เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 234 เฉียวเหลียนเฉิงเป็นทหารรุ่นที่สอง
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 234 เฉียวเหลียนเฉิงเป็นทหารรุ่นที่สอง
บทที่ 234 เฉียวเหลียนเฉิงเป็นทหารรุ่นที่สอง?
มู่เหย่ครุ่นคิดสักครู่ก่อนจะตระหนักว่านั่นน่าจะจริง
เฉียวเหลียนเฉิงเป็นทหารต้องออกไปปฏิบัติภารกิจบ่อยครั้ง และมีหลายครั้งที่ต้องเสี่ยงอันตราย
หากแขนหายดีแล้ว มีดเล่มนี้จะมีค่ามากแน่นอนถ้าหากอยู่ในมือของเขา
แต่มู่เหย่ก็กล่าวออกมาด้วยความเสียใจ
“คงจะไม่ได้หรอก ถึงคนที่มีมีดเล่มนี้จะไม่มีชีวิตอยู่บนโลก แต่มีดก็จะถูกส่งให้คนรุ่นต่อไปแล้วน่ะ”
“ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขามีข้อตกลงกันไว้ว่า ไม่ว่าใครก็ตามที่มีมีดสั้นแบบนี้ในมือ พวกเขาจะได้รับการคุ้มครองและความช่วยเหลือจากอีกสี่ตระกูล”
“สุดท้ายต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ไม่ขายมันหรอก”
พอมู่เหย่พูดจบ ใบหน้าของเจียงหว่านก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่เธอก็ยังเอ่ยปากถามออกไปว่า
“แล้วมีพี่น้องคนไหนที่ตายโดยไม่ได้ส่งมอบมรดกบ้างไหม?”
มู่เหย่ส่ายศีรษะ “ปกติแล้วทั้งห้าตระกูลนี้อาศัยอยู่ในเมืองหลวงทั้งหมด และพวกเรารู้จักกัน ในบรรดาพวกเราทั้งห้าตระกูล มีแค่ตระกูลมู่ที่มรดกส่งต่อมาถึงรุ่นที่สามแล้ว แต่สำหรับตระกูลอื่น ๆ ร่ำรวยมาก พวกเธอนี่โชคไม่ดีจริง ๆ!”
เจียงหว่านหันมองเฉียวเหลียนเฉิงโดยไม่รู้ตัว
ทั้งสองคนมองหน้ากันก่อนจะกลับสู่ท่าทีปกติอีกครั้ง ซึ่งมู่เหย่ไม่ทันสังเกตเห็นเลย
เจียงหว่านยังถามต่อไป เธออ้างว่าจะยอมแพ้ถ้าหากได้ทราบว่าห้าตระกูลนั้นเป็นใคร
ทั้งห้าตระกูลคือ มู่ เฉิน ไห่ จิน และนา!
ปัจจุบันตระกูลทั้งห้ารับราชการเป็นทหารในกองทัพทั้งหมด และสมาชิกของพวกเขาก็ยังเป็นผู้ถือครองธุรกิจต่าง ๆ ด้วย
อาจบอกได้ว่า พวกเขาทั้งห้าตระกูลมีสถานะที่สูงส่งในเมืองเหยียนจิง
ทันทีที่บรรลุเป้าหมายแรก เจียงหว่านก็คิดถึงเรื่องคนที่น่าจะเป็นญาติเฉียวเหลียนเฉิงที่ถูกหมาป่าฆ่าตาย เธอจึงเปลี่ยนเรื่อง แล้วถามออกมาอีกครั้ง
“มู่เหย่ นายก็อยู่ในหมู่บ้านนายพรานมาสักพักแล้ว คงจะพอรู้เรื่องบนภูเขามาบ้างใช่ไหม แล้วนายรู้เรื่องสัตว์ร้ายบนภูเขาด้วยไหม?”
มู่เหย่ขมวดคิ้ว “สัตว์ร้าย? เธอหมายถึงอะไร”
เจียงหว่านพูดขึ้น “ก็อย่างพวกหมี เสือ หรือหมาป่า!”
