เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 251 แม่สามีของฉันเป็นคนอ่อนโยนและใจดี
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 251 แม่สามีของฉันเป็นคนอ่อนโยนและใจดี
บทที่ 251 แม่สามีของฉันเป็นคนอ่อนโยนและใจดี
การกระทำของเจียงหว่านทำให้หลี่หงเหมยสับสน
ทว่าเจียงหว่านกำลังเดินจากไป ทิ้งให้หลี่หงเหมยเห็นเพียงแผ่นหลังที่เด็ดเดี่ยวของเธอ
อีกทั้งเธอยังก้าวเร็วกว่าปกติมาก
ตอนนี้หลี่หงเหมยจึงได้เข้าใจการกระทำของเจี่ยงหว่านแล้ว
เมื่อเห็นเจียงหว่านเดินเข้าใกล้ประตูขึ้นเรื่อย ๆ หลี่หงเหมยก็ทรุดตัวลง
เธอกำกรงประตูห้องขังด้วยความโกรธ และเขย่ามันสุดแรง “นังสารเลว นังอ้วน นังคนสารเลวที่ใช้มีดฆ่าคนอื่นนับพันเล่ม แกจงใจจำฉันไม่ได้ใช่ไหม?!”
”นังสารเลว!”
หลี่หงเหมยไม่เคยโกรธใครมากขนาดนี้มาก่อน เธอเคยก่นด่าเจียงหว่าน แต่ก็แค่ด่าเท่านั้น
ตอนเจียงหว่านทุบตีเธอ เธอยอมรับว่าโกรธมาก
ทว่านั่นก็แค่โกรธ
ทุกอย่างยังห่างไกลจากความความเกลียดชังคั่งแค้น จนถึงขนาดจะจัดการอีกฝ่ายให้ตาย
แต่ดูตอนนี้สิ!
หลี่หงเหมยเขย่าประตูห้องขังอย่างบ้าคลั่ง เธอขุดคำด่าทอทั้งหมดที่พอจะนึกออก แล้วเอามาด่านังอ้วนตรงหน้า
และบางทีการด่าอาจจะได้ผล เพราะเจียงหว่านที่ไปถึงประตูแล้ว กำลังเดินกลับมา
หญิงสาวเดินย้อนกลับมาอีกครั้ง
หลี่หงเหมยตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อเห็นเจียงหว่านเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
หลี่หงเหมยเขย่าประตูห้องขังด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนเกิดเสียงดังกึกก้อง
“ยัยอ้วน รีบพาฉันออกไปเร็ว ๆ ไม่งั้นถ้าฉันมีโอกาสออกไปข้างนอก ฉันจะฆ่าแกซะ!” แม้แต่ในเวลาแบบนี้ หลี่หงเหมยก็ยังไม่ยอมแพ้
เจียงหว่านเดินมายังประตูห้องขัง และมองดูหลี่หงเหมยที่น่าสังเวชด้วยสายตาเย้ยหยัน ทั้งยังแย้มรอยยิ้มชั่วร้ายบนริมฝีปาก
จากนั้นก็พูดว่า “คุณนี่คงไม่ใช่แค่ป่วยทางกายเท่านั้นสินะ เพราะเหมือนจะป่วยทางจิตอีก”
“ฉันแค่บอกว่าแม่สามีเป็นคนดี คุณก็โกรธแบบนี้ ฉันพูดถึงแม่สามีของฉัน แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย”
“แต่ก็นะ ฉันเป็นคนใจดี และมักจะจำคำสอนของแม่สามีเสมอ แม่บอกว่าอย่าทำให้ผู้หญิงด้วยกันอับอายโดยไม่ได้ตั้งใจ”
”แต่…”
หลังจากพูดอยู่ครู่หนึ่ง เจียงหว่านก็มองคนในคุก แล้วพูดว่า
“ฉันขอแนะนำคุณให้ใจเย็น ๆ หน่อยนะ ถ้าทำเสียงดังขนาดนี้ คนที่อยู่ห้องเดียวกับคุณจะทนได้ยังไง?”
