เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 230 เฉียวเหลียนเฉิงโกรธมาก ฉันควรทำยังไงดี
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 230 เฉียวเหลียนเฉิงโกรธมาก ฉันควรทำยังไงดี
บทที่ 230 เฉียวเหลียนเฉิงโกรธมาก ฉันควรทำยังไงดี?
ตอนนี้ไป๋อวี้ซิ่วรู้ว่ามีคนจำนวนมากกำลังเฝ้ามองอยู่ เธอจึงไม่กล้าลืมตา เพราะกลัวจะถูกไล่ออกจากฟาร์ม
เธอคิดว่ายังแกล้งทำเป็นสลบได้แนบเนียน ไม่รู้เลยว่าดวงตาทุกคู่ที่จ้องมองมาเห็นการเคลื่อนไหวของเธอชัดเจนแล้ว
ทุกคนรู้ว่าเธอแกล้งหมดสติ พวกเขาจึงปิดปากแอบหัวเราะเบา ๆ กลัวว่าเธอจะรู้ตัวเสียก่อน
ตอนนี้ ลุงฝูใช้แท่งไม้เล็ก ๆ จิ้มจุดฝังเข็มสองสามตำแหน่งบนร่างหญิงสาว
“ตรงนี้ และตรงนี้”
“การจะลงเข็ม ต้องรวดเร็ว แม่นยำ และมั่นใจ”
“เอาล่ะ ในครั้งแรกไม่มีใครทำถูกหรอก ลองดูเลย”
ทันทีที่ลุงฝูพูดจบ เจียงหว่านก็แทงลงจุดฝังเข็มอย่างแรง
“กรี๊ด!” ไป๋ซิ่วอวี้กรีดร้อง เธอเด้งตัวลุกพรวดพราดขึ้นมาทันที
หลังจากเธอลืมตาขึ้นมา เธอก็จ้องมองเจียงหว่านด้วยความขุ่นเคือง แต่ไม่ทันได้พูดอะไร เจียงหว่านก็หัวเราะออกมาก่อน
“ฮ่า ๆๆ ลุงฝู ลุงเห็นไหมว่าฉันรักษาโรคได้จริง ๆ ด้วย ก่อนหน้านี้หล่อนยังหมดสติ แต่พอฉันแทงเข็มลงไปนิดเดียว หล่อนก็ตื่นขึ้นมาทันทีแน่ะ”
ลุงฝูลูบเครา เผยสีหน้าผ่อนคลายออกมา “ฮ่า ๆ ใช่แล้ว สหายเจียงมีความสามารถจริง ๆ ไม่เลว ๆ”
ผู้คนรอบตัวพยายามกลั้นเสียงหัวเราะอย่างหนัก ส่วนไป๋อวี้ซิ่วเวลานี้ ใบหน้ากลายเป็นก้นหม้อไปแล้ว
“แก แก…”
ไป๋อวี้ซิ่วกัดฟัน อยากจะพ่นคำด่าออกมา แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
เจียงหว่านทำหน้าตาย แล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันใจบุญอยู่แล้ว”
ไป๋ซิ่วอวี้กลอกตา พร้อมกับหมดสติตัวเอง
เจียงหว่านเห็นอย่างนั้นก็ร้องอุทานเสียงดัง “โอ้ ไม่ได้การ ๆ ดูเหมือนการฝังเข็มทีเดียวจะไม่พอ งั้นฉันจะลองอีกครั้ง!”
ได้ยินอย่างนั้น ไป๋อวี้ซิ่วก็พลิกตัวลุกขึ้นยืนทันที “ไม่ต้อง ฉันไม่ได้เป็นอะไร!”
ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
ทำให้ใบหน้าของไป๋อวี้ซิ่วบิดเบี้ยวอย่างหนัก เธออับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว
หลังจากหัวเราะสักพัก ลุงฝูก็พูดขึ้นว่า “กระดูกข้อเท้าของเธอหัก คงต้องพักฟื้นสักระยะ”
“ช่วงนี้ไม่ควรจะเดินไปเดินมา”
“ถ้าสะดวกก็ไปโรงพยาบาลเถอะ แต่ถ้าเชื่อฝีมือของฉัน ก็อยู่ต่อได้”
เจียงหว่านเหลือบมองข้อเท้าไป๋อวี้ซิ่ว แม้ว่ามันจะแดงก่ำ แต่ก็ยังดูไม่เป็นไรมาก
“ลุงฝู เป็นความจริงไหมคะที่ว่ายิ่งอาการรุนแรงเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งบวมมากเท่านั้น”
ลุงฝู่ส่ายศีรษะ “ไม่หรอก ถ้าเอ็นและกล้ามเนื้อได้รับบาดเจ็บจะมีอาการบวมรุนแรง แต่ถ้าเป็นกระดูกที่ได้รับบาดเจ็บ อาการบวมจะไม่มากนัก แต่จะร้ายแรงกว่ามาก”
เจียงหว่านเกาหัวแกรก ๆ ก่อนจะถกกางเกงขึ้น
“แล้วแบบนี้ฉันสบายดีไหม?”
