เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 237 ถ้าฉันบอกว่าใช่ มันก็ใช่ และถึงจะไม่ใช่ มันก็ใช่อยู่ดี!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 237 ถ้าฉันบอกว่าใช่ มันก็ใช่ และถึงจะไม่ใช่ มันก็ใช่อยู่ดี!
บทที่ 237 ถ้าฉันบอกว่าใช่ มันก็ใช่ และถึงจะไม่ใช่ มันก็ใช่อยู่ดี!
เถาจื่อตกใจจนตั่วสั่นเทา เงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ แล้วสุดท้ายก็วิ่งออกไป
มองดูอีกฝ่ายกระวีกระวาดราวกับหนูติดจั่น เจียงหว่านก็ไม่สามารถอดกลั้นเสียงหัวเราะไว้ได้
เฉียวเหลียนเฉิงอยู่ข้าง ๆ มองเห็นเหตุการณ์อยู่ตลอด จึงยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าไม้ค้ำที่ผมเตรียมให้จะเหมาะกับคุณจริง ๆ”
“หลังจากนี้หากจะตีคนก็ไม่ต้องใช้หมัดแล้ว”
เจียงหว่านก้มหน้ามองไปยังไม้ค้ำ …อืม เป็นอย่างนั้นจริง ๆ นั่นแหละ!
“ขอบคุณนะ”
ปลายหูของเฉียวเหลียนเฉิงแดงระเรื่อ เขากระแอมออกมาเบา ๆ “เรื่องของเถาจื่อ คุณจะจัดการยังไง”
เจียงหว่านหัวเราะเยาะ “จะทำยังไงได้ ฉันไม่มีทางให้อภัยคนที่จะทำร้ายฉันทั้งยังไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วยเด็ดขาด!”
พูดแล้วเธอก็เงียบไปสักพัก ไม่นานก็พูดขึ้น “ฉันเป็นคนใจแคบแบบนี้แหละ ถ้าหากว่านายไม่ชอบ หนีไปตอนนี้ยังทันนะ”
เฉียวเหลียนเฉิงรีบส่ายหน้า “ไม่มีทาง ผู้หญิงมีสิทธิ์ที่จะใจแคบ หากคุณถูกทำร้ายยังใจกว้างให้อภัยอีก คุณก็คงจะไม่ใช่หว่านหว่านของผมแล้วแหละ”
เจียงหว่านรู้สึกประหลาดใจ ทว่ากลับพอใจกับคำตอบของเฉียวเหลียนเฉิงมาก
ขณะนั้น โย่วเสี่ยวซานก็เดินมาจากด้านหลังค่ายทหาร เขาส่งกระดาษแผ่นหนึ่งให้พวกเจียงหว่าน
“นี่เป็นสินค้าที่พ่อจัดประเภทไว้ คุณลองดูสิ”
“ลองดูว่าของอะไรสามารถแลกเปลี่ยนได้บ้าง แล้วเขียนใบรายการให้ผมนะ ผมจะนำกลับไปให้พ่อ”
เจียงหว่านรับมาตรวจสอบ ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงก็ถามขึ้น “คราวนี้พวกคุณให้หมูป่ามากี่ตัวเหรอ?”
โย่วเสี่ยวซานตอบกลับ “หนึ่งตัว แต่ไม่ใช่หมูป่าหรอก มันเป็นรุ่นลูกรุ่นหลานของหมูป่า เจ้าตัวนี้ไม่ได้ดุร้ายขนาดนั้น ตอนที่จับมัน พวกเราแทบไม่ได้ออกแรงอะไรมากเลย”
“พ่อของผมบอกว่าเอามามอบมันให้พวกคุณหนึ่งตัวก่อน ดูท่าทีก่อนแล้วค่อยคุยกันอีกที”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดอย่างไม่ยินดีนัก “พ่อคุณคิดอะไรอยู่ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเถาจื่อกับพวกเรามีความแค้นต่อกัน ทำไมยังจะให้เธอมาอีก?”
