เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 242 ในยามวิกฤติ เฉียวเหลียนเฉิงมักจะมาช่วยเธอเสมอ!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 242 ในยามวิกฤติ เฉียวเหลียนเฉิงมักจะมาช่วยเธอเสมอ!
บทที่ 242 ในยามวิกฤติ เฉียวเหลียนเฉิงมักจะมาช่วยเธอเสมอ!
“แบบนี้มันไม่ปกติแล้ว!” เจียงหว่านตระหนักถึงสิ่งผิดปกติ เธอรีบกวาดตามองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากไม้ค้ำในมือ
เฉียวเหลียนเฉิงมาส่งเธอ แล้วก็ไปทุ่งผัก เท่ากับว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่
เจียงหว่านพูดกับเสิ่นหรูเหมย “เธอวิ่งไปตามกำแพงตรงนั้นไปทางประตูนะ จำไว้ว่าต้องวิ่งให้ไว แล้วก็ต้องเงียบที่สุดอย่าให้รบกวนมัน พอออกไปได้แล้วให้ไปหาเหล่าเฉียว และตามคนอื่น ๆ มาช่วย”
“ฉันรู้สึกว่าหมูป่าตัวนี้ผิดปกติ ฉันกลัวว่ามันจะไม่ง่ายอย่างที่เราคิดแล้ว”
เฉิ่นหรูเหมยได้ยินอย่างนี้ ก็พูดอย่างกังวล “แล้วพี่ล่ะ!”
เจียงหว่านหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ฉันจะอยู่ที่นี่คอยจับตาดูมัน และฉันจะได้ช่วยดึงดูดความสนใจของมันได้ ถ้ามันวิ่งไล่เธอไป และถ้าเธอยังอยู่นี่ ฉันก็จะยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้มันมุ่งความสนใจไปที่หมูพวกนั้นแล้ว เธอรีบไปเร็วเข้า!”
เสิ่นหรูเหมยรับปาก แม้ว่าขาจะอ่อนเปลี้ยจากความกลัว แต่เธอก็รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้วในการหากำลังเสริม
เสิ่นหรูเหมยกัดฟันปีนลงจากกำแพงด้วยความมุ่งมั่น แล้วเดินเลียบกำแพงไปยังประตู พอใกล้จะถึงประตูแล้ว เธอก็วิ่งไปทันที
แต่เพราะแรงขาใกล้จะหมดลง
และไม่รู้ว่าเท้าอ่อนเกินไปหรือโชคไม่ดี ขณะที่อยู่ห่างจากประตูเพียงสิบเมตร ข้อเท้าก็ดันมาพลิก จนทำให้ล้มลงกับพื้น
“อ้า!” เสิ่นหรูเหมยอุทาน
พลันเสียงของเธอก็ทำให้หมูป่าตื่นตระหนก
เดิมเจ้าหมูป่ากำลังแสดงพละกำลังของมันอยู่ แต่เมื่อได้ยินเสียงอุทาน มันก็หันขวับ และเมื่อเห็นเสิ่นหรูเหมยล้มลง…
มันหยุดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้น ทำจมูกฟุดฟิดสูดดม พลันก็พุ่งตัววิ่งเข้าหาเสิ่นหรูเหมย
เจียงหว่านที่จับตาดูเจ้าหมูอยู่หน้าซีดเผือดทันที เธอรีบตะโกนเตือน “วิ่ง!”
เสิ่นหรูเหมยพยายามลุกขึ้น เธอซวนเซไปที่ประตูอย่างล้มลุกคลุกคลาน
และช่วงขณะที่หมูป่ากำลังจะพุ่งไปหาเสิ่นหรูเหมย จู่ ๆ ก็มีไม้ค้ำถูกโยนมาจากทิศทางหนึ่งและกระแทกใส่ตัวมัน
ไม้ค้ำค่อนข้างแม่นยำ ตกลงฟาดก้นเจ้าหมูป่าอย่างจัง
ถ้าถามว่าส่วนอ่อนแอที่สุดของหมูป่าคือส่วนไหน? คำตอบคือ นอกจากตา ก็น่าจะอยู่ใต้หาง
ไม้นี้แม่นมาก และแม้แต่หมูป่าก็ไม่ชอบถูกแหย่ข้างหลัง!