ทุกคนหันมองข้อเท้าของเธอที่บวมเป่ง ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่รองเท้า เพราะดูเหมือนว่าจะไม่สามารถใส่ได้
ขากางเกงของเธอกว้างมาก ก่อนหน้านี้จึงไม่มีใครสังเกตเห็นความผิดปกติ
ลุงฝูรีบบอกให้เธอยกเท้าให้เขาดู
เฉียวเหลียนเฉิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนหน้านี้ที่เป็นเรื่องของไป๋อวี้ซิ่ว เขาไม่สนใจเลย และไม่คิดแยแสหล่อนสักนิด
แต่ทันทีที่เจียงหว่านถกขากางเกงขึ้น ดวงตาก็กลายเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา
เขาเห็นว่าลุงฝูกำลังตรวจสอบอาการของเจียงหว่าน ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงอดกลั้น และเม้มปากเงียบ ๆ
ทว่าเสี่ยวไช่กับหลี่จ้วงจ้วงที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทีของชายหนุ่มอย่างชัดเจน ความเยือกเย็นเกาะกุมหัวใจของทั้งสองอย่างไม่รู้ตัว จนทั้งคู่ต้องถอยห่างออกไปสองสามก้าว
ลุงฝูตรวจเสร็จแล้ว ก็พูดขึ้น “มันเพียงแค่พลิกบิดไปสักหน่อย แต่กล้ามเนื้อและกระดูกไม่ได้รับบาดเจ็บ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
“แต่ว่ามันบวมมากขนาดนี้ยังเดินได้อยู่เหรอ? ไม่เจ็บรึไง?”
เจียงหว่านส่ายศีรษะ “ตอนแรกมันเจ็บค่ะ แต่ฉันพยายามข่มใจ และคิดว่ามันไม่เจ็บ มันก็เลยไม่เจ็บ”
ลุงฝูระเบิดเสียงหัวเราะ “เธอคงจะเจ็บจนชาน่ะสิ เอาล่ะเดี๋ยวฉันจะผสมขี้ผึ้งให้ ช่วงนี้ก็อย่าเดินมากล่ะ แล้วอาการบวมนี้ก็จะหายไปในสิบวัน”
เจียงหว่านตอบรับ หลังจากลุงฝูทิ้งยาไว้ให้ เขาก็กำลังจะกลับไปพร้อมกับโย่วเสี่ยวซานและคนอื่น ๆ
เจียงหว่านอยากจะติดตามพวกเขาไปดูหมูที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้
“ไม่ คุณจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” เฉียวเหลียนเฉิงดุเสียงเข้ม
เขาโกรธมาก โกรธที่เธอไม่ดูแลตัวเอง และตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอก็ประมาทเกินไป!
ข้อเท้าของเธอบวมมากขนาดนั้น แต่เธอไม่ใส่ใจมันเลย!
เจียงหว่านประหลาดใจมาก เธอเงยหน้าขึ้นมอง และก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าตึงเครียดของเฉียวเหลียนเฉิง ตอนนี้แววตาของเขาน่ากลัวมาก
เหมือนเธอได้ย้อนกลับไปตอนที่ตื่นขึ้นมาคราวแรก
ไม่ ไม่ใช่ มันน่ากลัวกว่านั้นอีก
ตอนนั้นเฉียวเหลียนเฉิงทั้งเย็นชาและไม่แยแส การเผชิญหน้ากับเขาเหมือนกับการยืนอยู่กลางหุบเขาน้ำแข็ง
แต่ตอนนี้เฉียวเหลียนเฉิงคล้ายกับขีปนาวุธที่มีใครไปจุดฉนวนโดยไม่ตั้งใจ
เจียงหว่านตระหนักได้ว่าอาจมีบางอย่างผิดปกติกับเขา
“นายเป็นอะไร? เจ็บแขนหรือเปล่า?”
“ลุงฝู ช่วยดูแขนของเขาให้หน่อยสิ!”
เจียงหว่านหันไปหาลุงฝูเพื่อขอความช่วยเหลือ
ลุงฝูคิดจะเข้ามาตรวจสอบอาการ แต่เฉียวเหลียนเฉิงกลับโบกมือ “ผมสบายดีครับไม่ต้องรบกวนลุงฝูหรอก เชิญพวกคุณกลับไปเถอะ”
เจียงหว่านยิ่งกังวล “ไม่ แขนของนายสำคัญมากนะ ให้ลุงฝูดูสักหน่อยเถอะ”
เฉียวเหลียนเฉิงยิ่งเผยแววตาเย็นชามากขึ้น “ผมบอกว่าไม่ก็คือไม่ แทนที่จะมากังวลเรื่องแขนของผม คุณควรจะดูแลข้อเท้าของคุณก่อน!”
