เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 238 ต้องรู้สึกยังไงที่งูไต่ขณะหลับอยู่
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 238 ต้องรู้สึกยังไงที่งูไต่ขณะหลับอยู่
บทที่ 238 ต้องรู้สึกยังไงที่งูไต่ขณะหลับอยู่?
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบ แม้คำตอบจะดูคลุมเครือ แต่ก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจอย่างอธิบายไม่ถูก!
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนคิดถึงเขาและแบ่งปันให้เขาเวลาได้กินอาหารอร่อย ๆ
นี่คือความรู้สึกเวลาที่ได้รับการดูแลและถูกรักใช่ไหมนะ?
ชายหนุ่มหยิบขาหมูขึ้นมากัด มันนุ่ม เหนียว หวาน และอร่อยมาก
ทว่าก่อนที่ทั้งสองจะกินข้าวเสร็จ ก็มีเสียงดังขึ้นอยู่ไม่ไกล
เจียงหว่านมองไปตามเสียง “นั่นบ้านของเสิ่นหรูเหมยใช่ไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงฮึมฮัมในลำคอ และไม่อยากหันไปมอง
ไม่ต้องสงสัยเลย ทุกคนรู้ดีว่าต้องเป็นไป๋อวี้ซิ่วจอมปีศาจแน่!
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงทุบจานชามดังขึ้นอีก
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้ว จานชามในฟาร์มล้วนเป็นของรัฐ และมีค่ามาก!
จะมาทำลายง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง?
เขากัดขาหมูไปสองสามคำ สุดท้ายก็พูดว่า “กินข้าวไปก่อนนะ ผมจะไปดูเอง”
แต่เจียงหว่านกินเสร็จแล้ว เธอพูดอย่างกระตือรือร้น “ฉันไปด้วย ไป๋อวี้ซิ่วร้ายกาจจะตาย นายจัดการเธอไม่ได้หรอก”
เฉียวเหลียนเฉิงคิดตาม …อืม คนแบบนั้นต้องเจอคนแบบเจียงหว่านจริง ๆ
“คุณเอาไม้ค้ำไปด้วยนะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็เก็บชามและตะเกียบ โอบแขนรอบเอวเจียงหว่าน แล้วประคองเธอเดินออกไปด้วยกัน
“นี่นายมากอดฉันทำไม บอกให้ฉันเอามาค้ำมาไม่ใช่เหรอ!” เจียงหว่านถึงกับประหลาดใจ เพราะคิดว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะให้เธอเดินมาด้วยตัวเอง
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าวว่า “ผมพาคุณไปได้ทุกที่ ผมแค่ให้คุณเอาไม้ค้ำไปด้วยเผื่อเอาไว้ตีคน มือของคุณจะได้ไม่เจ็บไง”
เจียงหว่านถึงกับเก็บรอยยิ้มไว้ไม่อยู่ อีตาบ้านี่!
เมื่อทั้งสองเดินเข้ามา ไป๋อวี้ซิ่วกำลังสร้างปัญหา เธอกำลังทำลายข้าวของทุกอย่างที่ขวางหน้า
เสิ่นหรูเหมยยืนอยู่ตรงประตู ท่าทางทำอะไรไม่ถูก
เมื่อเห็นพวกเจียงหว่านมา ไป๋อวี้ซิ่วก็รีบทักทายว่า “ไง เสียงดังรบกวนพวกเธอหรือเหรอ?”
เจียงหว่านถามกลับ “เธอคิดจะสร้างปัญหาอะไรอีก?!”
เสิ่นหรูเหมยยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ อย่างเย้ยหยัน แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความดูถูก ตอบกลับแทนอีกฝ่าย
“ผู้หญิงคนนี้ไม่พอใจกับอาหารที่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าจมูกของเธอทำงานได้ดีมาก ถึงกับได้กลิ่นขาหมูตุ๋นมาแต่ไกลแน่ะ”
“เธออยากกินขาหมู แต่พอฉันบอกว่าไม่มี เธอก็เริ่มอาละวาด”
ไป๋อวี้ซิ่วได้ยินอย่างนั้นก็ตะโกนด้วยความโกรธ
“พี่คะ คนพวกนี้รังแกฉัน ให้ฉันกินแต่อะไรก็ไม่รู้”
ไป๋อวี้ซิ่วชี้ไปที่ผัดกะหล่ำปลีบนพื้นแล้วโวยวาย
อาหารในกองทัพแบบนี้ถือว่าดีแล้ว แม้ว่าจะเป็นซาลาเปา แต่อย่างน้อยมันก็ไม่ใช่ซาลาเปาแป้งข้าวโพดที่เจียงหว่านได้กินเมื่อมาถึงครั้งแรกด้วยซ้ำ
เฉียวเหลียนเฉิงเหลือบมอง และก้มลงหยิบซาลาเปาก้อนสีขาวที่อยู่บนพื้นขึ้นมา
“ฉันแนะนำให้กินมันซะ นี่คืออาหารของกองทัพเรา ถ้าเธอไม่กิน รับรองได้เลยว่าคราวหน้าจะไม่ได้กินอะไรอีก”
“แต่ถ้าอยากอดตาย! ฉันก็จะไม่ห้าม!”
