เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 250 เจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงไปยืนยันตัวตนให้แม่สามี
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 250 เจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงไปยืนยันตัวตนให้แม่สามี
บทที่ 250 เจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงไปยืนยันตัวตนให้แม่สามี
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเมื่อได้ยินสิ่งที่ไป๋อวี้ซิ่วพูด เขาหันมองเจียงหว่าน แล้วพูดว่า “คุณจัดการเลย!”
เขาทนมองหน้าไป๋อวี้ซิ่วไม่ไหวแล้ว…ช่างน่าขยะแขยงจริง!
ชายหนุ่มหันหลังจากไปทันที เจียงหว่านจึงหันมองหลี่จ้วงจ้วง “นายเป็นคนก่อปัญหา นายก็ควรเป็นคนพาเธอไปนะ”
หลี่จ้วงจ้วงพยักหน้าอย่างหดหู่ “ก็ได้ครับ…”
รับปากแล้ว หลี่จ้วงจ้วงก็ออกไปดึงถุงปุ๋ยมา ไม่รู้ว่าเขาไปเอามาจากที่ไหน และตอนนี้เขาก็เอาถุงปุ๋ยไปคลุมร่างของไป๋อวี้ซิ่ว จากนั้นจึงค่อยก้มลงไปอุ้มเธอขึ้นมา
“โอ๊ย… แกทำอะไรเนี่ยไอ้สารเลว ไอ้บ้า!”
ไป๋อวี้ซิ่วทุบเอวหลี่จ้วงจ้วงด้วยกำลังทั้งหมด และกัดฟันพูดด้วยความเกลียดชัง
หลี่จ้วงจ้วงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ยังไงฉันก็เป็นคนสารเลวอยู่แล้วนี่ ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันมากหรอก!”
ไป๋อวี้ซิ่วตัวแข็งทื่อ แล้วหลี่จ้วงจ้วงก็พูดต่อ “ไม่ต้องห่วง ฉันใส่เธอไว้ในกระสอบแบบนี้ จะได้ไม่ไปแตะต้องตัวเธอโดยไม่ได้ตั้งใจไง!”
ไป๋อวี้ซิ่วถึงกับพูดไม่ออก
ส่วนเจียงหว่านอดก็ไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หลี่จ้วงจ้วงพาไป๋อวี้ซิ่วไปขึ้นรถ
แต่เมื่อเขาต้องวางเธอลง เขาก็ยังจำเป็นต้องแตะตัวไป๋อวี้ซิ่วอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากวางเธอลงแล้ว หลี่จ้วงจ้วงก็ดึงกระสอบออก แล้วเช็ดมืออย่างจงใจ ก่อนจะจากไปด้วยความรังเกียจ
ไป๋อวี้ซิ่วเห็นอย่างนั้นก็นิ่งอึ้งตาเบิกกว้าง และทำให้เจียงหว่านหัวเราะออกมาอีกครั้ง
หลี่จ้วงจ้วงที่ซื่อสัตย์และแสนดี ตอนนี้เขาแสดงสีหน้ารังเกียจอีกฝ่ายอย่างชัดเจน นั่นทำให้เจียงหว่านหัวเราะหนักมากจนปวดท้องไปหมด
เมื่อทุกคนขึ้นรถครบแล้ว เจียงเฉิงก็ขับตรงไปยังเมืองทันที
พอพวกเขามาถึงตัวเมือง รถก็จอดลงตรงทางเข้าบ้านของเจียงหว่านเป็นที่แรก
และตอนนั้นเอง ไป๋อวี้ซิ่วก็เอื้อมมือไปหาเฉียวเหลียนเฉิง “พี่เฉียว ขาฉันยังไม่หาย อุ้มฉันเข้าไปหน่อยสิ!”
ขณะพูด เธอก็มองไปที่เจียงหว่านอย่างผู้ชนะ คิดกับตัวเองว่าอีตาโง่คนนั้นไม่อยู่ที่นี่ เธออยากจะรู้นักว่ายัยนั่นจะให้ใครเข้ามาอุ้ม
เจียงหว่านแค่นหัวเราะ เธอลงจากรถ เดินมาเปิดประตูข้างไป๋อวี้ซิ่ว แล้วกระชากหล่อนออกมา ก่อนจะโยนลงไปที่พื้น
“แกทำบ้าอะไรฮะ นังอ้วน!” ไป๋อวี้ซิ่วไม่คาดคิดว่าจะถูกเจียงหว่านดึงอย่างแรง จนทำให้เธอเสียการทรงตัวและล้มลงกับพื้นแบบนี้
เจียงหว่านแค่นหัวเราะใส่ “หึ ถึงบ้านแล้ว เธอคงคลานเข้าไปเองได้!”
