เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 243 เฉียวเหลียนเฉิงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจริง ๆ!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 243 เฉียวเหลียนเฉิงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจริง ๆ!
บทที่ 243 เฉียวเหลียนเฉิงเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพจริง ๆ!
เจียงหว่านทำตามแบบไม่ต้องคิด
แม้ทุกอย่างดูเหมือนจะเชื่องช้ามาก แต่มันกลับเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที
ตั้งแต่ตอนที่เขาวิ่งไปแทงหมูป่า จนกระทั่งคว้าเจียงหว่านไว้และบอกให้เธอกระโดด มันก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น
เมื่อหมูป่าล้มตัวลงและถูกเตะกระเด็นออกไป เจียงหว่านก็กระโดดลงมาจากตัวมัน และถลาเข้าไปในอ้อมแขนของเฉียวเหลียนเฉิง
แม้ทั้งสองจะเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว แต่พวกเขาก็ยังคงล้มลงไปกับพื้น และขณะที่กำลังจะกระแทกพื้น เฉียวเหลียนเฉิงก็รีบพลิกตัว ปรับตำแหน่งให้ตนอยู่ข้างล่าง
เพื่อปกป้องเจียงหว่านจากอันตราย!
จากตรงนี้ไม่ไกลนัก หลี่จ้วงจ้วงกับเสี่ยวไช่กำลังรีบวิ่งเข้ามา พวกเขาถึงกับมึนงงเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
มู่เหย่ที่ติดตามเข้ามาด้วยถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เฉียวเหลียนเฉิงเจ๋งชะมัด สมแล้วที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพ”
“แม้มีแขนแค่ข้างเดียวแต่ยังเก่งกว่าพวกเราที่มีแขนสองข้างเสียอีก”
ทุกคนต่างเงียบพูดอะไรไม่ออกกับความคิดของมู่เหย่
เสิ่นหรูเหมยเองก็ตามมาด้วย
เดิมทีเสิ่นหรูเหมยทั้งกังวลและหวาดกลัว โดยเฉพาะตอนที่เธอกลับมา และเห็นเจียงหวานเกาะอยู่บนตัวหมูป่า เธอตกใจมากจนหน้าซีดเผือด
ตอนนี้เจียงหว่านได้รับการช่วยเหลือแล้ว เธอจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้สักที
เมื่อผ่อนคลายความเครียดลง จู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงเสียงคำรามในหัว และร่างกายก็ดูเหมือนจะร้อนขึ้นเล็กน้อย
เธออดไม่ได้ที่จะเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผาก และส่ายหัวที่กำลังวิงเวียนไปมา
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอเห็นเฉียวเหลียนเฉิงลุกขึ้นจากพื้น และกำลังอุ้มเจียงหว่านไว้ในอ้อมแขนของเขา
เนื่องจากล้มลงจนมีรอยขีดข่วน เสื้อผ้าของเขาฉีกขาด
ภายใต้ผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง กล้ามเนื้อสีเข้มบางส่วนถูกเผยออกมา แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเจ้าของร่างกาย
ความรู้สึกที่กำลังระเบิดอย่างรุนแรงทำให้หัวใจของเสิ่นหรูเหมยเต้นแรงตามไปด้วย และความร้อนในร่างกายก็ยิ่งแย่ลงไปอีก จนเธออดไม่ได้ที่จะอยากรีบเข้าไปกอดเขา
ความคิดนี้ทำให้หัวใจสั่นไหว เสิ่นหรูเหมยส่ายหัวแรง ๆ และในที่สุดจิตใจก็ปลอดโปร่งได้ชั่วขณะหนึ่ง
แต่ดูเหมือนเธอจะนึกถึงอะไรบางอย่างได้ เธอมองไปที่แก้วน้ำหวานที่ตกอยู่ไม่ไกล มันยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แม้จะถูกเหยียบ
ตอนนี้ดูเหมือนเธอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
ดวงตาของเสิ่นหรูเหมยหรี่ลง เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่น จนเกิดรอยห้อเลือดขึ้น
แต่ความเจ็บปวดนี้ก็ช่วยทำให้เธอมีสติ
เสิ่นหรูเหมยหันมองมู่เหย่ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ฉันมีเรื่องนิดหน่อย ขอกลับก่อนนะ ฝากจัดการตรงนี้ด้วยล่ะ!”