มู่เหย่คิดสักครู่ก่อนจะพูดว่า “น่าจะมี แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้มาที่นี่บ่อยนัก ตอนที่ฉันอยู่ในหมู่บ้าน ฉันก็ได้ยินว่าหัวหน้าคนก่อนถูกหมาป่ากัดตายด้วย”
แววตาของเจียงหว่านเบิกกว้าง “หา มีหมาป่าอยู่ด้วยจริงเหรอ?”
มู่เหย่หันมาถาม “ทำไมต้องตกใจขนาดนั้น?”
เจียงหว่านพูดขึ้นว่า “ฟันของหมาป่าเขาว่ายอดเยี่ยมมากเลยนะ ว่ากันว่ามันจะช่วยปัดเป่าวิญญาณชั่วร้าย และถือว่าเป็นเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์”
มู่เหย่ประหลาดใจ “จริงเหรอ?”
เจียงหว่านพยักหน้ารับ “จริงสิ แต่ต้องเป็นหมาป่าที่อยู่ในป่านะ ไม่ใช่ในสวนสัตว์อะไรแบบนั้น ฉันได้ยินมาว่า ถ้าหากพกเขี้ยวหมาป่าติดตัวไปด้วยทุกที่ สุนัขก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้เลย”
มู่เหย่เบิกตากว้าง “ดีจัง เพื่อนของฉันเพิ่งคลอดลูกสาว เดี๋ยวฉันจะหาฟันของหมาป่าให้เป็นของขวัญกับเธอ”
เจียงหว่านรีบถาม “แล้วหมาป่าในภูเขากินคนไหม? ฉันเคยได้ยินเรื่องหมาป่ากินคนมาก่อน”
ขณะพูดอย่างนั้น เธอหันมองเฉียวเหลียนเฉิง เขาจึงรีบกล่าวเสริมในทันที
“ใช่ มีหมาป่าที่บ้านเกิดของผม”
“ตอนผมยังเด็ก ผมเคยเห็นหมาป่าขย้ำคนจนตาย”
มู่เหย่หน้าซีดเซียว “น่ากลัวเป็นบ้า หมาป่าเข้ามาโจมตีหมู่บ้านงั้นเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายศีรษะ “ไม่ มันจะโจมตีเราถ้าหากว่าเราอยู่คนเดียว แต่ผมก็ได้ยินมาว่าคนนั้นมาจากเมืองหลวงด้วย เขาตายเพราะถูกหมาป่ากัด!”
มู่เหย่ถึงกับประหลาดใจ “มาจากเมืองหลวงงั้นเหรอ? คนในเมืองหลวงโง่เขนาดนั้นเชียว? เขางี่เง่าจนไปเลี้ยงอาหารหมาป่าที่หมู่บ้านของคุณเลยรึนี่!”
เฉียวเหลียนเฉิงตกตะลึงไปสักครู่ และเข้าใจทันทีว่ามู่เหย่ไม่รู้เรื่องนี้
เจียงหว่านเองก็คิดแบบนั้นด้วย ทั้งสองมองหน้ากัน ในแววตาฉายความผิดหวังออกมา
แผนการของพวกเขาล้มเหลวแล้ว และไม่คิดจะพูดคุยเรื่องนี้ต่อ
ขณะที่เจียงหว่านกำลังจะจบการสนทนา เสียงแตรรถก็ดังขึ้นจากด้านนอก
ทุกคนมองออกไปนอกหน้าต่าง พวกเขาเห็นว่าเป็นรถบรรทุกของทหารมาถึงประตูฟาร์มแล้ว และมีหลายคนลงมาจากรถด้วย
ผู้นำในคราวนี้ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นเจียงเฉิง
ก่อนเฉียวเหลียนเฉิงกับเจียงหว่านจะพูดอะไรออกมา มู่เหย่พลันตะโกนขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“เฮ้ ๆ จินกังมาที่นี่ด้วยเหรอ เจียงหว่าน คุณยังอยากได้มีดเล่มนั้นอยู่ไหม? จินกังก็มีมีดนั้นเหมือนกัน ลองถามดูสิเผื่อเขาจะอยากขายให้”
ขณะพูดอย่างนั้น เขาก็วิ่งออกไปทันที
จินกัง!
