เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 260 ร่วมมือกับผู้ยิ่งใหญ่!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 260 ร่วมมือกับผู้ยิ่งใหญ่!
บทที่ 260 ร่วมมือกับผู้ยิ่งใหญ่!
ก่อนเจียงหว่านจะถามอะไร คนตาบอดรีบก้าวออกมาและโบกมือให้ทั้งสองเข้าไปด้านใน
เจียงหว่านลังเล ทันใดเธอก็ได้ยินเสียงของหลัวชิงซานดังขึ้นไม่ไกลนัก
“พวกมันอยู่ที่ไหน?”
“ตรงนั้นเป็นทางตัน น่าจะอยู่แถวนั้น!”
“พวกมันปีนข้ามกำแพงไปเหรอ?” หลัวชิงซานถาม
“ไม่มีทาง ตรงนั้นกำแพงสูงกว่าสามเมตรเลยนะ ยังไงก็เป็นไปไม่ได้!”
“งั้นพวกเราไปดูตรงนั้น!”
เจียงหว่านได้ยินเสียงพูดคุยของพวกเขา และรู้ว่าตัวเองหนีไม่พ้นแน่ เธอจึงรีบดึงเฉียวเหลียนเฉิงให้เข้าประตูไปทันที
หลังจากทั้งสองเข้ามาแล้ว คนตาบอดก็ปิดประตูอย่างรวดเร็ว
พอปิดประตูลง ทั้งสามคนก็เงียบสนิท ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไร เพียงเงี่ยหูฟังเสียงด้านนอกเท่านั้น
ครู่ต่อมาก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอก
“พวกมันอยู่ไหน!” เป็นเสียงของหลัวชิงซาน
“ไม่รู้ครับ ผมก็เพิ่งมาถึงที่นี่เหมือนกัน หรือพวกมันข้ามกำแพงไปแล้ว?” อีกคนเอ่ยปากขึ้นมา
เพียะ!
“แกพูดเรื่องบ้าอะไร! แกปีนกำแพงสูงขนาดนี้ได้เรอะ? หรือต่อให้ไอ้เจ้าเฉียวเหลียนเฉิงจะปีนได้ แล้วนังอ้วนนั่นจะปีนได้รึไง?”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หลัวชิงซานก็ตะโกนดัง “กลับ!”
“หัวหน้า อยากให้พวกเราตามหาพวกมันต่อไหมครับ?” ลูกน้องคนหนึ่งถามขึ้นมา
หลัวชิงซานตะคอก “ไอ้พวกบ้า แกคิดว่าตำรวจเป็นขยะเหรอ? จะออกไปเพ่นพ่านให้มันมาจับรึไง? กลับไปที่บริษัท!”
“เก็บอาวุธของพวกแกให้หมดด้วย ถ้าใครทำตัวให้ตำรวจสงสัย ฉันจะทุบตีมันให้ตาย!”
เสียงโหวกเหวกด้านนอกเริ่มเงียบ ดูเหมือนว่าทุกอย่างกำลังค่อย ๆ สงบลง
เฉียวเหลียนเฉิงกับเจียงหว่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะหันมองคนตาบอดพร้อมกัน
และชั่วขณะที่พวกเขากำลังจะพูด คนตาบอดก็ยกนิ้วชี้แตะปาก ส่งสัญญาณให้เงียบ
เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงถึงกับตกตะลึง พวกเขาเข้าใจอย่างรวดเร็ว จึงไม่ได้พูดอะไรออกมา และเงี่ยหูฟังเสียงต่อ
ไม่นานนักก็มีเสียงพึมพำจากด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง “แปลกจริง ๆ พวกมันหายไปได้ยังไง? หึ! ถือว่าโชคดีไปไอ้พวกเวร!”
“ก็แค่คนบ้านนอกสองคน ส่วนมู่เหย่ก็แค่คนโง่ ไม่รู้ไปติดใจอะไรไอสองคนนั้นนักหนา!”
สิ้นเสียงพูด หลัวชิงซานก็หันหลังกลับ และเดินออกไป
เสียงฝีเท้าหายไปแล้ว คนตาบอดรอสักครู่ และเมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายออกไปแล้วจริง ๆ
เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่โบกมือให้ทั้งสองคนเดินตามไป
ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนจะเดินตามคนตาบอดเข้าไปด้านใน
ในลานนี้มีห้องมากมาย ดูสวยงามน่าประทับใจไม่น้อย
และเมื่อเข้ามาในห้องหนึ่ง คนตาบอดก็โบกมือเชิญให้พวกเขานั่งลง เขาเริ่มชงชา และรินน้ำให้
เจียงหว่านจิบชาเล็กน้อย ก่อนจะถาม “สหายเหอ ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่!”