เสิ่นหรูเหมยที่อยู่ด้านข้างเห็นเจียงหว่านยังคงยืนอยู่ และจึงกำลังจะขยับเก้าอี้ไปให้หญิงสาว
ทว่าเจียงหว่านส่ายหัว เธอขยับเข้าไปข้างใน และกำลังจะไปนั่งลงบนเตียง
เสิ่นหรูเหมยเห็นอย่างนั้นก็กล่าวเตือน “ถ้าเธอโกรธและทำร้ายพี่ล่ะ!”
เจียงหว่านส่ายไม้ค้ำยันในมือ “ไม่ต้องกลัว”
เสิ่นหรูเหมยเข้าใจได้ในทันที เธอจึงรีบก้าวไปช่วยประคองพี่สะใภ้นั่งบนเตียง
เมื่อไป๋อวี้ซิ่วเห็นเจียงหว่าน เธอก็กัดฟันด้วยความโกรธ
“พี่กำลังพูดไร้สาระ พี่บอกว่านี่คือสิ่งที่ทหารกินเหรอ แต่ทำไมยัยนี่ถึงกินขาหมูได้ล่ะ? ฉันเห็นมันกับตานะ!”
เจียงหว่านประหลาดใจเล็กน้อย เธอลองมองไปทางบ้านของเธอจากทางหน้าต่าง จึงเข้าใจว่าคนจากตรงนี้สามารถเห็นสถานการณ์ทุกอย่างของบ้านเธอได้
แต่ระยะไกลขนาดนี้ เธอยังเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นขาหมู สายตาค่อนข้างดีที่เดียว
เฉียวเหลียนเฉิงเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเย็นชา “ใช่ หว่านหว่านกินขาหมู แต่เพราะเธอเป็นเมียของฉัน และฉันซื้อขาหมูนั่นมาด้วยเงินของฉันเอง”
เจียงหว่านพูดเสริม “อ้อ ฉันไม่ได้กินแค่ขาหมูนะ ข้าวขาวก็มี และถ้าเธออยากกิน เธอก็ไปหาผู้ชายมาซื้อให้สิ!”
ใบหน้าอันบอบบางของไป๋อวี้ซิ่วถึงกับเปลี่ยนสี “เหลวไหล เฉียวเหลียนเฉิงเป็นคนของฉัน!”
ทันทีที่พูดจบ เจียงหว่านก็ยกไม้ค้ำในมือขึ้นชี้หน้าอีกฝ่าย
“เธอกำลังฝันอะไรอยู่”
เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินจากการสร้างปัญหาในภายหลัง เจียงหว่านจึงใช้ไม่ค้ำตีต้นขาของไป๋อวี้ซิ่ว
ตอนนี้ไป๋อวี้ซิ่วจึงเริ่มบ้าคลั่ง เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาบางอย่างมาสู้กลับ แต่เธอโยนทุกสิ่งรอบตัวที่สามารถโยนได้ลงบนพื้นไปหมดแล้ว
ไป๋อวี้ซิ่วตะโกนด้วยความโกรธ “นังอ้วนสารเลว ถ้าแกไม่ได้ตีใครสักคนแล้วมันจะตายใช่ไหม?”
เจียงหว่านเลิกคิ้ว “ใช่ ก็ในเมื่อเธอเป็นแบบนี้ ถ้าฉันไม่ตีเธอ ฉันคงจะขาดใจตายจริง ๆ!”
ไป๋อวี้ซิ่วปฏิเสธจะยอมรับความพ่ายแพ้ เธอยังคงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ “แกจะทำอะไรได้อีกนอกจากทุบตีคนอื่น ยัยชั่ว”
เจียงหว่านหัวเราะเบา ๆ “ฉันไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกแล้ว เพราะสิ่งที่ฉันรู้ว่าต้องทำมีแค่สองอย่าง”
“อย่างแรกคือ การหาผู้ชายที่ดีอย่างเฉียวเหลียนเฉิง”
“อย่างที่สอง ฉันรู้วิธีตบคน และการได้ตบคนเลว ๆ แบบเธอ มันทำให้ฉันพอใจมาก!”
”แค่นี้ก็พอแล้ว!”
ตอนนี้ไป๋อวี้ซิ่วดูเหมือนคนบ้า
แต่เจียงหว่านก็ไม่โกรธ เธอเพียงกอดอก มองอีกฝ่ายที่กำลังพ่นคำด่าทอออกมา
เมื่อหล่อนเบื่อที่จะด่าแล้ว เจียงหว่านก็ถามด้วยรอยยิ้ม “ด่าพอแล้วหรือยัง?”