เจ้าหมูป่าคำรามหงุดหงิด มันหยุดนิ่ง พริบตาก็หันขวับมองเจียงหว่าน
เจียงหว่านยังคงอยู่บนกำแพง และยังค้างอยู่ในท่าขว้างไม้ค้ำออกไป
หมูป่าโกรธมาก มันเปลี่ยนทิศทางวิ่งมาหาเจียงหว่านอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาแดงก่ำ
เจียงหว่านขยับขา ออกวิ่งไปตามกำแพงเล็ก ๆ ทันที
ทว่าวิ่งไปได้ไม่ไกล เธอก็ได้ยินเสียงดังกึกก้อง
เมื่อหันกลับไปมอง ภาพที่เห็นทำให้เธอขนลุกซู่ กำแพงถูกหมูป่าทำลายตามหลังเจียงหว่านมาไม่ไกล
หมูป่าตัวนี้ดูเหมือนจะดุร้ายและคลุ้มคลั่งมากกว่าอะไร ๆ ที่เธอเคยเผชิญหน้ามาก่อน
ท่าทางแบบนี้เหมือนกับสัตว์ร้ายที่ได้รับยา แต่ไม่สามารถระบายออกมาได้
ความคิดนี้ทำให้หัวใจเจียงหว่านกระตุกวาบไปชั่วขณะ
แต่เธอยังไม่มีเวลาคิดอะไรมากนัก เธอทำได้เพียงวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อเห็นหมูป่าทำลายกำแพงเล็ก ๆ เหล่านั้นตามหลังมา เธอก็เปลี่ยนไปวิ่งบนพื้นแทน
หมูป่ายังคงไล่ล่าหญิงสาวอย่างบ้าคลั่ง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เจียงหว่านวิ่งเข้าไปหาฝูงหมู หวังว่าแม่หมูสักตัวจะช่วยดึงดูดความสนใจหมูป่าได้
แต่น่าเสียดาย ไม่รู้ว่าเจ้าหมูป่าเกลียดอะไรเจียงหว่านนัก หรือหญิงสาวมีเสน่ห์มากเกินไปก็ไม่ทราบ
เจ้าหมูป่าเพิกเฉยต่อแม่หมูทั้งหมด
เหล่าแม่หมูทั้งหลายดึงดูดความสนใจเจ้าหมูป่าไม่ได้เลยสักนิด ซ้ำร้ายเจ้าหมูป่าที่วิ่งลงมายังทำให้หมูในคอกแตกกระเจิงอีก
หมูตัวเล็กและตัวใหญ่วิ่งกันให้วุ่นไปทั่ว
เสียงคำรามและเสียงกรีดร้องของพวกหมูดังระงม!
หลังจากนั้น…
เจียงหว่านก็รู้สึกเหมือนจะหมดสติขณะที่กำลังวิ่ง ตลอดชีวิต เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้
ไม่ต้องพูดถึงการเผชิญหน้ากับหมูป่าเป็น ๆ แม้แต่เขียน เธอก็ไม่กล้าเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แม้ว่าจะมีอาชีพเป็นนักเขียนก็ตาม!
หลังจากวิ่งถ่วงเวลารอคนมาช่วยอยู่พักใหญ่ เจียงหว่านก็เริ่มเหนื่อยล้า
ฟาร์มหมูทั้งฟาร์มใหญ่มาก แต่เธอจะไปซ่อนที่ไหนได้กัน?
ถ้าเธอปีนขึ้นไปบนกำแพงอีก เจ้าหมูป่าบ้าก็จะทำลายฟาร์มทั้งหมด
และหากเธอก้าวช้า ๆ เจ้าหมูป่าที่อยู่ข้างหลังก็จะรีบวิ่งเข้าหา
คราวนี้เจียงหว่านโกรธจนตัดพ้อในใจว่า ‘ให้ตายเถอะ วิ่งไม่ไหวแล้ว!’
สิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตคือความตาย แต่เธอไม่กลัวความตาย แล้วเธอจะกลัวอะไรอีก?