“ถ้าเจอนักโทษที่อ่อนแอและรังแกได้ง่าย ๆ แบบนี้…”
“ถ้าเป็นฉัน ฉันคงไม่จำเป็นต้องทนแล้ว”
หลังทิ้งระเบิดไว้ให้ เจียงหว่านก็หันหลังกลับและเดินออกไป ในขณะที่หลี่หงเหมยมองตามด้วยความตกตะลึง
ครั้งนี้ หญิงสาวไม่แม้แต่จะมองย้อนกลับไป
หลี่หงเหมยโกรธมากจนกัดฟันแน่น และทันใดก็รู้สึกเย็นเยือกที่แผ่นหลัง ราวกับว่ามีอันตรายบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา
เธอหันไปมองด้วยความประหลาดใจ และก็ได้เห็นผู้หญิงหลายคนในคุกมองมาที่เธออย่างกระตือรือร้น
ทันใด ความรู้สึกหวาดกลัวก็เข้าครอบงำจิตใจของเธอ
หลี่หงเหมยกลืนน้ำลายหนืด ๆ ลงคอ และไม่ทันให้เธอพูดอะไร คนคนหนึ่งก็ก้าวมาตรงหน้าเธอ ทั้งยังคว้าคอเสื้อ แล้วดึงเธอออกไป
จากนั้นทุกคนก็กรูเข้ามา
“ม…ไม่! ไม่…” แม้เจียงหว่านจะออกมาจากตรงนั้นแล้ว แต่เธอก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องจากข้างใน
ณ ห้องโถงด้านนอก
เฉียวเหลียนเฉิงกำลังรออยู่ เมื่อเขาเห็นเจียงหว่านออกมา เขามองเลยไปข้างหลังเธอ แต่ก็ไม่เห็นหลี่หงเหมยหรือเฉียวเหลียนเย่ออกมาด้วย
เขาจึงถามอย่างสับสน “ไหนพวกเขาล่ะ?”
เจียงหว่านตอบว่า “น่าจะมีการเข้าใจผิด ฉันไม่รู้จักคนพวกนั้นเลย คนพวกนั้นทั้งสกปรกและน่ากลัว จะมาเป็นแม่สามีที่อ่อนโยนขของฉันได้ยังไง!”
เฉียวเหลียนเฉิงนิ่ง
แม้เมื่อกี้เขาไม่ได้ตามเธอเข้าไป แต่ห้องขังก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เขาจึงได้ยินคำด่าทอของหลี่หงเหมยชัดเจน
ทั้งน้ำเสียงนั่น ทั้งคำด่าที่คุ้นเคย หากไม่ใช่หลี่หงเหมยแล้วจะเป็นใครได้อีก
และเมื่อดูท่าทีของเจียงหว่าน เฉียวเหลียนเฉิงก็เข้าใจอะไรบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว
อู่หยางซึ่งอยู่ข้าง ๆ เจียงหว่านขมวดคิ้วอย่างสงสัย เฉียวเหลียนเฉิงจึงรีบตอบรับ
“ใช่ แม่ของผมเป็นผู้หญิงสะอาดสะอ้าน อ่อนโยน และใจดี แม่ปฏิบัติต่อหว่านหว่านเป็นอย่างดี ไม่มีทางดุด่าคุณแบบนี้หรอก”
“คนข้างในนั้นด่าคุณแรงมาก คงไม่ใช่แม่ของผมแน่นอน”
อู่หยางสับสน
เมื่อเห็นคนทั้งสองปฏิเสธอย่างหนักแน่น เขาก็ยกมือลูบหน้าผาก
ได้แต่พึมพำออกมาว่า “ถ้าตามที่พวกคุณบอก คนคนนั้นก็อาจไม่ใช่หลี่หงเหมยจริง ๆ”
ถ้าเขามีแม่สามีที่โหดร้ายขนาดนี้ เขาก็ไม่อยากยอมรับเหมือนกันล่ะนะ
ขณะที่อู่หยางยังครุ่นคิดอะไรมากมาย เฉียวเหลียนเฉิงกับเจียงหว่านก็ออกไปด้วยกันแล้ว
เมื่อเห็นพวกเขากำลังจะออกจากศูนย์กักกัน อู่หยางก็กลับมามีสติ และรีบเข้าไปหยุดพวกเขาไว้
“เดี๋ยว พี่สาวอ้วน เดี๋ยวก่อน!”
เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงหันมองเขา
อู่หยางถอนหายใจเบา ๆ “พี่สาวอ้วน ถ้ามันเป็นช่วงเวลาปกติ คุณจะลองปล่อยให้เธอคิดไตร่ตรองในศูนย์กักกันสักสองสามวันก่อนก็ได้นะ”
”แต่ว่าตอนนี้…”
“อย่างที่เห็นตอนเข้ามา ที่นี่เต็มไปด้วยผู้ถูกคุมขัง”
“เดิมทีหนึ่งห้องขัง เราสามารถขังคนได้สูงสุดหกคน และตอนนี้ในห้องขังนึงก็มีอย่างน้อยหกคนแล้ว”
“ทั้งยังมีเด็กสองคนสูญหายไปในเมืองนี้ สถานีตำรวจและศูนย์กักกันได้ส่งคนบางส่วนไปสอบสวนเรื่องนี้ ทำให้ไม่มีตำรวจมากพอจะคอยดูแลผู้ต้องขังจำนวนมากได้”
เจียงหว่านนิ่งเงียบ แววตาเต็มไปด้วยความลำบากใจ
เฉียวเหลียนเฉิงจึงถามขึ้น “สหายอู่หยาง นายหมายความว่าอะไร”
อู่หยางกล่าวว่า “ทำไมคุณสองคนไม่เข้าไปดูอีกสักรอบล่ะ ผมกลัวว่าคุณอาจจะจำผิดพลาดไป”
เมื่อเห็นความเงียบของทั้งคู่ อู่หยางก็กล่าวต่อ “พวกผู้ต้องหาที่อยู่ในห้องขังมักจะดูโทรมกว่าปก และพวกเขาก็ยังรู้สึกยากต่อการยอมรับความอับอาย และนั่นจะทำให้พวกเขามีแนวโน้มทางอารมณ์ที่รุนแรงมากขึ้นด้วย นั่นจึงอาจเป็นสาเหตุที่นิสัยต่างจากเดิม”
“พวกคุณลองพิจารณาระบุตัวตนอีกครั้งดีไหม?”
เจียงหว่านถอนหายใจเบา ๆ พยักหน้าให้เฉียวเหลียนเฉิงแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ฉันจะไประบุตัวตนเธออีกครั้ง คราวนี้ฉันจะดูให้ละเอียดขึ้นก็ได้”
เฉียวเหลียนเฉิงซ่อนรอยยิ้มไว้ในดวงตา และพูดอย่างจริงจัง
“จริงด้วย ลองไประบุตัวตนพวกเขาอีกทีดีกว่า ถ้าพวกเขาเป็นแม่กับน้องชายของฉันจริง ๆ จะได้พาพวกเขาออกไป และจะได้ไม่สร้างปัญหาให้สหายตำรวจด้วย!”
เจียงหว่านเห็นด้วย และยอมตามอู่หยางเข้าไปอีกครั้ง
เมื่อทั้งสองกลับมาหน้าประตูห้องขังอีกครั้ง คนที่อยู่ในห้องขังก็แยกย้ายกันไปคนละมุม เผยให้เห็นหลี่หงเหมยที่นอนขดตัวเป็นลูกบอลอยู่บนพื้น
หลี่หงเหมยได้ยินเสียงฝีเท้า และรู้สึกว่าหมัดที่กระหน่ำกระแทกร่างเธอหายไปแล้ว
เธอรีบลุกขึ้นอย่างหวาดกลัว แล้วหันไปมองทางประตูห้องขัง
เมื่อเธอเห็นเจียงหว่านอีกครั้ง เธอก็อยากจะด่าทอออกไป
แต่ขณะที่กำลังอ้าปาก ความเจ็บปวดบนใบหน้าก็ร้าวรานไปทั่ว เธอถึงกับหน้าบูดบึ้งด้วยความเจ็บปวด คำด่าที่กำลังจะพ่นอกมาถูกกลืนกลับไปในลำคอ
เจียงหว่านรู้สึกมีความสุขมากเมื่อเห็นสภาพอีกฝ่ายแบบนี้
แต่เธอยังคงทำหน้าจริงจัง “ผู้หญิงคนนั้นน่ะ มาให้ฉันดูให้ละเอียดกว่านี้หน่อย”
หลี่หงเหมยกัดฟันแน่น แต่ก็ทำได้เพียงเดินไปยืนต่อหน้าเจียงหว่าน เธอตะโกนบอก
“ยัยอ้วน หว่านหว่าน ฉันเป็นแม่สามีของเธอไง”
หลี่หงเหมยไม่เคยอ่อนโยนขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ซึ่งนี่ทำให้เธอรู้สึกกระดากปาก และการแสดงออกทางสีหน้าก็บิดเบี้ยว
เจียงหว่านกลั้นยิ้ม และถามอีกครั้ง “หืม…แบบนี้ดูคล้ายกับแม่สามีของฉันอยู่นะ แต่หน้าไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่เลย”
หลี่หงเหมยรีบตะโกน “เหมือนสิ เหมือน แต่ว่า ฉันโดนตี… ”
ก่อนเธอจะพูดจบ จู่ ๆ ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ ก็กระแอมออกมา
ร่างกายหลี่หงเหมยสั่นเทาทันที พลางเธอรีบเปลี่ยนคำพูด “เอ่อ…เธอ เธอไม่ได้มาที่นี่สองสามวันแล้ว ฉันคิดถึงเธอมากเลยนะ!”