เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 258 เธอแต่งงานแล้ว!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 258 เธอแต่งงานแล้ว!
บทที่ 258 เธอแต่งงานแล้ว!
ความเกรี้ยวกราดหยุดลงชั่วขณะ จากนั้นหญิงสาวที่หน้าตาสละสลวยและดูดื้อรั้นปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคน
เธอเป็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางสวมใส่กางเกงขายาวสีแดงเข้ม และสวมเสื้อคลุมขนสัตว์สีแดงเพลิง
หนำซ้ำยังมีผ้าพันคอสีแดงเพลิงอยู่รอบคอ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ใบหน้าสวยงามของเธอยิ่งดูโดดเด่นราวกับหยก
ผมสีดำขลับห้อยเป็นหางม้าด้านหลัง ตัดกับสีแดงเพลิงชัดเจนยิ่งเพิ่มเสน่ห์ที่โดดเด่น
การแต่งกายของหญิงสาวคนนี้ค่อนข้างแตกต่างจากคนยุคนี้ เพราะคนในยุคนี้ส่วนใหญ่ล้วนแต่แต่งกายสีพื้น อย่างสีเทา น้ำเงิน หรือดำ
เพราะแบบนั้นผู้หญิงตรงหน้าถือว่าเป็นคนหัวก้าวหน้าแน่นอน
หญิงสาวมองไปรอบ ๆ หลังจากเข้ามาในห้อง และเห็นว่าเจียงหว่านยืนอยู่ข้างเฉียวเหลียนเฉิง
เธอก้าวเข้ามาด้านหน้าก่อนจะชี้หน้าเจียงหว่านด้วยความเกรี้ยวกราด
“เธอใช่ไหมที่เป็นนังจิ้งจอกมายั่วยวนพี่ใหญ่มู่เหย่ของฉัน?”
ไม่รอให้เจียงหว่านตอบกลับ หญิงสาวก็เริ่มทำตัวเกรี้ยวกราดราวกับพายุโหมกระหน่ำ
“เหอะ! ฉันก็คิดว่าเป็นจิ้งจอก ที่ไหนได้ ก็แค่หมูป่าหลังเขา!”
“โอ้โห ดูชั้นไขมันบนตัวของเธอสิ กินอะไรเข้าไปถึงได้อ้วนขนาดนี้?”
“อ๋อ คงจะเก็บขยะหน้าบ้านและในหมู่บ้านกินล่ะมั้ง!”
“เธอเคยส่องกระจกดูบ้างไหมว่าตัวเองเหมือนหมูป่ามากขนาดไหน แล้วสารรูปอย่างนี้น่ะเหรอจะมายั่วยวนพี่ใหญ่มู่เหย่!”
เจียงหว่านเลิกคิ้วขึ้น ไม่คิดได้กล่าวขัดจังหวะ เพราะอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรอีก!
“ยัยอ้วนเอ๊ย ไม่ว่าเธอคิดจะทำอะไร ตราบใดที่ฉัน หลัวนีน่ายังอยู่ตรงนี้ อยู่ที่นี่ เธอจะไม่มีวันทำสำเร็จแน่!”
“ฉันแนะนำให้เธอรีบส่งจดหมายไปบอกพี่ใหญ่มู่เหย่เร็ว ๆ ดีกว่าว่าเธอไม่เหมาะสมกับเขาและขอยุติความสัมพันธ์ทั้งหมดนับจากวันนี้!”
“ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอได้ลิ้มรสชีวิตที่เลวร้ายเสียยิ่งกว่าความตาย และทำให้เธอเสียใจที่เกิดมาบนโลกใบนี้”
ปากของหลัวนีน่ารวดเร็วดั่งปืนกล
อย่างไรก็ตาม การดุด่าของหล่อน ทำให้เจียงหว่านพอจะคาดเดาสถานการณ์บางอย่างได้ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นแฟนของมู่เหย่สินะ
แต่เดาว่าคงจะเป็นการรักข้างเดียวแน่นอน
เวลานี้หลัวนีน่าดุด่าจนเหนื่อย เธอจึงเอื้อมมือไปคว้าแก้วบนโต๊ะขึ้นจิบ
ซึ่งคือชาที่หลัวชิงซานชงให้เจียงหว่านก่อนหน้านี้
หลัวนีน่าไม่คิดแม้แต่จะมองมันด้วยซ้ำ เธอจิบมันเข้าไปก่อนจะพ่นพรวดออกมาแทบจะทันที
“ไอ้บ้าที่ไหนชงชาแก้วนี้? ทำไมถึงใช้น้ำเย็นชง? แล้วทำไมชาถึงมีกลิ่นอับแบบนี้? นี่เรื่องบ้าอะไรเนี่ย!” หลัวนีน่าคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด
หลัวชิงซานจึงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงหดหู่ “ฉันเป็นคนชงมันเอง แต่ไม่ได้ชงให้เธอ!”
