงอันอีก
ผิงอันเหมือนจะน้อยใจ เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้น แผ่นหลังดูเหงาหงอยทีเดียว
เด็กชายขมุบขมิบปากพึมพำ “ไม่ดีก็ไม่ดี ใครจะสน!”
แล้วเขาอุ้มเสี่ยวเสวี่ยกลับขึ้นชั้นบน
พอกำลังจะผ่านประตูเข้าไปที่พักของเจียงเฉิง เจียงหว่านก็เรียกเขาไว้
ผิงอันเห็นเจียงหว่านก็รู้สึกประหลาดใจ “คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”
เจียงหว่านยิ้ม…เด็กคนนี้ทำตัวงุ่มง่ามอีกแล้ว
เจียงหว่านลากผิงอันเข้ามาในห้อง
“เมื่อกี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ผิงอันลูบหัวเสี่ยวเสวี่ย ลดสายตาลง แล้วพูดด้วยความโดดเดี่ยว
“พวกเขาเห็นผมเลี้ยงเสี่ยวเสวี่ย และเสี่ยวเสวี่ยเชื่อฟังผมมาก พวกเขาก็อยากจะเลี้ยงตาม”
“ไม่รู้ว่าเฉินตงเซิงไปเอาหนอนผีเสื้อตัวใหญ่ขนปุยมาจากไหน เขาตั้งชื่อมันว่าเสี่ยวชิง”
“แล้ววันนี้เสี่ยวเสวี่ยเห็นเสี่ยวชิง แล้วมันกินเข้าไปทั้งตัวเลย”
เจียงหว่าน “…”