ไป๋อวี้ซิ่วจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธ “เธอทำแบบนี้กับฉันไม่ได้นะ นังอ้วน ถ้าแกกล้าทิ้งฉันไว้หน้าประตู ฉันจะไปค่ายทหารแล้วฟ้องแก”
“ฉันยอมตาย ถ้ามันสามารถทำให้แกกับพี่เฉียวไม่ได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต!”
เมื่อเจียงหว่านได้ยินเช่นนี้ เธอก็ถามว่า “เธอยังจะกล้าไปเหยียบค่ายทหารอีกเหรอ?!”
“อย่าลืมคำสารภาพที่เธอเขียนไว้สิ พอถึงเวลานั้น เธอแน่ใจเหรอว่าค่ายทหารจะลงโทษเฉียวเหลียนเฉิง? ไม่คิดว่าเขาจะบอกทุกคนเกี่ยวกับสิ่งที่เธอทำเลยเหรอ”
ไป๋อวี้ซิ่วถึงกับพูดไม่ออก
เจียงหว่านกล่าวต่อ “เธอเอาความตายของเธอมาขู่ฉันเหรอ? ก็ไม่ได้อยากจะดูถูกหรอกนะ แต่สภาพแบบนี้ ใครจะยอมเชื่อเธอกัน?”
”ถุ้ย!”
เจียงหว่านถ่มน้ำลาย ก่อนจะพูดว่า “ออกรถ!”
เพราะเรือนจำไม่ได้อยู่ในตัวตำบล พวกเขาจึงยังต้องเดินทางต่อไปอีกสักพัก
รถเร่งความเร็วออกไป ทิ้งไป๋อวี้ซิ่วนอนอยู่บนพื้นอย่างไม่แยแส และฝุ่นควันตลบอบอวลจากรถที่วิ่งออกไป ก็ทำให้เธอสำลักจนไอออกมา
ไป๋อวี้ซิ่วนอนอยู่บนพื้นด้วยความโกรธ จ้องมองรถที่จากไปด้วยดวงตาโกรธแค้น
“ยัยอ้วน รอก่อนเถอะ ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะทำให้แกอยู่ไม่ได้!”
เธอกรีดร้องออกมา แต่แล้วนั่นก็ทำให้สำลักฝุ่นอีกครั้ง เธอไอจนหน้าดำหน้าแดงอย่างน่าสงสาร
หลังจากไออยู่พักใหญ่ เธอก็กดเก็บความเกลียดชังทั้งหมดไว้ หันหลังกลับ และคลานเข้าไปในบ้านอย่างไม่เต็มใจนัก
ณ เรือนจำ
เมื่อเจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงมาถึง พวกเขาเห็นผิงอันกับอู่หยางนั่งอยู่ในห้องโถง
อู่หยางถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นพวกเจียงหว่าน “มาถึงสักที เข้ามาดูพวกเขาเร็ว!”
เจียงหว่านขมวดคิ้วสงสัย และถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
อู่หยางกล่าวว่า “มีเด็กสองคนในตำบลถูกพวกค้ามนุษย์ลักพาตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้สถานีตำรวจทั้งหมดจึงระดมกำลังเพื่อค้นหาเบาะแส”
“และเราบังเอิญไปเจอผิงอัน เขาบอกว่ามีคนตามเขามา และอยากจะจับเขา”
“เราเลยไปจับพวกนั้นไว้ แต่ปรากฏว่าพวกนั้นคือหลี่หงเหมยกับเฉียวเหลียนเย่ พวกเขาบอกว่าเป็นย่าและเป็นอาของผิงอัน”
“แต่ผิงอันบอกว่าไม่รู้จักสองคนนี้ และพวกเขาก็ไม่สามาถพิสูจน์ตัวตน เราจึงต้องขอให้คนในครอบครัวมาระบุตัวตนน่ะ!”
เจียงหว่านมองไปที่ผิงอัน
ทว่าผิงอันกลับหลบสายตาเธอ และมองไปทางอื่น
เมื่อเห็นแบบนี้ เฉียวเหลียนเฉิงก็พูดด้วยเสียงต่ำ “ผิงอัน”
ผิงอันสะดุ้งโหยง เขารีบวิ่งไปหาเจียงหว่านแล้วพูดว่า “แม่ ผมคิดถึงแม่มาก ผมจะไปรออยู่ข้างนอกนะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เด็กชายก็หันหลัง วิ่งหนีไปทันที
ทิ้งให้เฉียวเหลียนเฉิงกับเจียงหว่านมองหน้ากัน และเหมือนพวกเขาจะเดาอะไรบางอย่างได้
อู่หยางเป็นคนฉลาด เขาจึงเพียงมองดูคร่าว ๆ แล้วพูดอย่างเร่งรีบ
“ตอนนี้สองคนนั้นยังอยู่ในเรือนจำ คุณไปดูสิ ยืนยันตัวตนและเซ็นชื่อได้เลย แล้วผมจะปล่อยพวกเขา”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้าและกำลังจะเข้าไป แต่เจียงหว่านกลับหยุดเขาไว้
“ให้ฉันไปดูดีกว่า นายยังบาดเจ็บอยู่ เพราะงั้นรอฉันที่นี่แหละ”
เฉียวเหลียนเฉิงสับสน เขาได้รับบาดเจ็บก็จริง แต่ก็เจ็บแค่แขนซ้าย มันเกี่ยวอะไรกัน?
