เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 232 ถ้าทำให้ฉันโกรธ เราจะตายไปด้วยกัน!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 232 ถ้าทำให้ฉันโกรธ เราจะตายไปด้วยกัน!
บทที่ 232 ถ้าทำให้ฉันโกรธ เราจะตายไปด้วยกัน!
ใบหน้าสวยงามของไป๋อวี้ซิ่วกลายเป็นซีดเผือด ยิ่งเห็นมือเจียงหว่านยกขึ้น เธอก็รู้สึกปวดแสบปวดร้อนอย่างบอกไม่ถูก
เวลานี้ความอดทนของเฉียวเหลียนเฉิงหมดลงแล้ว เขากล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันจะให้โอกาสอีกครั้ง จะพูดอะไรก็คิดให้ดี และถ้าคำพูดนั้นทำฉันไม่พอใจ ฉันจะให้คนไปส่งเธอที่ตำบล!”
ไป๋อวี้ซิ่วสูดลมหายใจเข้าลึก มีความคิดมากมายโลดแล่นในหัวของเธอ และพูดออกมาว่า
“ได้ งั้นเรามาพูดคุยกันเรื่องพี่ดีกว่า…”
“หลี่หงเหมยไม่ใช่มารดาผู้ให้กำเนิดพี่!”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงสงบ
เมื่อเห็นว่าประโยคนี้ไม่ได้ผล ไป๋อวี้ซิ่วก็ยังไม่ยอมแพ้ และพูดต่อว่า
“ฉันรู้ว่าพี่ชอบนังอ้วนนี้มาก แต่ฉันจะบอกอะไรให้พี่ฟัง เฉียวเหลียนเฉิง… ผู้หญิงคนนี้ก็รู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน”
“ตอนที่หล่อนไปคุยกับหลี่หงเหมยคราวนั้น ฉันถึงรู้ว่าพี่ไม่ใช่ลูกชายในสายเลือดของตระกูลเฉียว”
“ตอนพี่เกิด มีผู้หญิงคนหนึ่งมาคลอดลูกในทุ่งนา”
“หล่อนเป็นลมเพราะความเจ็บปวดจากการคลอด และตอนนั้นหลี่หงเหมยก็เห็นพอดี”
“เธอกลัวว่าเพราะการคลอดลูกสาวจะทำให้เธอสูญเสียตำแหน่งในตระกูลเฉียว วันนั้นเธอจึงสับเปลี่ยนลูกสาวของตัวเองกับพี่”
ทันทีที่ไป๋อวี้ซิ่วพูดถึงตรงนี้ เธอเห็นความประหลาดใจของเฉียวเหลียนเฉิง และสัมผัสได้ทันทีว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเรื่องนี้
เห็นอย่างนั้นแล้ว เธอเผยสีหน้าภาคภูมิใจก่อนจะชี้เจียงหว่านแล้วพูดต่อ
“ดูสิ พี่คิดว่ายัยนี่รักพี่ไหม? แค่ดูก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่รัก!”
“ฉันมาที่นี่ ฉันก็บอกข่าวนี้ให้พี่ทราบทันที ส่วนหล่อนอยู่กับพี่มาตั้งนานแต่กลับไม่เอ่ยปากพูดอะไรเลย”
“เฉียวเหลียนเฉิง พี่ได้สติสักทีสิ ฉันเป็นคนเดียวที่รักพี่อย่างจริงใจนะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงคำราม “หุบปาก!”
ไป๋อวี้ซิ่วตกตะลึง เธอไม่คิดว่าเขาจะกล้าตะโกนใส่ตนแบบนี้
เจียงหว่านเย้ยหยันออกมาทันที “ไป๋อวี้ซิ่ว รู้ไหมว่าคนอย่างเธอมันเหมือนตัวตลก”
ไป๋อวี้ซิ่วจ้องมองด้วยความโกรธ
เจียงหว่านหันไปหาเฉียวเหลียนเฉิง ก่อนจะถามว่า “นายเชื่อฉันไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้ารับโดยไม่ต้องคิด “เชื่อสิ”
“ถ้าคุณไม่พูด หมายความว่าคุณคงจะมีเหตุผลส่วนตัว จริง ๆ มันไม่สำคัญหรอก อยากบอกผมเมื่อไหร่ค่อยบอกก็ได้”
เจียงหว่านหรี่ตาลงด้วยความพอใจ “งั้นพาฉันไปหานังนั่น!”
เตียงในห้องนี้กินพื้นที่ส่วนใหญ่ก็จริง แต่ไป๋อวี้ซิ่วนั่งอยู่ทางฝั่งตะวันตก และเจียงหว่านอยู่ทางตะวันออก ทั้งสองคนอยู่ห่างกันประมาณสามเมตร
แม้เธอจะมีที่พอให้เคลื่อนไหวได้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก!
เฉียวเหลียนเฉิงประหลาดใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ลังเล อุ้มเจียงหว่านด้วยมือขวาเข้าไปหาไป๋อวี้ซิ่วทันที
พอเจียงหว่านเข้ามาใกล้ ไป๋อวี้ซิ่วก็ถอยร่นไปด้านหลัง “เธอ… เธอคิดจะทำอะไร? ฉันยังเป็นคนป่วยอยู่นะ!”