คนตาบอดเผยสีหน้าประหลาดใจ “คุณรู้จักผมเหรอ?”
เจียงหว่านตอบกลับ “ไม่ ฉันไม่รู้จักคุณ แต่เราเพิ่งเจอกันบนรถบัสเมื่อเช้านี้”
พูดจบ เธอก็เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “แล้วล่ะ คุณไม่รู้จักพวกเรา ทำไมถึงช่วยพวกเราไว้?”
ตอนแรกเจียงหว่านคิดว่าที่คนตาบอดช่วยเหลือเธอไว้ เพราะเคยเจอกันเมื่อเช้านี้ซะอีก
เขายกยิ้ม “ผมไม่รู้จักคุณ เมื่อเช้าตอนนั่งรถมา ถึงจะดูเหมือนว่าผมมองคุณอยู่ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ผมมองนอกหน้าต่างน่ะ”
เขาเงียบสักครู่ ก่อนจะอธิบายต่อ “ที่ผมช่วยก็เพราะคุณถูกคนจากบริษัทการค้าเฉิงเฉิงไล่ล่า ผมกับพวกมันมีความบาดหมางกัน และผมต้องการช่วยเหลือคนที่ตกเป็นเหยื่อของพวกมัน”
คำอธิบายของเขาทำให้เจียงหว่านเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมา
ตามที่ชายตาบอดบอก หลัวเยว่เป็นเจ้าของบริษัทการค้าเฉิงเฉิงที่แท้จริง ทั้งยังเป็นคนดี ทำงานด้วยความซื่อสัตย์
ครอบครัวของเขามักจะซื้อเสบียงอาหารส่วนเกินจากประชาชน และนำไปขายต่อที่อื่น
อีกทั้งเขายังรวบรวมตั๋วอาหารที่ประชาชนไม่ต้องการอีกด้วย
เดิมทีคนตาบอดก็ทำแบบนี้ ตอนนั้นตลาดยังไม่เปิดกว้างนัก และคนตาบอดก็เป็นคนขายหนังงูในตลาดมืด
เขาถูกเรียกว่า เสอผีจือ ซึ่งเป็นภาษาท้องถิ่นที่ใช้เรียกพ่อค้าขายหนังงู
ธุรกิจของเขาราบรื่นมาโดยตลอด ไม่เคยสร้างความขุ่นเคืองให้กับใคร
หลังจากผ่านพ้นการปฏิรูปและเปิดประเทศ คนตาบอดก็เริ่มซื้อวัสดุต่าง ๆ จากประชาชนอย่างถูกกฎหมาย และเขาก็ได้ร่วมมือกับหลัวเยว่
ทว่าหลังจากหลัวเยว่ล้มป่วย อีกฝ่ายก็ยกบริษัททั้งหมดให้ลูกชาย
หลัวชิงซานไม่ใช่คนดี และเขาก็เริ่มโกงเงินผู้อื่น หากสินค้าขายได้ในราคาสิบหยวน เขาจะจ่ายให้ผู้ขายเพียงห้าหยวน บางครั้งก็เหลือแค่สามหยวนด้วยซ้ำ
และเขาเก็บกลุ่มอันธพาลมากมายมาไว้ใกล้ตัวก็เพราะเหตุผลนี้
หากใครไม่ยินดีรับข้อเสนอก็จะถูกทุบตี และยังไม่ได้รับเงินสักแดงเดียว
คนตาบอดก็ถูกทุบตีด้วยเหตุผลนี้เช่นกัน
“ก่อนหน้านี้ขาของผมก็ปกติดี แต่หลังจากถูกซ้อมคราวนั้นมันก็กลายเป็นแบบนี้ ผมเดินได้เพียงนิดหน่อยก็เข่าอ่อนแล้ว”
“เพราะแบบนี้ผมเลยมีความบาดหมางกับบริษัทการค้าเฉิงเฉิง”
เจียงหว่านเข้าใจอีกฝ่ายแล้ว และเธอก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่
หญิงสาวมองคนตาบอด แล้วถามต่อว่า “คุณบอกว่าคุณสามารถซื้อสินค้าจำนวนมากจากชาวบ้านได้ แล้วตอนนี้คุณขายผ่านช่องทางไหน?”