แต่เจียงหว่านไม่ให้โอกาสเขาปฏิเสธหรือตั้งคำถาม เธอเดินตามอู่หยางเข้าไปเสียแล้ว
ภายในเรือนจำ ผู้ต้องหาชายและหญิงจะถูกแยกกันไปทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
พวกเขาไปยังห้องขังทางขวาก่อน ซึ่งเป็นห้องขังของผู้ต้องหาหญิง
ทันทีที่เข้าไป เจียงหว่านก็เห็นผู้หญิงหลายคนถูกขังอยู่ในห้องเดียวกันเล็ก ๆ
และหนึ่งในนั้นก็คือ หลี่หงเหมย
หลังจากไม่ได้เจอกันมาหลายวัน หลี่หงเหมยดูซีดเซียวและมีท่าทางกระสับกระส่าย ผมเพ้ายุ่งเหยิง นอกจากนี้ยังมีรอยฟกช้ำที่ตาและปากด้วย ดูเหมือนว่าจะถูกทุบตีมาพอสมควรเลย
พอหลี่หงเหมยเห็นเจียงหว่าน เธอก็รีบลุกขึ้นยืน และตะโกนเสียงดัง “นังอ้วน นังสารเลว พาฉันออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ดูเหมือนว่าสถานกักกันแห่งนี้จะไม่ได้สอนให้หลี่หงเหมยเป็นคนที่ดีขึ้นเลย ตอนนี้ปากเธอก็ยังไม่สงบเหมือนเดิม
เจียงหว่านเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย้ยหยัน จากนั้นหันไปถามอู่หยางว่า “นายอยากให้ฉันรู้จักใครล่ะ”
อู่หยางชี้ไปที่หลี่หงเหมย “คุณรู้จักเธอไหม”
เจียงหว่านมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า
แล้วเธอก็เงียบ!
หลี่หงเหมยลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบ เธอวิ่งมาที่ประตูห้องขัง คว้าประตูห้องขังด้วยมือทั้งสอง แล้วตะโกนลั่น
“นังอ้วน รีบบอกเขาไปสิว่าฉันเป็นแม่สามีของแก แล้วบอกให้เขาปล่อยฉันออกไปสักที!”
เนื่องจากความวิตกกังวลและร้อนรนใจ หลี่หงเหมยเขย่าประตูห้องขังไปมาจนเกิดเสียงดังลั่น
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำดูดุร้ายและน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม
เจียงหว่านแกล้งทำเป็นตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เอามือทาบหน้าอกอย่างเกินจริง หันไปหาอู่หยางแล้วพูดว่า
“คนนี้น่ากลัวจัง เธอคงเป็นคนที่ชั่วช้ามาก”
”แม่สามีของฉันชื่อหลี่หงเหมย เธอเป็นผู้หญิงอ่อนโยนและสง่างาม ยิ่งไปกว่านั้นแม่สามียังเรียกฉันว่า ‘หว่านหว่านที่รัก’ จะเป็นผู้หญิงที่ชั่วร้ายแบบนี้ได้ยังไง!”
หลี่หงเหมยอึ้ง
อู่หยางเองก็พูดไม่ออก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อู่หยางกับเจียงหว่านเจอกัน ทว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจียงหว่านที่เขารู้จักสามารถแสดงท่าทางหวาดกลัวแบบนี้ได้?
โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย มันฟังดูแปลกสำหรับเขามาก ๆ จนน่าอึดอัดไปหมด!
ขนาดอู่หยางยังตกใจกับคำพูดเหล่านี้ของเธอ อย่างนั้นก็ไม่ต้องพูดถึงหลี่หงเหมยเลย
เธอมองเจียงหว่านอย่างตกตะลึงและถามด้วยความไม่เชื่อ “แก…แกพูดว่าอะไรนะ พูดอีกครั้งซิ!”
เมื่อเจียงหว่านได้ยินสิ่งนี้ เธอก็แสดงท่าทางรังเกียจ “ดูสิ คนคนนี้ไม่ใช่แค่ดุร้ายนะ แต่เธอยังหูหนวกอีกต่างหาก เธอไม่ใช่แม่สามีของฉันแน่ ๆ ฉันไม่รู้จักเธอหรอก!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เจียงหว่านก็หันหลังกลับ และเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก!