เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 233 แทนที่จะเรียกหมูอ้วน เรียกว่าหมูน้อยดีกว่าไหม
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 233 แทนที่จะเรียกหมูอ้วน เรียกว่าหมูน้อยดีกว่าไหม
บทที่ 233 แทนที่จะเรียกหมูอ้วน เรียกว่าหมูน้อยดีกว่าไหม?
เจียงหว่านยังโกรธอยู่ แต่ในเมื่อออกมาด้านนอกแล้วก็ทำอะไรไม่ได้อีก นอกจากยอมแพ้!
หลังกลับมาบ้านพัก เฉียวเหลียนเฉิงวางเธอลงบนเตียง ก่อนจะหยิบกล่องอาหารแล้วเดินออกไปอีกครั้ง
เจียงหว่านคว้าเสื้อเขาเอาไว้ และถามขึ้น “นายจะเอาไปไหน?”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับ “มันเย็นหมดแล้ว ผมจะเอาไปอุ่นให้”
เจียงหว่านส่ายหัว “อย่าไปเลยนะ มันเย็นไม่มากหรอก ฉันกินได้”
เฉียวเหลียนเฉิงลองสัมผัสกล่องดูดี ๆ และรู้สึกว่ากล่องอาหารยังคงอุ่นอยู่บ้าง เขาเลยวางมันลง
หลังกินข้าวเสร็จ เจียงหว่านก็พูดกับเฉียวเหลียนเฉิงว่า “หลังจากเท้าของฉันหายดี เราไปโรงพยาบาล ไปตรวจอาการแขนของนายกันเถอะ”
เฉียวเหลียนเฉิงรู้ว่าอาการที่แขนสำคัญมาก เขาจึงพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
เจียงหว่านพูดต่อว่า
“แล้วหลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว เรากลับไปบ้านเกิดนายกันนะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงมองเธอด้วยความสงสัย
เจียงหว่านจึงพูดต่อ “ไปตรวจสอบเรื่องของผู้ชายที่ถูกหมาป่ากัดตายกัน เราคงไม่สามารถหาเบาะแสอื่น ๆ ได้ แต่เราก็ไม่สามารถอยู่เฉย ๆ และไม่ทำอะไรเลยไม่ได้เหมือนกัน”
“ฉันจำได้ว่าถ้ามีคนมาจากด้านนอกต้องการเข้ามาในหมู่บ้าน พวกเขาจะมีจดหมายแนะนำตัวมาด้วย และสิ่งเหล่านี้จะถูกบันทึกไว้ในทะเบียน”
“ถ้าเราไปตรวจสอบตรงนั้นอาจจะเจอบางอย่างก็ได้”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบก่อนจะกระซิบถาม “คุณจำมีดสั้นของมู่เหย่ได้ไหม?”
เจียงหว่านพยักหน้า
เห็นอย่างนั้น เขาก็พูดต่อ “ผมเคยเห็นมีดเล่มนั้นอยู่กับคนที่ถูกหมาป่าฆ่าตายน่ะ”
“ตอนที่เขาคุยกับผม ผมเห็นเขาถือมันไว้แล้วยังยื่นให้ผมลองเล่นดูสักพักด้วยล่ะ”
“แต่คำที่สลักไว้บนมีดแตกต่างไปจากของมู่เหย่”
เจียงหว่านตกตะลึง “มู่เหย่บอกว่ามีดสั้นแบบนั้นเป็นของพี่น้องทั้งห้าไม่ใช่เหรอ? หรือว่า…”
“คนที่ถูกหมาป่ากัดตายเป็นญาติของมู่เหย่รึเปล่า?”
เฉียวเหลียนเฉิงคิดสักครู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เอาไว้ผมจะคุยกับมู่เหย่เรื่องนี้ทีหลัง”
เจียงหว่านครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปาก “เอาอย่างนี้ นายเรียกเขามาดีกว่า นายไม่ต้องคุยหรอก ฉันจะคุยเอง!”
เฉียวเหลียนเฉิงมองเธอด้วยความสงสัย
เจียงหว่านอธิบาย “ถ้านายเป็นคนคุยกับเขาด้วยตัวเอง เขาจะตื่นตัว ถึงมู่เหย่จะไม่รอบคอบ ทั้งยังดื้อรั้น แต่ความจริงแล้วเขากล้าหาญและยังฉลาดมากด้วย ในหัวของหมอนั่นน่ะมีแต่ความคิดชั่วร้าย!”