เจียงหว่านหันมองเฉียวเหลียนเฉิง ก่อนจะพยักหน้าให้เขา
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้ารับเงียบ ๆ
ก่อนที่เจียงเฉิงจะมาถึง เสียงสดใสก็ดังขึ้นทักทายมาก่อนแล้ว
“เหล่าเฉียว นายทำได้ยังไง ฉันได้ยินว่านายฆ่าหมูป่าหนักกว่าสองร้อยโล ก่อนหน้านี้ฉันคิดว่าเรื่องล้อเล่นซะอีก”
“ดูสิ มองยังไงก็เกินสองร้อยแน่นอน นายฆ่ามันได้ไงเนี่ย!”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับสบาย ๆ “ไม่ใช่ฉันหรอก เป็นหว่านหว่านกับมู่เหย่ช่วยกันน่ะ”
เจียงเฉิงอุทาน “โอ้ บ้าจริง ฉันก็รู้อยู่แล้วว่าพี่สะใภ้ของฉันเก่งกาจขนาดไหน แต่ว่ามู่เหย่ที่เหมือนลูกเจี๊ยบน่ะเหรอจับหมูป่าได้!!!”
มู่เหย่ตะโกนตอบโต้ทันที “เจียงเฉิง นายหมายความว่ายังไงหืม? นายบอกว่าใครเหมือนลูกเจี๊ยบ!”
เจียงเฉิงเย้ยหยัน “นายไงเหมือนลูกเจี๊ยบ! ถ้ามีความสามารถขนาดนั้นทำไมไม่มาเป็นทหารล่ะ?”
ได้ยินอย่างนั้นมู่เหย่ก็เงียบไปทันที ใบหน้าเผยความรู้สึกเศร้าใจออกมา
เจียงหว่านถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “เดี๋ยวนะ พวกคุณรู้จักกันเหรอ?”
เจียงเฉิงยิ้ม “ไม่ใช่แค่รู้จักนะ พวกเราโตมาด้วยกัน มาจากกองพันเดียวกันน่ะ”
“ตอนเด็ก ๆ พวกเราเข้ากองทัพมาเรียนวิชาการทหาร แต่ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มีความผิดปกติทางสมองหรือเปล่า เพราะเขาถึงกับหนีออกจากสนามรบไปเลย!”
มู่เหย่คล้ายอับอาย จึงรีบพูดขึ้น “นั่นเพราะยายของฉันไม่สบายต่างหาก และฉันเป็นลูกคนเดียวในตระกูลมู่ด้วย ยายไม่อยากให้ฉันเข้าไปเสี่ยงชีวิตในสนามรบ!”
“ถ้าฉันไปจริง ๆ ยายคงคิดถึงฉันจนทนไม่ไหวแน่!”