ลุงฝูเข้าใจบางอย่างทันที เขาจึงจากไปพร้อมกับรอยยิ้มประหลาด ๆ บนใบหน้า
เจียงหว่านอดไม่ได้ที่จะเขินอาย
ลุงฝูจากไปแล้ว เสี่ยวไช่กับคนอื่น ๆ หันมองหน้ากันเลิกลั่ก
แม้แต่เสิ่นหรูเหมยกับมู่เหย่เองก็สังเกตเห็นบางอย่างเช่นกัน พวกเขาจึงหันหลัง และรีบเดินจากไปทันที
ไป๋อวี้ซิ่วรู้สึกยินดีขึ้นมา แม้เธอจะไม่พูดอะไร แต่ใบหน้าราวกับได้พบเจอเรื่องน่าตื่นเต้น แววตาเธอคล้ายกับกำลังพูดว่า
‘ตีกันเลย ตีกันเลย ตีกันเลย!’
แต่ขณะที่กำลังตื่นเต้น เสิ่นหรูเหมยกับหลี่จ้วงจ้วงก็เดินกลับมา แล้วเสิ่นหรูเหมยก็พูดขึ้น
“เธอบาดเจ็บที่ข้อเท้าคงจะเดินลำบาก อุ้มเธอไปบ้านของฉันสิ”
ไป๋อวี้ซิ่วพลันหลุดจากความคิด เธอตกตะลึงไปสักครู่ ขณะนั้นเอง หลี่จ้วงจ้วงก็เข้ามาอุ้มเธอขึ้น เธอรีบโบกไม้โบกมือด้วยความรังเกียจเป็นพัลวัน
“ไม่ ฉันไม่ไป ฉันจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
หลี่จ้วงจ้วงไม่สนใจ เขายกร่างของไป๋อวี้ซิ่วขึ้น แล้วแบกขึ้นไหล่ออกไป
ท้องของไป๋อวี้ซิ่วกดอยู่ยนไหล่ของหลีจ้วงจ้วง ศีรษะห้อยต่ำ และหลังจากเขาเดินไปไม่กี่ก้าว เธอก็รู้สึกอยากจะอาเจียนออกมา
“ฉันไม่…”
เวลานี้เธอต้องหยุดพูดทุกอย่าง
ขณะทุกคนออกไป เฉียวเหลียนเฉิงก็มีใบหน้าเรียบเฉยอยู่ตลอด ไม่คิดสนใจคนอื่น ๆ
เจียงหว่านรู้สึกถึงแรงกดดันประหลาดที่ส่งผ่านออกมาจากร่างกายของเฉียวเหลียนเฉิง
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกผิด
ไม่มีใครอยู่ที่นี่อีกแล้ว เสิ่นหรูเหมยก็ปิดประตูให้เสียสนิท มันยิ่งทำให้เจียงหว่านรู้สึกอึดอัด และรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก
เธอสูดลมหายใจเข้า พยายามทำใจดีสู้เสือ “ฉันต้องไปดู ไม่งั้นก็ไม่รู้หรอกว่ามีหมูจริงไหม อีกอย่างหมูพันธุ์ในฟาร์มทั้งหมดต้องไปผสมกับหมูที่หุบเขาลูกนั้นนะ”
“เท้าของฉันไม่เป็นอะไร ฉันเดินได้ไม่ได้เจ็บ เดี๋ยวขึ้นไปบนภูเขาก็กลับมาแล้ว ฉันดูแลดีอยู่น่า!”
เฉียวเหลียนเฉิงจ้องมองเธอนิ่ง ในดวงตายังไม่ผ่อนคลายความเข้มงวด
เจียงหว่านยิ่งรู้สึกว่าแรงกดดันเพิ่มขึ้นทุกขณะ ความขุ่นเคืองยิ่งมากขึ้นทุกวินาที
ในที่สุดเธอก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรอีก
ความจริงแล้วที่เฉียวเหลียนเฉิงโกรธจัดแบบนี้มันทำให้เธอรู้สึกวูบไหวในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
แต่เธอก็รู้สึกหวาดกลัวด้วย
ไม่นานนัก เฉียวเหลียนเฉิงก็กล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ผมจะให้มู่เหย่ไปดู”
“ส่วนคุณอยู่ที่นี่ ผมจะดูแลคุณเอง!”
พูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกไป
เมื่อเดินไปถึงประตู ดูเหมือนเขาจะนึกบางอย่างขึ้นได้ เขาหันกลับมาพร้อมกับกดให้เจียงหว่านนั่งลงบนเตียง ก่อนจะยกขาเธอขึ้นมาวางบนเตียงด้วย
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะมืดครึ้มไม่ต่างจากก้นหม้อ แต่การกระทำกลับเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
ทั้งยังไม่ลืมที่จะเอาผ้าห่มมาหนุนหลังให้เธอด้วย
หลังจากปรับท่าให้เธอเรียบร้อยแล้ว เขาก็กล่าวด้วยสีหน้านิ่งเฉย “ต่อให้ผมจะมีแค่มือเดียว ผมก็ดูแลคุณได้”
พอพูดจบ เขาหยิบรองเท้าของเธอ แล้วเดินออกไป
เจียงหว่านไม่เข้าใจ จึงร้องถาม “ไม่ใช่นะ นั่นรองเท้าของฉัน นายจะเอารองเท้าของฉันไปไหน?”
ทว่าเฉียวเหลียนเฉิงไม่ตอบ