เมื่อนึกได้แบบนี้ เจียงหว่านก็หยุดเดิน และหันจ้องเจ้าหมูป่าทันที
เมื่อเห็นหมูป่าพุ่งเข้ามาหา เจียงหว่านก็ไถลไปด้านข้าง เธอหลบได้เพียงฉิวเฉียด แทบจะเลี่ยงไม่พ้น
แต่เจียงหว่านมีสติดีมาก เธอเอื้อมมือไปคว้าหูของหมูป่าไว้ข้างหนึ่ง พลันกระโดดขึ้นไปบนหลังของมันอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวเคลื่อนไหวเร็วมากจนเกือบจะเกาะหลังหมูป่าได้แล้ว มือทั้งสองข้างคว้าหูมันเอาไว้ และถือโอกาสเอาขาซุกรัดไว้ใต้ท้องหมู
หมูป่าในภูเขามักจะสีตัวเองกับต้นสน ชั้นผิวหนังที่โดนขัดจะสะสมไว้ตามร่างกาย
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมขนของพวกมันจึงหยาบกร้านและหนา ไม่สามารถเข้าถึงเนื้อจริง ๆ ได้
โชคดีที่หมูป่าตัวนี้อายุเพียงหนึ่งปี แถมในหุบเขามีต้นสนไม่มาก มันจึงไม่ได้สีตัวมากนัก
เจียงหว่านจึงเจาะเล็บเข้าไปในหูหมูได้ ทำให้สามารถรักษาการทรงตัวได้ชั่วขณะ
แต่ก็ได้แค่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรแล้ว แม้ว่าหมูป่าจะพลิกตัว และวิ่งชนไปทั่ว แต่ก็ยังดีกว่าวิ่งอยู่หน้ามัน และถูกเจ้านี่พุ่งชนจนไส้แตก
เธอโน้มตัวไปบนหลังหมูป่าโดยไม่สนใจสิ่งใด
เจ้าหมูป่ากำลังโกรธ เมื่อเวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ สัญชาตญาณบอกให้มันกำจัดเจียงหว่านที่อยู่บนหลังออกไปให้ได้
ครู่ต่อมามันจึงกระโดดอยู่กับที่ กระโดดขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่แบบนั้น
แต่ไม่มีอะไรทำอันตรายเจียงหว่านได้
เมื่อเจ้าหมูป่าโกรธจนบ้าคลั่ง ทันใดมันก็เห็นต้นไม้ใหญ่อยู่ไม่ไกล ต้นไม้ต้นนั้นหนาพอ ๆ กับเอวของเจียงหว่าน
หมูป่าต้องการฟาดตัวเองเข้ากับต้นไม้ใหญ่ให้เต็มกำลังด้วยความโกรธ
มันก้มหน้าลง เตรียมพุ่งชนต้นไม้ หวังให้หญิงสาวบนหลังออกไป
หากเกิดขึ้นจริง เจียงหว่านอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัส หรืออาจจะตายไปเลยก็ได้
เจียงหว่านที่กำลังหรี่ตามองอยู่มากตั้งแต่แรก เริ่มเห็นต้นไม้ใหญ่เคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเดาได้ทันทีว่าเจ้าหมูป่าต้องการจะทำอะไร
รูม่านตาของหญิงสาวหดตัวลงอย่างกะทันหัน และดวงตาก็เบิกกว้าง
เจ้าหมูป่าตอนนี้เคลื่อนที่เร็วเกินไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเธอปล่อยมือและกระโดดลงจากหลังมันจะบาดเจ็บขนาดไหน เพราะเธอต้องถูกมันเหยียบแน่นอน และเธอจะไม่ยอมโดนเหยียบเด็ดขาด
เธอจะกระโดดลงไปไม่ได้เด็ดขาด หากขึ้นหลังเสือแล้วจะลงไม่ได้!
เมื่อเห็นต้นไม้ใหญ่ใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เจียงหว่านก็กลัวมากจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวดังออกมา
”ไอสัตว์ร้าย!”
เสียงนี้เป็นเสียงของเฉียวเหลียนเฉิง
เจียงหว่านหันศีรษะไปมองอย่างมีความหวัง เธอเห็นเฉียวเหลียนเฉิงวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า แสงสว่างสีเงินส่องประกายมาจากมือของเขา และแทงเข้าที่ดวงตาหมูป่าอย่างแรง
พลั่ก!
เฉียวเหลียนเฉิงรวดเร็วมาก และมีดในมือของเขาก็คมมากไม่ต่างกัน คมมีดแทงทะลุดวงตาของหมูป่า
หมูป่าเจ็บปวดมาก มันล้มลงและไถลไปด้านข้างจนกระแทกเข้ากับต้นไม้ใหญ่
ช่วงขณะที่เฉียวเหลียนเฉิงแทงมีดเข้าไป เขาก็ปล่อยมีดและเอื้อมมือไปคว้าแขนเจียงหว่านไว้
“หว่านหว่าน กระโดด!”