โย่วเสี่ยวซานก็จนปัญญาเช่นกัน “พี่ชานมีคนคอยสนับสนุนอยู่มาก ตอนนี้เลยยังไม่สามารถขับไล่ทั้งสามคนได้”
“ที่ให้เถาจื่อมาขอโทษก็เพราะหวังว่าความสัมพันธ์จะดีขึ้น”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็มองไปรอบ ๆ พอเห็นว่าเถาจื่อไม่ได้อยู่ที่นี่ จึงได้ลดเสียงลง
“พ่อผมหวังว่าพวกคุณจะรอให้เถาจื่อสงบลงก่อน ให้เวลาเธอสักหน่อยนะ”
“ขอเพียงแค่หาเงินได้ พอชาวบ้านเห็นเงินแล้ว และพ่อค่อย ๆ หาวิธีจัดสรรให้ทุกคน คงใช้เวลาไม่นานหรอก ถึงตอนนั้นคนของพี่ชานก็คงไม่ต่อต้านอีก และเราก็จะจัดการพวกเขาสาม”
เฉียวเหลียนเฉิงกับเจียงหว่านสบตากัน ดูแล้วโย่วต้าซานมีความเป็นผู้นำอยู่ไม่น้อย
จากนั้นเจียงหว่านก็เรียกมู่เหย่มา ทั้งสองปรึกษาหารือเกี่ยวกับสิ่งของที่จะแลกเปลี่ยน
ส่วนโย่วเสี่ยวซานก็หาม้านั่งมานั่งรอในสวน
ไม่ไกลออกไป เถาจื่อซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ มองมาทางนี้ด้วยความอาฆาตแค้น
เธอจะมาขอร้องให้เจียงหว่านให้อภัยจริง ๆ ได้อย่างไร ที่มามอบหมูป่าครั้งนี้ก็เป็นเธอที่ขอร้องมาเอง และจุดประสงค์ก็ไม่ใช่เรื่องอื่น นอกจากการแก้แค้น
เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผล ทำให้สองสามวันนี้เธอนอนไม่ได้ทั้งกลางวันกลางคืน
ใบหน้าก็กระตุกอย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอเจ็บปวดเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
เพราะเรื่องนี้ ตอนนี้พี่ชานกับต้าหลางจึงไม่ได้สนใจเธอแล้ว
ไม่มีสองคนนั้นคอยสนับสนุน อีกทั้งสามีก็เปลี่ยนไป เพียงแค่ไม่กี่วัน เขาก็ทุบตีเธอไปถึงสองครั้ง
ด้วยเหตุนี้ ในอกของหญิงสาวจึงอัดแน่นไปด้วยความเกลียดชังมหาศาล และความเกลียดชังก็คอยทรมานหัวใจทั้งวันทั้งคืน
มีเพียงแค่ทำให้เจียงหว่านตายทั้งเป็นเท่านั้น ถึงจะทำให้เธอสงบได้
เพียงแต่ตอนนี้คนที่อยู่ในฟาร์มมีมากมาย เธอจะแก้แค้นได้อย่างไร!
เธอมองไปยังที่พักของเจียงหว่านจากระยะไกล พลางกัดฟันขบคิดแผนการ
เวลานี้เอง ข้างหูก็มีเสียงดังขึ้นมา
“เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้นน่ะ”
เถาจื่อสะดุ้งเฮือก เธอรีบหันมอง ก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งรูปร่างหน้าตาสวยกำลังโบกมือให้เธอ
เถาจื่อมองไปรอบ ๆ พอมั่นใจว่าไม่มีคนอื่น เธอถึงเดินเข้าไป
“คุณเรียกฉันเหรอ?”