เจียงเฉิงถอนหายใจเบื่อหน่าย
“เออ ๆ ฉันยกโทษให้”
จากนั้นพวกเขาก็เริ่มที่แนะนำกันและกัน
“จินกัง นี่คือเฉียวเหลียนเฉิง ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพของเรา และนี่เจียงหว่าน เป็นภรรยาของเขา”
“เหล่าเฉียว นี่เพื่อนรักของฉันเองชื่อจินกัง เป็นเจ้าหน้าที่ของกองทัพ xx น่ะ”
เฉียวเหลียนเฉิงและเจียงหว่านกล่าวทักทาย ก่อนจะมองเขาด้วยสายตาคลุมเครือ
จินกังคนนี้ดูเจ้าเล่ห์ แต่หากมองอีกมุมก็หล่อเหลาเอาการ ใบหน้าเปรียบได้กับหยกงามทีเดียว
ขณะที่ทุกคนพูดคุยกัน จินกังเองก็มองพวกเขาด้วย
และแน่นอนสายตาของเขาจับจ้องเฉียวเหลียนเฉิงเป็นหลัก
ทันทีที่ได้พบเจอกับเฉียวเหลียนเฉิงครั้งแรก เขารู้สึกประหลาดใจและสับสน เพราะใบหน้านี้คุ้นเคยมาก ทว่านึกไม่ออก
มันเป็นความคุ้นเคยที่เลือนราง แต่ไม่ว่ามองอย่างไรก็นึกไม่ออก
ยิ่งมองใกล้ ๆ ก็คล้ายกับว่าจะเห็นภาพทับซ้อนขึ้นมา ใบหน้าของเขาคล้ายกับใครบางคน
ถึงแม้จินกังจะประหลาดใจ แต่เขาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเลย เพียงแค่ยิ้มจาง ๆ พร้อมกล่าวทักทายทุกคนเท่านั้น
และในขณะที่ทั้งกลุ่มนั่งลง เจียงเฉิงก็เห็นว่าเท้าเจียงหว่านบวมแดมาก และไม่ได้ใส่รองเท้าด้วย
“ทำไมคุณถึงบาดเจ็บขนาดนั้น?” ทุกคนคุ้นเคยกันดีมาก จึงเลี่ยงที่จะพูดจาล้อเล่น
เจียงหว่านยิ้ม “ก็ตอนที่ไปจับหมูป่านั่นแหละ”
เจียงเฉิงอุทาน “คุณเป็นคนจับมันจริง ๆ เหรอ?”
เจียงหว่านพยักหน้า “อื้ม ฉันกับมู่เหย่ช่วยกันน่ะ ถ้าไม่เชื่อก็ถามมู่เหย่ได้เลย”
มู่เหย่ยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ฮ่า ๆ ก็แค่หมูป่าน่ะ เรื่องกล้วย ๆ!”
คราวนี้แม้แต่จินกังก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
หลังจากพูดคุยกันไปสักครู่ มู่เหย่ก็พูดขึ้นว่า “เจียงหว่านคุณไม่อยากซื้อมีดแล้วเหรอ เขาก็มีมีดแบบนั้นด้วยเหมือนกันนะ”
จินกังเผยสีหน้าประหลาดใจ “มีดอะไร?”
หลังจากถามขึ้นมาก็ราวกับนึกออก “หมายถึงมีดของตระกูลพวกเราเหรอ?”
มู่เหย่พยักหน้า และเจียงหว่านก็รีบกล่าวเสริมทันที “ตอนที่ฆ่าหมูป่า มีดของมู่เหย่ยอดเยี่ยมมาก มันคมมากและตัดเหล็กได้เหมือนหั่นดินเหนียวเลย!”
“ฉันอยากจะให้เหล่าเฉียวได้ใช้มัน สิ่งนี้น่าจะช่วยชีวิตเขาตอนออกไปทำภารกิจได้”
“แต่ว่ามู่เหย่ดันไม่ขาย”
จินกังยิ้ม “มู่เหย่ ขนาดนายยังไม่ขาย แล้วคิดได้ยังไงว่าฉันจะขาย? นี่คือมรดกของครอบครัว จะขายได้ยังไงล่ะ!”
มู่เหย่หัวเราะ “ก็แค่ลองถามดู มรดกก็ถือว่าเป็นของดี แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ช่วยชีวิตใครหรอก”
“ตอนนั้นลุงของนายก็ถือมีดนี่อยู่ไม่ใช่เหรอ แต่สุดท้ายเขาก็ยังถูกฆ่า!”
จินกังถอนหายใจ “ใช่ ลุงของฉันตายทั้ง ๆ ที่มีมีดอยู่ แต่ยังไงก็ต้องขอโทษด้วย มีดเล่มนี้ขายไม่ได้หรอก!”