คนตาบอดตอบกลับด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ก่อนหน้านี้ผมขายให้กับหลัวเยว่ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้ขายให้เขาแล้ว และทำได้แค่ขายให้ที่อื่นแทน”
“แต่ว่าผมไม่ค่อยรู้จักใครมากนัก และไม่ค่อยได้เดินทางไปเมืองอื่นด้วย การทำธุรกิจตอนนี้เลยเป็นเรื่องยาก!”
หลังกล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความขมขื่น
เจียงหว่านเงียบไปสักครู่ และก็เปลี่ยนเรื่อง
“แล้วที่คุณพูดถึงอนาคตบนรถบัสล่ะ ทำไมถึงคิดว่าทุกครอบครัวจะมีรถ แต่ไม่มีน้ำมัน!”
คำพูดนี้ทำให้เจียงหว่านรู้สึกสงสัยว่าชายตาบอดอาจจะข้ามเวลามาเหมือนกับตน
ชายตาบอดยิ้ม และตอบตามตรง “ผมก็พูดไปอย่างนั้น”
เจียงหว่านส่ายศีรษะ “เราทุกคนถือเป็นเพื่อนกันแล้ว และฉันสนใจในสิ่งที่คุณพูดมาก ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม”
คนตาบอดเงียบสักพัก ก่อนจะตอบกลับ “ผมคิดเอาเองน่ะ ผมชอบมองสิ่งต่าง ๆ และรับฟังทุกอย่างที่ได้ยิน”
“ผมดูข่าวต่างประเทศบ่อยครั้ง และติดตามสถานการณ์ของที่อื่น ๆ ด้วย”
“ผมได้ยินว่าพลังงานบนโลกนี้มีจำกัด”
“ผมก็เลยคิดเอาเองว่า ถ้าทุกครอบครัวมีรถยนต์ แต่ถนนไม่ได้ถูกสร้างอย่างดี รถก็คงติดเหมือนเดิม”
“และในอนาคต ประชากรของเราอาจจะมากกว่าหนึ่งพันล้านคน ถึงตอนนั้น ถ้าทุกคนมีรถยนต์ มันจะไม่เรียกว่าจำนวนมหาศาลเหรอ?”
“ถ้าเรื่องราวดำเนินไปถึงจุดนั้น เราจะเข้าสู่จุดที่ขาดแคลนพลังงานอย่างช่วยไม่ได้ ยังไงแม้การสร้างรถยนต์จะไม่ใช่เรื่องยาก แต่พลังงานไม่ใช่จะฟื้นฟูกลับมาได้ง่าย ๆ ผมเลยพูดออกไปอย่างนั้น”
หลังจากได้ยินความคิดของเขา เจียงหว่านจึงเข้าใจ คนตาบอดคนนี้เป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ฉลาด และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริง ๆ
และเพราะเรื่องนี้เธอจึงสนใจเขามากขึ้น จึงเริ่มแนะนำตัวเอง
“ฉันชื่อเจียงหว่าน แล้วสหายเหอชื่ออะไรเหรอ?”
คนตาบอดตอบกลับ “ผมชื่อเหอซานไห่!”
เจียงหว่านอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เธอรู้สึกว่าเหอซานไห่เป็นชื่อที่คุ้นเคย แต่เธอกลับนึกไม่ออก
ตอนนี้เอง เฉียวเหลียนเฉิงก็กล่าวแนะนำตัวเองบ้าง
แต่เมื่อเหอซานไห่ได้ยินชื่อนั้น เขาก็ถึงกับตกตะลึง “คุณคือเฉียวเหลียนเฉิงที่ฆ่าเหลยช่าน!”
เฉียวเหลียนเฉิงตกใจ “คุณรู้ด้วยเหรอ?”
เหอซานไห่ยิ้ม “ผมรู้เรื่องนี้ดีเลยล่ะ”
“ไม่นานมานี้อาชญากรที่ถูกออกหมายจับ เหลยช่าน เขามาหาผมด้วย เขาต้องการเสบียงสำหรับหลบหนี แต่ถึงผมจะชื่นชอบเงินแค่ไหน แต่ผมก็ไม่คิดจะร่วมมือกับอาชญากรแน่นอน”