“ไม่ว่ามีดเล่มนั้นจะเกี่ยวข้องกับนายหรือไม่ นายก็ห้ามให้เขารู้เรื่องของนายเด็ดขาด”
“แต่สำหรับฉันมันแตกต่างกันไป เพาะงั้นนายก็แค่เรียกหมอนั่นมา แล้วฉันจะเล่าให้นายฟังทีหลัง!”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า เขาหยิบกล่องอาหารไปล้าง จากนั้นจึงเรียกมู่เหย่เข้ามา
มู่เหย่เพิ่งกลับมา ทันทีที่ได้ยินว่าเจียงหว่านเรียกหา เขาก็รีบไป
“ว่าไงหมูน้อย มีอะไรให้ฉันทำเหรอ?”
เจียงหว่านแทบจะสำลักเมื่อถูกอีกฝ่ายทักทายแบบนั้น
“หมูน้อย?”
มู่เหย่หัวเราะ “หมูอ้วนมันฟังดูไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ งั้นเธอก็เป็นหมูน้อยตัวอ้วนละกัน!”
เจียงหว่านถามกลับเสียงเข้ม “นี่! นายควรจะเรียกฉันว่าสหายเจียงหว่านดีกว่าไหม?”
มู่เหย่พยักหน้าด้วยความเคร่งขรึม “ได้เลย สหายหมูน้อย”
เจียงหว่านลูบศีรษะ เธอไม่รู้สึกว่าถูกเหยียดหยามหรือดูหมิ่นอะไรในคำเรียกนั้นเลย
และมันกลับทำให้รู้สึกขบขันมากกว่าด้วย
เจียงหว่านสูดลมหายใจ ก่อนจะเริ่มพูดคุย
“นายเห็นหมูในหุบเขาหรือยัง? พวกมันเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อต้องพูดคุยเรื่องนี้ มู่เหย่ก็เผยสีหน้าจริงจังออกมา
“เห็นแล้ว มีมากกว่าห้าสิบตัว ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง”
“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” เจียงหว่านอุทาน
มู่เหย่พูดต่อ “ว่ากันว่าตอนแรกจับมาเลี้ยงได้ยี่สิบตัว แล้วพอเลี้ยงไปเลี้ยงมาเป็นเวลาสองปี มันก็ขยายพันธุ์เป็นห้าสิบตัว ก็ถือว่าไม่มากเท่าไหร่หรอก”
“อาจเพราะมันเติบโตในป่าด้วยล่ะมั้ง การรอดชีวิตเลยน้อยนิด”
เจียงหว่านคิดดูและเห็นว่าสมเหตุสมผล เธอลูบคาง ก่อนจะถามมู่เหย่
“นายจะกลับไปหลังจากได้พิษงูเหรอ?”
มู่เหย่พยักหน้า “อื้ม แต่ฉันต้องใช้มันในทุกหกเดือน ไว้ถึงเวลานั้นจะมาขอความช่วยเหลือจากสหายหมูน้อยทีหลังแล้วกัน”
เจียงหว่านกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ก็ถ้านายเรียกฉันว่าเจียงหว่าน ฉันจะรับปาก”
ดวงตาของมู่เหย่เปล่งประกาย เขาตอบตกลงทันที “ได้เลย หมูน้อยเจียงหว่าน!”
เจียงหว่านเงียบ
“แล้วแบบนี้จะร่วมมือกันไหม?” มู่เหย่ยิ้ม “อย่าคิดเล็กคิดน้อยไปหน่อยเลยน่า เรียกอะไรก็เหมือนกันนั่นแหละ”
เวลานี้เฉียวเหลียนเฉิงที่เงียบอยู่นานก็พูดขึ้นว่า “ไม่ได้”
มู่เหย่หันมองเขาด้วยความประหลาดใจ
เฉียวเหลียนเฉิงพูดต่อ “หมูน้อยมันน่ารักเกินไป และไม่เหมาะสม!”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดแค่นั้น และแค่ส่งสายตาเตือนมู่เหย่
ชั่วขณะนั้นเอง มู่เหย่รู้สึกตื่นตระหนกราวกับเผชิญหน้ากับปู่ตัวเอง
เขาเงียบไปสักครู่ และพูดว่า “เอาล่ะ ฉันผิดไปแล้วสหายเจียงหว่าน!”
เจียงหว่านยิ้มอย่างมีความสุข อย่างที่คาดไว้ สามีของเธอเก่งเหมือนเคย!
ได้ยินอย่างนี้ เฉียวเหลียนเฉิงเองก็ผ่อนคลายสีหน้าลงเช่นกัน
ทำให้มู่เหย่ก็รู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มดีขึ้นทันที และตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจความน่ากลัวของเฉียวเหลียนเฉิงแล้ว
เจียงหว่านกระแอมเบา ๆ ก่อนจะถามต่อ “เข้าเรื่องดีกว่า มู่เหย่ เรื่องพิษงูไม่มีปัญหาหรอก ตราบใดที่ในหมู่บ้านยังมีมันอยู่ ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้”
“แต่นายอยากจะสร้างรายได้มากกว่านี้ด้วยการร่วมมือกับเราไหม?”