เจียงหว่านขยับข้อเท้าที่ยังดีอยู่เหยียบบนเท้าของเฉียวเหลียนเฉิง ก่อนจะโน้มตัวไปด้านหน้า แล้วคว้าคอเสื้อของไป๋อวี้ซิ่วเอาไว้ เธอยกมือขึ้น
เพียะ!
“เธอคิดทำอะไร? ยั่วยวนสามีของฉันต่อหน้าฉัน เธอคิดว่าฉันจะอยู่เฉยหรือไง?”
เพียะ!
“ตบครั้งนี้ก็เพื่อเรียกสติของเธอ”
เพียะ!
“ตบครั้งนี้เพราะความไร้ยางอายของเธอ”
เพียะ!
ไป๋อวี้ซิ่วรีบถาม “แล้วตบนี้คืออะไร?”
เจียงหว่านครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบ “ไม่มีอะไร แค่คันมือ!”
ไป๋อวี้ซิ่วแทบจะกระอักเลือด “แก… กล้าทำถึงขนาดนี้ ถ้าแกตบฉันอีกครั้ง ฉันจะร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่!”
เจียงหว่านยิ้มเยาะ “ฟ้องไปเลยสิ คิดว่าถ้ามีคนฟ้องร้องฉันเยอะ ๆ แล้วฉันจะกลัวรึไง?!”
“บอกมาว่าหลี่หงเหมยพูดอะไรกับเธออีก?”
ไป๋อวี้ซิ่วส่ายศีรษะ “หมดแล้ว!”
เจียงหว่านได้ยินแบบนั้นก็ตบอีกครั้ง “จะบอกไหม?”
อาการบาดเจ็บก่อนหน้ายังไม่หายดี พอโดนซ้ำอีก ตอนนี้ใบหน้าเลยยิ่งบวมแดงมากขึ้น
“หมดแล้ว หล่อนบอกแค่เรื่องสับเปลี่ยนเด็ก”
“หล่อนก็ไม่ได้บอกเธออย่างนี้เหมือนกันรึไง?”
เจียงหว่านตะคอกอย่างเย็นชา “พูดออกมา บอกทุกอย่างที่หลี่หงเหมยพูด!”
ไป๋อวี้ซิ่วคิดปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงื้อมือขึ้นอีกครั้ง เธอก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที
“ได้ ฉันจะพูด ฉันพูดแล้ว!”
ดวงตาของเธอแดงก่ำ ก่อนจะบอกเล่าซ้ำคำพูดของหลี่หงเหมย ด้วยน้ำเสียงสะอื้น
เรื่องราวของเหตุการณ์ก็เหมือนกับที่พูดไว้ก่อนหน้านี้ แต่มีรายละเอียดอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย
ผู้หญิงที่ให้กำเนิดเฉียวเหลียนเฉิงมาจากในเมือง มีการศึกษา อ่อนโยน และสง่างาม
ไม่นานหลังจากผู้หญิงคนนั้นให้กำเนิดลูก ก็มีชายคนหนึ่งมาจากในเมืองเช่นกัน เขามารับผู้หญิงคนนั้นกับลูก ตอนนั้นเด็กที่เขาพาไปด้วยก็เป็นลูกสาวของหลี่หงเหมยที่เธอแอบสลับตัว
และผู้ชายคนนั้นก็เป็นทหาร
ก่อนเขาจะจากไป เพื่อขอบคุณหลี่หงเหมยที่ช่วยเหลือภรรยาของตัวเองเอาไว้ เขายังมอบนาฬิการาคาแพงไว้ให้ด้วย
“ฉันรู้เท่านี้แหละ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรมากกว่านี้ไหม!”
ไป๋อวี้ซิ่วตะโกนพร้อมร้องไห้
เจียงหว่านตะคอกด้วยความไม่พอใจ “ก็แค่นั้น ละอย่ามาหาว่าพวกฉันรังแกล่ะ พรุ่งนี้เราจะส่งเธอกลับเข้าเมือง จะได้ไปพักฟื้น…ด้วยตัวเอง”
ไป๋อวี้ซิ่วกำลังร้องไห้อยู่ถึงกับหยุดร้องไห้ทันที
“ไม่ ฉันไม่กลับ!”
เจียงหว่านจ้องเธอ ก่อนจะเงื้อมือขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ไป๋อวี้ซิ่วไม่หดหัวหนี เธอเผยสีหน้าแข็งกร้าว แล้วตะโกนโต้กลับ
“ถ้าเธอคิดจะไล่ฉัน ฉันจะเขียนจดหมายไปที่กองทัพว่าหลี่จ้วงจ้วงจะข่มขืนฉัน และฉันไม่ยินยอม ตอนฉันหนีเลยพลาดพลั้งล้มจนข้อเท้าหัก”
เจียงหว่านถึงกับอึ้ง
“หลี่จ้วงจ้วงข่มขืนเธอเมื่อไหร่? เธอคิดจะทำตัวไร้ยางอายแบบนี้ไปจนตายเลยเหรอ!”