หลัวนีน่าวางชากระแทกโต๊ะก่อนจะกล่าวด้วยเสียงที่เบาลง
“ไร้ประโยชน์จริง ๆ แม้แต่ชงชายังทำไม่ได้!”
หลังจากนั้นหลัวนีน่าหันไปหาเจียงหว่าน ชีหน้าและคิดจะดุด่าเธอต่อ
ทว่าความอดทนของเจียงหว่านหมดลงแล้ว เธอเอื้อมมือไปคว้านิ้วของหลัวนีน่าเอาไว้
“พูดจบแล้วใช่ไหม งั้นถึงเวลาฉันพูดบ้าง!”
หลัวนีน่าตะโกนกลับ “ยังไม่จบ ใครบอกว่าฉันจะให้เธอพูด!?”
ก่อนที่จะทันได้ดุด่าต่อ เจียงหว่านก็กล่าวแทรกขึ้น
“ฉันไม่สนใจว่าคุณจะพูดจบหรือยัง แต่เพราะคุณพูดอยู่คนเดียวโดยไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้โต้แย้งหรือปกป้องตัวเองเลย นี่เป็นการกระทำของพวกไร้อารยธรรมและถือว่าเป็นการกระทำที่หยาบคายที่สุด”
“ทั้งที่คุณเป็นคนจากเมืองหลวง ทำไมถึงหยาบคายและไร้มารยาทได้ขนาดนี้?”
หลัวนีน่ายิ่งโกรธจัด “แกพูดอะไร แกด่าว่าฉันไม่มีการศึกษางั้นเหรอ!”
เจียงหว่านตะคอก “ไม่มีการศึกษายังน้อยไป คุณไม่สนใจอะไรทั้งนั้นตั้งแต่เดินเข้ามา เอาแต่พูดทุกอย่างอยู่คนเดียว แถมคิดเองเออเองทุกอย่าง”
“แบบนี้มันเรียกว่าไม่มีการศึกษาไม่ใช่เหรอ!”
ใบหน้าของหลัวนีน่ามืดมนด้วยความโกรธ เธอพยายามจะตอบโต้ “แก… แก…”
เจียงหว่านพูดต่อโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายอยากจะพูดอะไร
“เอาละ! แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นเรื่องว่าจะมีการศึกษาหรือไม่มีการศึกษา แต่มันจะผิดทันทีถ้าหากว่าคุณมาชี้หน้าต่อว่าคนอื่นโดยไม่สนใจถูกผิด!”
“ที่ฉันมาในวันนี้เพราะมู่เหย่แนะนำให้ฉันมา เขาบอกว่าพวกคุณเป็นเพื่อนที่ดีของเขา และเขาชื่นชมพวกคุณมาก”
“แต่สิ่งที่ฉันเห็นคือความเย่อหยิ่งและทัศนคติที่เลวร้ายของคนที่คลั่งไคล้การดูถูกคนอื่น!”
“วันนี้คุณคงคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มากสินะที่ทำกับพวกเราแบบนี้!”
“เสียใจด้วย การกระทำที่ไร้มารยาทของคุณเป็นการตบหน้ามู่เหย่ต่างหาก”
“เอาละ ฉันจะลืมเรื่องวันนี้ไปและคิดเสียว่าไม่ได้มาที่นี่ ฉันจะไม่สนใจพวกคุณอีกต่อไปแล้ว!”
“ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากพวกคุณ ฉันเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าฉันจะไม่สามารถทำอะไรได้!”
“เหล่าเฉียว เราไปกันเถอะ!”
หลัวนีน่าโกรธจัดจนหน้าอกกระเพื่อม ปกติแล้วเธอมักจะเป็นคนต่อว่าคนอื่น ทำให้คนอื่น ๆ ตอบโต้ไม่ทัน
แต่ตอนนี้เธอได้พบเจอกับคนที่พูดได้รวดเร็วกว่าเธอ แถมยังพูดเสียงดังกว่า
มันจึงกลายเป็นเธอที่ต้องยอมรับความพ่ายแพ้!
หลังจากเจียงหว่านพูดจบแล้ว เธอดึงเฉียวเหลียนเฉิงให้เดินออกมา ขณะนั้นก็นึกคิดบางอย่างได้ก่อนจะหันกลับหลังแล้วพูดว่า
“เกือบลืมบอกไป สุดท้ายแล้วเป็นคุณต่างหากที่จะพังพินาศไปคนเดียว อย่าดึงมู่เหย่ลงเหวไปด้วย”
“ฉัน! ชื่อเจียงหว่าน เป็นเพื่อนของมู่เหย่ และเขากับฉันมีความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนกัน”
“และถ้าฉันจะเลิกยุ่งกับเขาจริง ๆ เกรงว่าจะเป็นมู่เหย่มากกว่าที่ร้องไห้!”