และก่อนมู่เหย่จะได้ตอบตกลง เสิ่นหรูเหมยก็วิ่งไปแล้ว ราวกับเธอกำลังหนีบางอย่าง
มู่เหย่เกาหัวงุนงง เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับเธอ แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่ามีอะไรผิดปกติ
ตอนนี้เฉียวเหลียนเฉิงและเจียงหว่านลุกขึ้นมาแล้ว หลังจากตรวจดูเบื้องต้น พบว่ามีรอยขีดข่วนเพียงเล็กน้อยบนร่างกายของทั้งสอง ไม่มีอะไรร้ายแรงนัก
เฉียวเหลียนเฉิงมองดูเจียงหว่านอย่างลึกซึ้ง ท่าทางแบบนี้ดูซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก!
“รอผมก่อนนะ ผมจะจัดการกับเจ้าหมูป่านั่น”
เจียงหว่านตอบรับ รู้สึกว่าเฉียวเหลียนเฉิงกำลังโกรธ แต่ทำไมเขาถึงโกรธล่ะ?
ครั้งนี้เธอไม่ได้ก่อปัญหาใด ๆ เธอแค่บังเอิญโดนหมูป่าไล่ตาม และมันไล่ตามเธอเองนะ
เธอยืนนิ่ง ๆ อย่างเชื่อฟัง ในขณะที่เฉียวเหลียนเฉิงเดินไปทางหมูป่า
หมูป่าที่กระแทกเข้ากับต้นไม้ยังคงเวียนหัว ทั้งยังมีมีดปักอยู่ตรงหัวของมันด้วย ทำให้มันไม่สามารถลุกขึ้นได้เลย แม้จะพยายามตะเกียกตะกายหลายครั้งก็ตาม
เฉียวเหลียนเฉิงเดินเข้าไปเหยียบหัวของมัน แล้วดึงมีดออกมา
โชคดีที่เมื่อคืนมู่เหย่นอนดึก ทำให้เขาตื่นสายและพลาดรถขนส่งจากฟาร์มไปค่ายทหาร
เขาจึงต้องอยู่ต่ออีกหนึ่งวัน พอเกิดเหตุ เขาก็ให้ยืมมีดสั้นเล่มนี้ได้ทันท่วงที
ไม่อย่างนั้นเฉียวเหลียนเฉิงคงไม่สามารถช่วยเจียงหว่านได้อย่างแน่นอน
มีดถูกดึงออกมา เจ้าหมูป่าโหยหวนคำราม เฉียวเหลียนเฉิงใช้โอกาสนี้แทงมันอีกสองสามครั้ง
เขาไม่หยุดแทงจนกระทั่งหมูป่าแน่นิ่ง
หมูป่าตายแล้ว ส่วนหมูบ้านที่เหลือวิ่งเล่นไปทั่วไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
เสี่ยวไช่และคนอื่น ๆ จึงช่วยกันจัดการที่เหลือ
เฉียวเหลียนเฉิงยื่นมีดให้มู่เหย่ “นี่คืนนาย ขอบคุณมากนะ”
มู่เหย่รับมันมาดู และพบว่ามีดไม่บุบสลายเลย เพียงแต่เปื้อนเลือดเท่านั้น นับเป็นสมบัติที่ล้ำค่าจริง ๆ!
เขาตัดสินใจแล้วว่าต่อให้สิ่งนี้จะไม่มีสัญลักษณ์ของห้าตระกูล เขาก็จะเก็บมันไว้เป็นมรดกตกทอดของครอบครัว
ไม่มีทางขายเด็ดขาด!