ไป๋อวี้ซิ่วพยักหน้า “ใช่ ฉันเรียกเธอ เข้ามาสิ พวกเรามาคุยกันหน่อย”
เถาจื่อขมวดคิ้วงุนงง เธอกำลังจะปฏิเสธ แต่ไป๋อวี้ซิ่วพลันพูดขึ้นมาก่อน “เธอเกลียดยัยอ้วนเจียงหว่านมากใช่ไหม ฉันช่วยเธอได้นะ”
เถาจื่อตะลึงงัน ความคิดแรกก็คือ ‘ผู้หญิงคนนี้เป็นคนของที่นี่ คงไม่ใช่มาเพื่อหยั่งเชิงฉันหรอกนะ!’
คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็รีบส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดเรื่องอะไร ฉันจะไปเกลียดเจียงหว่านได้ยังไง มันไม่มีอะไรสักนิด!”
ไป๋อวี้ซิ่วยิ้มเยาะ “ไม่ต้องปฏิเสธหรอกน่า ฉันเห็นหมดแล้ว เมื่อกี้เธอเพิ่งคุกเข่าและขอร้องไม่ใช่เหรอ”
“ถึงแม้ว่าฉันจะได้ยินไม่ชัดว่าพวกเธอคุยอะไรกัน แต่เท่าที่ฉันเห็น ผู้หญิงคนนั้นจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกที่อยากจะแก้แค้น ยัยนั่นมันใจคับแคบ และคงไม่รับปากแน่นอน”
เถาจื่อถึงกับสับสน คนที่ไม่ได้เรียนหนังสือเช่นเธอไม่เข้าใจคำว่าจ้องมองด้วยความรู้สึกที่อยากจะแก้แค้น แต่คำพูดข้างหลังเธอเข้าใจดี
เห็นเธอเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด ไป๋อวี้ซิ่วจึงพูดต่อ “ฉันช่วยเธอได้ เรามาร่วมมือกันจัดการยัยนั่นเถอะ รับรองว่าต่อให้ยัยนั่นไม่ตาย อย่างน้อยก็ต้องผิวลอกออกมาเป็นชั้น ๆ”
เถาจื่อยังไม่เชื่อ
แต่ไป๋อวี้ซิ่วชี้ขาตนเองด้วยความโมโห “ขาของฉันก็ถูกยัยนั่นหัก”
“เธอดูสิ สภาพฉันเป็นแบบนี้ พวกเขายังกล้าทิ้งฉันไว้ในห้องเล็ก ๆ แม้แต่คนดูแลสักคนก็ไม่มี นี่ยังไม่เพียงพอที่จะอธิบายอีกเหรอ?”
เถาจื่อมองไปรอบ ๆ ห้องนี้อยู่ข้าง ๆ ฟาร์ม บริเวณรอบ ๆ ไม่มีสิ่งใดเลย เป็นแค่ห้องโดดเดี่ยวห้องหนึ่ง
โดดเดี่ยว ไร้ที่พึ่ง และอ้างว้าง
ไป๋อวี้ซิ่วเห็นอีกฝ่ายยังคงลังเล จึงเติมเชื้อไฟเข้าไปเพิ่มอีก “เธอคงไม่รู้สินะ ยัยอ้วนคนนั้นไม่เพียงแค่ทำร้ายฉัน ยังแย่งผู้ชายของฉันไปด้วย”
“เดิมทีเฉียวเหลียนเฉิงเป็นคู่หมั้นของฉัน แต่ตอนนี้กลับเป็นสามีของเจียงหว่านไปแล้ว”
“หากเธอไม่แก้แค้นตอนนี้ สุดท้ายเจียงหว่านก็จะแย่งทุกอย่างไปจากเธอ ทำให้เธอกับฉันไม่เหลืออะไรเหมือนกัน”
เถาจื่อนิ่งไป เธอคิดไปถึงเฉียวเหลียนเฉิง และก็เข้าใจบางอย่างขึ้นมาว่า …เฉียวเหลียนเฉิง ผู้ชายที่ดีขนาดนั้น ทำไมถึงไปแต่งงานกับยัยอ้วนนั่นกันนะ?