“อีกอย่าง ฉันแต่งงานแล้ว!”
หลังพูดอย่างนั้น เธอดึงเฉียวเหลียนเฉิงเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดว่า “เห็นผู้ชายที่ทั้งสูงทั้งหล่อคนนี้ไหม? เขาคือสามีของฉัน!”
“เราสองคนจดทะเบียนสมรสกันอย่างเป็นทางการแล้ว!”
“ถ้าคุณยังคิดตราหน้าว่าฉันไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่น ฉันจะฟ้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาทและคิดทำลายครอบครัวของเรา!”
หลัวนีน่าได้ยินอย่างนั้นพลันตื่นตระหนก
นังอ้วนนี่แต่งงานแล้วเหรอ?
แล้วทำไมมู่เหย่ถึงพูดว่าคนที่จะมาในวันนี้สำคัญมาก และต้องการให้พวกเธอช่วยเหลือหล่อนอย่างเต็มที่ล่ะ
อีกทั้งตอนที่มู่เหย่กล่าวถึงผู้หญิงคนนั้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายเหมือนพระจันทร์เสี้ยว มุมปากแทบจะฉีกถึงใบหู
ความรู้สึกแบบนั้นไม่ใช่เพื่อนทั่วไปแน่นอน!
แต่ว่าคนตรงหน้านี้แต่งงานแล้ว แถมยังจดทะเบียนแล้วด้วย!
มู่เหย่จะไปชื่นชอบผู้หญิงที่แต่งงานแล้วได้ยังไง!
หลัวนีน่าถึงกับสับสนและยืนชะงักค้างไปชั่วขณะ
หลังจากตกตะลึง เธอจึงตระหนักได้ว่าตนถูกตำหนิอย่างรุนแรง
เธอหมดแล้วซึ่งศักดิ์ศรี
หลังจากถูกเจียงหว่านตำหนิอย่างหนัก หลัวนีน่ายิ่งโกรธจนบ้าคลั่ง จึงตะโกนออกมา
“เสี่ยวฉุย! ตายไปแล้วหรือไง?”
สิ้นเสียง ผู้หญิงที่เฝ้าประตูก็วิ่งเข้ามาด้านใน
เธอเดินเข้ามาพร้อมกับไม้ถูพื้นในมือ
ขณะนั้นก็พูดอย่างเอาใจว่า “คุณหนูนีน่าคะ ฉันอยู่ที่นี่แล้วค่ะ นังอ้วนนั่นอยู่ที่ไหนเหรอคะ มาดูกัน ว่าฉันจะทุบตีมันจนตายได้ไหม!”
ทันทีที่พูดจบ เธอหันมองไปรอบ ๆ และเห็นเจียงหว่านอยู่ไม่ไกล จึงวิ่งเข้าไปพร้อมกับไม้ถูพื้นในมือแล้วฟาดใส่ทันที
เพราะความสนใจของเจียงหว่านยังอยู่ที่หลัวนีน่า เธอจึงไม่ได้สนใจคนที่เข้ามาใหม่
และเพราะเจียงหว่านอยู่ใกล้กับประตูมาก มันจึงยากที่จะหลบเลี่ยง
แต่เฉียวเหลียนเฉิงยังอยู่ตรงนี้
เขาใช้มือขวาดึงเจียงหว่านออกมา และไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ
เมื่อเห็นว่าไม้ถูพื้นฟาดลงมา เขาก็ก้าวไปด้านหน้าเจียงหว่านทันที เขาใช้ไหล่ซ้ายรับไม้ถูพื้นนั้นไว้
เขายกแขนซ้ายไม่ได้ แต่ไหล่ซ้ายของเขายังปกติ
และคราวนี้เขาใช้มันรับไม้ถูพื้นนั้น
พลั่ก!
เกิดเสียงกระทบดังขึ้น
หัวใจของเจียงหว่านบีบรัดรุนแรง
ราวกับว่าไม้ถูพื้นนั้นไม่ได้ฟาดลงที่ไหล่ของเฉียวเหลียนเฉิง แต่เป็นหัวใจของเธอแทน
“เหล่าเฉียว!”
เจียงหว่านรีบสะบัดข้อมือของเฉียวเหลียนเฉิงออกและเข้าไปดูไหล่ของเขาทันที
แต่เฉียวเหลียนเฉิงส่ายศีรษะ ยังคงสีหน้าอบอุ่นเช่นเดิม “ผมไม่เป็นไร ผู้หญิงตัวแค่นี้จะมีเรี่ยวแรงที่ไหนมาทำร้ายผมล่ะ? คุณไม่ต้องห่วงหรอก”
เจียงหว่านโล่งใจไม่น้อยที่ได้ยินอย่างนั้น ถ้าหากเฉียวเหลียนเฉิงอยู่ในสภาพร่างกายสมบูรณ์ เขาคงไม่มีทางโดนอะไรแบบนี้แน่
แต่เพราะแขนของเขายังไม่หายดี แถมถูกทุบตีอีกแล้ว แบบนี้มันจะหายได้ยังไง?
ร่างกายของเธอสั่นสะท้านขณะที่สัมผัสกับหัวไหล่ของเขา แต่เฉียวเหลียนเฉิงจับมือเธอแน่นก่อนจะพูดว่า
“ผมไม่เป็นไรจริง ๆ เชื่อผมนะ!”
คำพูดของเฉียวเหลียนเฉิงอบอุ่นจนทำให้หัวใจที่สั่นสะท้านของเจียงหว่านเริ่มกลับมาสงบอีกครั้ง
เธอสูดลมหายใจลึกแล้วหันหน้ามองเสี่ยวฉุย แววตาที่เคยสงบและลุ่มลึกก่อนหน้ากลับกลายเป็นพายุโหมกระหน่ำ!
เธอกล่าวเสียงต่ำ “กล้าดียังไงมาทำร้ายเขา!!!”
เจียงหว่านตะโกนลั่น!
หลัวนีน่าที่กำลังโกรธเกรี้ยวเจียงหว่านเป็นทุนเดิมก็ตอบสนองทันที หล่อนตะโกนบอกผู้หญิงที่เฝ้าประตูว่า
“เสี่ยวฉุย จัดการมันเลย ตีมันให้ตาย ถ้าเธอทุบตีมันตายได้ ฉันจะให้รางวัล!”
ได้ยินแล้วเสี่ยวฉุยก็ยกยิ้มยินดี ก่อนจะกล่าวคำมั่นหมาย “งั้นดูให้ดีนะคะคุณหนูนีน่า!”
หลังพูดจบแล้ว เสี่ยวฉุยก็ยกไม้ถูพื้นในมือขึ้นเพื่อทุบตีอีกฝ่าย
เป้าหมายในคราวนี้คือศีรษะของเจียงหว่าน
แต่ทว่าเฉียวเหลียนเฉิงกลับยกแขนขวาขึ้นคว้าไม้ถูพื้นเอาไว้
ผู้หญิงคนนั้นถึงกับตกตะลึง และพยายามดึงไม้ถูพื้นกลับคืน
แต่ความแข็งแกร่งของเธอไม่อาจเทียบเท่าเฉียวเหลียนเฉิงได้ เวลานี้เขาแค่จับมันไว้อย่างสบาย ๆ และยืนอยู่เฉย ๆ
มอบหมายที่เหลือให้เจียงหว่านจัดการ!
เธอเอื้อมมือหยิบไม้นวดแป้งก่อนจะเดินเข้าหาเสี่ยวฉุย… จากนั้นกล่าวผ่านไรฟันอย่างเย็นชา
“พวกคุณคือเพื่อนของมู่เหย่ ฉันเองก็ไม่อยากจะมีปัญหาอะไรกับพวกคุณเท่าไหร่”
“ไม่ว่าพวกคุณจะรังแกฉันยังไง ฉันก็ยังอดทนได้ แต่นี่พวกคุณมาทำร้ายสามีของฉัน!”
“อย่าแม้แต่จะคิดเรื่องนี้เด็ดขาด!”
ก่อนเสียงจะหายไป เวลานี้เธอก็มาหยุดยืนตรงหน้าเสี่ยวฉุยแล้ว
แต่แทนที่จะใช้ไม้นวดแป้งทุบตี เธอกลับกระโดดถีบท้องของอีกฝ่ายอย่างแรง
ร่างของเสี่ยวฉุยกระเด็นออกไปพร้อมกับล้มก้นจ้ำเบ้า
เจียงหว่านฉวยโอกาสนี้วิ่งเข้าไปนั่งคร่อมเสี่ยวฉุย แล้วเริ่มรัวมือทันที
หลัวนีน่าที่เห็นฉากสยดสยองนั้นแล้วรีบหันกลับมาหาหลัวชิงซาน เธอคว้าแขนของเขาไว้แล้วตะโกนว่า
“พี่คะ ช่วยฉันเร็วเข้า จัดการนังอ้วนให้ฉันหน่อย!”