หลังจากเฉียวเหลียนเฉิงคืนมีดแล้ว เขาก็หันกลับมา เดินไปหาเจียงหว่าน คว้าข้อมือของเธอไว้ แล้วพากลับไปด้วยกัน
ก่อนออกไปเขาขอให้เสี่ยวไช่พาคนไปจัดการคอกหมูให้เรียบร้อย
“แล้วหมูป่าตัวนี้ล่ะ” เสี่ยวไช่ถาม
เฉียวเหลียนเฉิงตอบโดยไม่หันกลับไปมอง “ส่งคืนให้คนในหมู่บ้านนายพราน”
พูดจบไม่ทันไร ตัวของเขาก็หายไปแล้ว
เจียงหว่านเกือบจะถูกเฉียวเหลียนเฉิงดึงจนล้ม แม้ว่าเธอจะรู้สึกโกรธ แต่แรงที่เขาใช้ดึงเธอก็ยังนับว่าอ่อนโยนมาก
ดูเหมือนเฉียวเหลียนเฉิงจะกลัวว่าถ้าออกแรงมากเกินไป เขาจะทำเธอเจ็บ
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เฉียวเหลียนเฉิงก็ดึงเจียงหว่านเข้ามา และปิดประตูแน่น
“ให้ผมดูอาการบาดเจ็บของคุณหน่อย” นี่เป็นสิ่งแรกที่เฉียวเหลียนเฉิงพูดเมื่อเข้ามา
เจียงหว่านรีบก้มมองดูเสื้อผ้าของตัวเอง มันแทบไม่มีความเสียหายเลย และถึงจะมี มันก็ไม่ได้แย่เท่ากับของเฉียวเหลียนเฉิงด้วยซ้ำ
”ฉันไม่ได้เจ็บอะไร” เธอบอก
ก่อนจะกล่าวเสริมอีกว่า “ฉันพอหนีทัน แต่ถ้านายไม่มา ฉันก็คงได้รับบาดเจ็บไปแล้ว”
เฉียวเหลียนเฉิงใบหน้าบูดบึ้ง เขากัดฟันแน่นทันที “คุณก็รู้ว่ามันอันตรายมาก และจะได้รับบาดเจ็บ”
มีแค่พระเจ้าที่รู้ว่าเขารู้สึกกังวลและตื่นตระหนกขนาดไหน เมื่อเข้าไปในฟาร์มหมู เขาเห็นหมูป่าวิ่งอย่างบ้าคลั่ง และเจียงหว่านก็อยู่บนหลังของมัน
นั่นมันหมูป่า พอมันคลั่งก็อันตรายถึงชีวิต แต่ผู้หญิงคนนี้กลับกล้าไปขี่หมูป่าได้ยังไง?
เธอไปเอาความกล้าขนาดนั้นมาจากที่ไหนกัน?
เจียงหว่านหัวเราะเบา ๆ “ฉันก็ไม่อยากทำแบบนั้น แต่ฉันถูกหมูป่าตัวนั้นไล่ต้อนนี่”
“ฉันต้องวิ่งไปเรื่อย ๆ แถมในฟาร์มก็ไม่มีที่ซ่อนเลย ทำได้แค่นั้นแหละ”
“อีกอย่าง ฉันมั่นใจว่านายจะมาช่วย ฉันบอกนายแล้วไม่ใช่เหรอ ว่านายคือผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของฉัน? มีนายอยู่ ฉันก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!”
คำพูดของเจียงหว่านทำให้เขารู้สึกโล่งใจในทันที และถึงกับหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
มีเสือสาวผู้แข็งแกร่งเป็นเมียแบบนี้ จะให้ทำยังไงล่ะ
ทำได้แค่คอยตามใจเธอเท่านั้นแหละ!
เมื่อเห็นคิ้วของเฉียวเหลียนเฉิงคลายลงแล้ว เจียงหว่านก็รู้ว่าความโกรธของเขาลดลงด้วย
ก่อนที่เธอจะพูดอะไรต่อ เฉียวเหลียนเฉิงก็โอบแขนไว้รอบเอวของเธอ แล้วดึงเข้าไปในอ้อมแขน
เจียงหว่านพยายามดิ้นหนี แต่แขนของเฉียวเหลียนเฉิงโอบรอบตัวเธอไว้แน่น
เขาวางคางบนไหล่ของเธอ สูดกลิ่นหอมที่คุ้นเคย ในที่สุดหัวใจก็สงบลงแล้ว
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ผมรู้ว่าคุณกล้าหาญ แต่ยังไงคุณก็ยังเป็นคนธรรมดา ต่อไปถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ผมอยากให้คุณนึกถึงผมเป็นคนแรก”
“แม้ผมจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“แต่ว่าหว่านหว่าน ครั้งต่อไปถ้าคุณตกอยู่ในอันตราย คุณต้องให้ความสำคัญกับตัวเองมากที่สุด”
“ผมกลัวว่าผมจะไปหาคุณได้ไม่ทันทุกครั้ง”