ทีแท้ก็เพราะยัยอ้วนนั่นใช้กลอุบายสารพัดแย่งเขาไปนี่เอง
แต่ยัยอ้วนคนนี้ไม่ใช่เล่น ๆ เลย!
“ต้องร่วมมือยังไง?” คิดมาถึงตรงนี้ เถาจื่อจึงได้ตัดสินใจแล้ว
แค่ได้ล้างแค้น จะร่วมมือกับใครก็ได้ทั้งนั้น
ไป๋อวี้ซิ่วเห็นอีกฝ่ายเห็นด้วย จิตใจก็เบิกบานเป็นอย่างยิ่ง เธอยกมุมปากขึ้นยิ้ม แล้วยกนิ้วไปทางเถาจื่อ…
เถาจื่อรีบขยับเข้ามาใกล้ แล้วคนทั้งสองก็กระซิบแผนกัน
ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เจียงหว่านกับมู่เหย่ได้หารือรายการเสร็จแล้ว จึงมอบให้โย่วเสี่ยวซาน และยังกำชับให้เขาพาเถาจื่อกลับไปด้วย
ก่อนออกเดินทาง เถาจื่อจ้องมองเจียงหว่าน สายตาคู่นั้นโกรธแค้น น่ากลัวราวกับงูพิษ
เป็นช่วงพอดีกับที่เฉียวเหลียนเฉิงยกอาหารเที่ยงเข้ามา เขาเห็นเต็มสองตา จึงขมวดคิ้วด้วยความกังวลใจ
“เถาจื่อคนนี้จิตใจยังแค้นไม่หาย คุณต้องระวังไว้หน่อยนะ”
เจียงหว่านแค่นหัวเราะ “แต่ฉันกลับอยากจะดูว่าเธอจะทำอะไรได้บ้างเนี่ยสิ ฉันไม่ได้ดูถูกเธอหรอกนะ แต่อยากเห็นความสามารถของเธอ…”
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องระวังให้มาก ผมไม่อยากให้คุณเป็นอัตราย”
พูดไปก็พลางเปิดกล่องอาหาร แล้วยกไปให้เจียงหว่าน
ด้านในคือข้าวสวยหอม ๆ กับขาหมูตุ๋น
“ว้าว ทำไมอาหารดีจัง?” เจียงหว่านถามด้วยความตกใจปนประหลาดใจ
เฉียวเหลียนเฉิงตอบ “เจียงเฉิงเอามาให้ตั้งแต่เมื่อวาน ขาหมูก็เอามาจากพี่ใหญ่เกาเฉวียน”
เจียงหว่านเอาตะเกียบคีบขาหมูขึ้นมาทันที “กินอะไรก็บำรุงสิ่งนั้น!”
เฉียวเหลียนเฉิงส่งเสียง ‘อืม’ ออกมา แต่เพียงหยิบตะเกียบขึ้น เขาก็พบว่ากล่องข้าวของตนเองมีขาหมูอยู่หนึ่งขา
“ทำอะไรของคุณ? นี่ให้คุณบำรุงขาต่างหาก”
เจียงหว่านมองเขาแวบหนึ่ง “นี่น่ะขาหน้าหมู กินอะไรก็บำรุงสิ่งนั้น!”
เฉียวเหลียนเฉิงตะลึงงัน ก้มมองดูแต่ก็ยังไม่เข้าใจ “คุณรู้ได้ยังไงว่านี่คือขาหน้า?”
ใบหน้าเจียงหว่านเต็มไปด้วยความภูมิใจ “ฉันก็ไม่รู้หรอก แต่ถ้าฉันบอกว่าใช่ มันก็ใช่ และถึงจะไม่ใช่ มันก็ใช่อยู่ดี!”