มู่เหย่ตกตะลึงก่อนจะคิดสักครู่ จากนั้นจึงเอ่ยปาก “หมายถึงต้องการให้ฉันเอาสินค้าในภูเขาไปขายในเมืองหลวงเหรอ?”
เจียงหว่านยิ้ม “ฉลาดมาก นั่นแหละที่ฉันจะพูด”
“แต่ไม่ใช่แค่ในภูเขาเท่านั้นนะ ในอนาคตเรายังสามารถส่งสินค้าอื่น ๆ ไปได้อีก”
“แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการขายสินค้าจากภูเขา”
“ฉันจะรับสินค้าแล้วไปส่งให้ ส่วนนายก็หาใครสักคนมาทำกล่องบรรจุภัณฑ์สวย ๆ ให้มันดูหรูหราขึ้นสักหน่อย จากนั้นก็ขายมันให้กับพวกคนรวยในเมืองหลวง”
“ตั้งราคาสูงกว่าปกติสักสิบเท่า!”
มู่เหย่หรี่ตาลง “เป็นความคิดที่ดี เอาสิ!”
ในสายตาของมู่เหย่ เจียงหว่านเป็นผู้หญิงที่กล้าหาญ มีความคิดที่หลากหลาย แล้วเธอยังจิตใจดีอีกด้วย
การได้ร่วมงานกับเธอนับว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม
หลังจากบรรลุความตั้งใจแล้ว เจียงหว่านก็ใช้โอกาสนี้เพื่อเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาอย่างแนบเนียน
“นายช่วยฉันหาบางอย่างในเมืองหลวงได้ไหม?”
มู่เหย่ตอบตกลงทันที “อื้ม! บอกมาสิว่าต้องการอะไร?”
เจียงหว่านชี้ไปยังมีดที่เอวของเขา “มีมีดแบบนี้อีกไหม?”
มู่เหย่เผยสีหน้าจริงจัง “ไม่มีแล้ว”
เจียงหว่านเผยสีหน้าสับสน “เป็นไปได้ยังไง? ตอนนี้หลายคนชื่นชอบของเลียนแบบ แล้วนายก็ไม่ใช่คนโบราณด้วย!”
มู่เหย่เล่าต่อ “นี่เป็นของโบราณจริง ๆ ปู่ของฉันบอกว่ามันถูกสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิงโดยจักรพรรดิเฉียนหลง มีดนี้เป็นสิ่งที่จักรพรรดิมอบให้กับนายพลคนนึง”
“และเพราะนายพลมีพี่น้องห้าคน อีกทั้งทุกคนต่างก็เป็นผู้กล้า พวกเขาแข็งแกร่งมาก จักรพรรดิจึงสร้างมีดแบบนี้ขึ้นมาห้าเล่มเท่านั้น”
“ตอนที่ยังเด็กปู่ฉันได้มีดทั้งห้าเล่มมาโดยบังเอิญ ดังนั้นเขาจึงมอบมันให้กับพี่น้องทั้งห้าของเขา”
“หลังจากนั้นปู่ก็ไปที่ฐานทัพกลุ่มปฏิวัติ เข้าร่วมกับกองทัพปฏิวัติ และกลายเป็นกองทัพปลดแอกประชาชน”
“หลังจากผ่านช่วงเวลาโลดโผนมา พี่น้องทั้งห้าก็ตายหมด มีเขายังอยู่เพียงคนเดียว”
ทันใดนั้น เจียงหว่านจึงตระหนักได้ว่า “อ้อ มีดเล่มนี้ไม่ใช่ของพี่น้องในสายเลือดของปู่นายใช่ไหม แต่เป็นพี่น้องร่วมสาบาน?”
มู่เหย่มองเธอด้วยความประหลาดใจ “ดูเหมือนเธอจะชอบมันมากเลยนะ”
เจียงหว่านตอบ “แน่นอน มีดเล่มนั้นสวยมาก ความเงาและความคมของมันทำฉันประทับใจ”
มู่เหย่สับสน “เธอเป็นผู้หญิงจะอยากได้ของแบบนี้ไปทำไมกัน? อย่าบอกฉันนะว่าอยากได้มันไว้สำหรับป้องกันตัว? ยิ่งเธอพกไว้มันจะยิ่งน่าเป็นห่วงมากกว่า”
เจียงหว่านเป็นคนอารมณ์ร้อน ถ้าหากเธอมีมีดติดตัวไว้แบบนี้ มันอาจจะแทงตัวเธอเองได้ คงไม่ได้ใช้ป้องกันตัวหรอก
เจียงหว่านทำหน้าหงอย “ฉันไม่ได้จะเก็บมันไว้เองหรอก ฉันอยากจะให้มันกับเหล่าเฉียวน่ะ มีดที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ มันจะต้องมีประโยชน์กับเขาเวลาออกไปทำภารกิจแน่!”