ไม่รอคำตอบของไป๋อวี้ซิ่ว เจียงหว่านพูดต่อ “ถึงตาฉันแล้ว”
หลังจากพูดอย่างนั้น หญิงสาวก็รีบวิ่งเข้าไปผลักไป๋อวี้ซิ่วจนล้มลง แล้วใช้ไม้ตีก้นอีกฝ่าย
หลังจากได้ระบายอารมณ์ เจียงหว่านก็จากไปพร้อมกับเฉียวเหลียนเฉิง ทิ้งไป๋อวี้ซิ่วที่บั้นท้ายบวมแดงไว้ด้านหลัง
ตามจริง ไป๋อวี้ซิ่วไม่ได้โกรธอะไรมากนัก เธอมองตามหลังเฉียวเหลียนเฉิงและเจียง ในดวงตาเต็มไปด้วยความคาดหวังและย่ามใจ
อดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง “ยัยอ้วน มาดูกันสิว่าแกจะภูมิใจได้นานแค่ไหน!”
ทั้งสองกลับไปที่บ้าน แต่เจียงหว่านยังขมวดคิ้วไม่คลาย “ไป๋อวี้ซิ่วเป็นนังตัวแสบก็จริง แต่ยัยนั่นคงไม่สร้างปัญหาทั้งที่รู้ว่าจะถูกฉันทุบตีง่าย ๆ แบบนี้หรอกมั้ง ยัยนั่นกำลังเก็บงำแผนชั่วอะไรไว้รึเปล่า?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว “ไม่รู้สิ แต่ก็ดี ในเมื่อหล่อนไม่กินมัน วันหลังจะได้ไม่เปลือง”
เจียงหว่านกลอกตา “ไม่ได้ ต้องให้เธอกิน”
เฉียวเหลียนเฉิงถึงกับงุนงง
เจียงหว่านกล่าวว่า “ไม่ว่ายัยนั่นต้องการทำอะไร และไม่ว่าเป้าหมายจะเป็นนายหรือเป็นฉัน…”
“เราต้องปล่อยให้ยัยนั่นแสดงออกมา เราจะได้จัดการหล่อน และจัดการเรื่องหลี่จ้วงจ้วงให้ราบรื่นไปด้วย ไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนนี้อาจจะตุกติก และไปรายงานกองทัพ แบบนั้นหลี่จ้วงจ้วงคงจะน่าสงสารมาก”
“ตอนนี้เราก็ต้องเล่นตามแผนของหล่อนไปก่อน”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบตกลงอย่างไม่เต็มใจ “งั้นผมจะไปดูว่าจะมีอะไรกินในครัวอีกหรือเปล่า คุณเข้านอนก่อนได้เลยนะ”
เจียงหว่านตอบรับ และนอนลงบนเตียงทันที
และเมื่อเฉียวเหลียนเฉิงเดินออกไป เจียงหว่านก็ผล็อยหลับ
ขณะที่นอนหลับสนิท จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเลื้อยอยู่ระหว่างขาของเธอ
สัมผัสลื่นและเย็นสบาย
เจียงหว่านพลันรู้สึกตัวขึ้นมา โดยแทบไม่ลืมตา เธอเอื้อมมือออกไปคว้าสิ่งนั้น แล้วโยนมันไปกระแทกเข้ากับผนัง
เจียงหว่านลืมตาขึ้น และตอนนั้นเอง เธอเห็นงูตัวเล็กตัวหนึ่งหนาเท่ากับนิ้วมือ นอนหมดสติอยู่ที่มุมห้องไม่ไกลนัก
เมื่อดูลายบนตัวงู ลำตัวมีฐานสีเขียวเข้ม และมีลายจุดคล้ายกลีบดอกไม้เล็ก ๆ มันคืองูเจ็ดดอกที่มู่เหย่โหยหา
เมื่อเห็นแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว
ตอนมู่เหย่ลงมาจากเขา หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่าตอนนี้ไม่มีงูชนิดนี้อยู่ในหมู่บ้านแล้ว ต้องขึ้นไปบนภูเขาเพื่อจับมัน
แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ถ้ามาจากในฟาร์มคงเป็นไปไม่ได้ เพราะงูชนิดนี้อาศัยอยู่ใกล้น้ำตก ชอบที่มืดและชื้น
เป็นไปไม่ได้ที่มันจะออกจากภูเขามาด้วยตัวเอง
…มีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น
เจียงหว่านหรี่ตาลง และเธอกำลังจะเรียกใครสักคนให้เอางูพิษออกไป ทันใดก็มีเสียงฟ่อแปลก ๆ ดังมาจากข้างหู
เธอเดาอะไรบางอย่างได้ ก่อนที่จะหันหลังกลับ แผ่นหลังของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อชื้น
เจียงหว่านเอื้อมมือออกไปคว้าไม้ค้ำข้างตัว แล้วค่อย ๆ หันศีรษะไปช้า ๆ
วินาทีนั้น เธอพบว่ามีงูพิษสองตัวทำท่าขู่มาทางเธอ
นอกจากนี้ ยังมีแมงป่องที่มีพิษอีกมากมายด้วย
ดูคร่าว ๆ แล้วเกือบสามสิบตัวได้
แล้วแบบนี้ ที่พื้นจะมีอีกกี่ตัว!