ไป๋อวี้ซิ่วยังคงตะโกน “แล้วยังไง? ยังไงตอนนั้นก็มีแค่ฉันกับเขาเท่านั้น ถ้าฉันบอกว่าใช่ ใครบ้างจะไม่เชื่อ!”
“นอกจากเราสองคนก็มีแค่หมูป่าสองตัว ถ้าเธอมีเก่งนักก็ให้หมูป่าสองตัวนั้นไปเป็นพยานสิ!”
เจียงหว่านถึงกับหัวเราะออกมา ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงไร้ยางอายแบบนี้อยู่นอกนิยายที่เธอเขียนด้วย
ตอนนี้เธอได้เจอผู้หญิงไร้ยางอายแบบนั้นจริง ๆ เข้าแล้ว …ให้ตายเถอะ
“ไป๋อวี้ซิ่ว เธอมีความละอายบ้างไหม? ไม่อายปากตอนพูดเรื่องแบบนี้ออกมาเลยเหรอ?”
ดวงตาของไป๋อวี้ซิ่วกลายเป็นสีแดงก่ำ เธอคำรามเกรี้ยวกราด “ทำไมฉันจะพูดไม่ได้ ไม่มีอะไรให้ฉันต้องอับอายมากกว่านี้แล้ว ทุกคนในหมู่บ้านรู้กันหมดแล้วว่าที่ฉันแต่งงานกับเฉียวเหลียนเฉิงเป็นแค่เรื่องตลก!”
“หมู่บ้านจัดการเลี้ยงยิ่งใหญ่ขนาดนั้น และถ้าฉันถูกส่งกลับไปจะเป็นยังไง? ต่อให้จะได้การยอมรับว่าเป็นลูกทูนหัว แต่หน้าของฉันก็ไม่มีที่จะซ่อนแล้ว!”
เจียงหว่านกัดฟันแน่น เธอตบหล่อนไปอีกฉาด
“นังผู้หญิงไร้ยางอาย เธอทำตัวเองทั้งหมด แต่กลับไม่คิดจะโทษตัวเองที่ทำตัวชั่ว ๆ”
“เธอรู้ดีแก่ใจอยู่แล้ว แต่ทำไมถึงอยากจะแต่งงานนักหนา? หยุดเสแสร้ง และเลิกร่านกับสามีคนอื่นได้แล้ว!”
ไป๋อวี้ซิ่วกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง “ถ้าแกตีฉันอีกครั้ง และฉันรอดไปได้ ฉันจะเขียนจดหมายร้องเรียนจริง ๆ!”
“นังอ้วนที่ฆ่าหมูได้อย่างง่ายดาย ไม่เกรงกลัวอะไรเลยใช่ไหม? ไม่คิดเป็นห่วงหลี่จ้วงจ้วงแล้วใช่ไหม?!”
“เอาสิ! ฆ่าฉันให้ตาย ทุบตีฉันให้ตายเลย ถึงเวลานั้นแกก็จะถูกฝังไปพร้อมกับฉัน เราสองคนจะอยู่ด้วยกัน ไม่มีใครได้เป็นภรรยาของเฉียวเหลียนเฉิงทั้งนั้น!”
เจียงหว่านโกรธจัด และอยากจะพุ่งตัวไปฉีกใบหน้าของนังผู้หญิงไร้ยางอายนี่ให้รู้แล้วรู้รอด
เธออยากรู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้มีผิวหน้ากี่ชั้น ทำไมมันถึงหนาได้มากขนาดนี้
เห็นเจียงหว่านจะพุ่งตัวเข้าไปอีกรอบ เฉียวเหลียนเฉิงก็รีบโอบเอวเธอไว้ แล้วดึงกลับมาทันที
เจียงหว่านหันศีรษะกลับมาจ้องมองเขา “หยุดฉันทำไม!”
เฉียวเหลียนเฉิงรีบกล่าวเสียงอ่อน “ผมกลัวคุณเหนื่อย เราค่อย ๆ ทุบตีเธอก็ได้นี่ แต่เราไม่ควรทุบตีจนเธอบาดเจ็บนะ ไม่อย่างนั้นถ้าเธอบาดเจ็บขึ้นมา เราต้องเสียเงินเพื่อจ่ายค่ารักษาอีก”
หลังพูดจบแล้ว เขาหันมองไป๋อวี้ซิ่ว แล้วพูดว่า “เธออยู่ที่นี่จนกว่าเท้าจะหาย จากนั้นก็กลับไปซะ!”
ไม่รู้ว่าไป๋อวี้ซิ่วโกรธหรือรู้สึกอย่างไร หน้าอกของเธอกระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงจากการหอบหายใจอย่างหนัก
เฉียวเหลียนเฉิงไม่สนใจจะรอฟังคำตอบ พอพูดจบเขาก็อุ้มเจียงหว่านไว้ด้วยแขนข้างเดียว แล้วออกมาทันที
ทั้งสองคนเดินออกจากบ้านหลังนั้น ไม่นานก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งตามหลังมา