เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 228 มู่เหย่ได้โอกาสแก้แค้น
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 228 มู่เหย่ได้โอกาสแก้แค้น
บทที่ 228 มู่เหย่ได้โอกาสแก้แค้น
“ก่อนหน้านี้ที่หมูป่ามาก่อปัญหาทุกสองวันที่นี่ ทำไมนายถึงไม่ออกมาพูดล่ะว่าเลี้ยงมันอยู่?”
เจียงหว่านเย้ยหยันเสียงดัง
เหมินชวนกล่าวตอบ
“นังอ้วนนี่ปากพล่อยดีจริง ๆ แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเราเป็นใคร เรามาจากหมู่บ้านนายพราน และถ้าฉันบอกว่าหมูป่าตัวนี้เป็นของเรา มันก็คือของเรา!”
“ส่วนเรื่องที่หมูป่าของเรามาทำลายฟาร์มของพวกแก มันก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่ ยังไงซะมันก็ช่วยพรวนดินให้ไม่ใช่เรอะ?”
“หมูป่าของเรามากกว่าที่ทำงานให้ฟาร์มของพวกแกโดยไม่ได้รับเงินค่าจ้างสักแดง เอาล่ะ ที่นี้ก็จ่ายเงินมาด้วย!”
เจียงหว่านถึงกับระเบิดหัวเราะด้วยความโกรธ “โอ้โห นี่จะเรียกว่ากล้าหาญหรือหน้าด้านดีล่ะ? ยังกล้าเรียกร้องเงินจากฉันอีกเหรอ?”
“เมื่อวานนี้หัวหน้าหมู่บ้านของพวกนายทำข้อตกลงกับฉันว่า พวกเขาจะไม่ฉ้อโกงใครอีก แต่ทำไมถึงเปลี่ยนใจรวดเร็วขนาดนี้ล่ะ? นี่ยังไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำนะ!”
“ดูเหมือนว่าปากของคนในหมู่บ้านนายพรานก็ไม่แตกต่างอะไรจากก้น เปล่งเสียงออกมาก็เหมือนผายลม!”
เหมินชวนถ่มน้ำลาย “ถุย! เรื่องหัวหน้าหมู่บ้านก็เป็นเรื่องของหัวหน้าหมู่บ้าน ฉันไม่สนใจหัวหน้าหมู่บ้านไร้ความสามารถแบบนั้นหรอก”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว ฉันจะถามคำเดียว แกเป็นคนวางยาพี่ชานใช่ไหม?”
เจียงหว่านขมวดคิ้วแน่น “ดูเหมือนว่านายจะมาหาเรื่องฉันจริง ๆ สินะ!”
“เอาล่ะ ต่อให้ฉันปฏิเสธไปก็คงไม่เชื่อสินะ งั้นก็ตามสบายเลย!”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็วิ่งเข้าหาเหมินชวนพร้อมกับไม้นวดแป้งในมือ
เสี่ยวไช่กับหลี่จ้วงจ้วงที่อยู่ด้านหลังต้องการจะคว้าตัวเธอไว้ แต่ถูกเฉียวเหลียนเฉิงหยุดเสียก่อน
“ทุกคนในฟาร์มถอยออกมา พวกนายไม่เกี่ยวข้อง!”
ทุกคนไม่มีทางเลือกนอกจากถอยหลัง
ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงที่เกรงว่าเจียงหว่านจะพ่ายแพ้ เขายืนรออยู่ไม่ไกล เพื่อคอยช่วยเหลือ แต่เขาก็ถูกใครคนหนึ่งขวางเอาไว้เหมือนกัน
เมื่อหันมอง เขาก็เห็นว่าเป็นมู่เหย่
มู่เหย่พูดขึ้นว่า “เวลานี้คุณทำอะไรพวกมันไม่ได้หรอก ส่วนผมมีความแค้นกับพวกมัน ผมเคยขอความช่วยเหลือจากหมู่บ้านนั้นเลยต้องยอมอดทนมาตลอด แต่ตอนนี้หัวหน้าหมู่บ้านทำข้อตกลงซื้อขายกับเจียงหว่านแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องอดทนอีก!”
“ถึงเวลาชำระบัญชีแค้นแล้ว คุณเฝ้าอยู่ห่าง ๆ เถอะ ให้พวกเราจัดการเอง!”
ก่อนเฉียวเหลียนเฉิงจะปฏิเสธ มู่เหย่ก็คว้าไม้จากที่ใดมาไม่ทราบ วิ่งเข้าไปโรมรันด้วยทันที
เฉียวเหลียนเฉิงครุ่นคิดก่อนจะหยุดฝีเท้า
เขาเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
เจียงหว่านต่อสู้กับเหมินชวน ทว่าชายคนนี้สูงใหญ่กำยำ ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
ความแข็งแกร่งนับว่าล้นเหลือ ทันทีที่เผชิญหน้ากัน เจียงหว่านก็ถูกโต้กลับจนท่อนแขนชา
เหมินชวนเองก็มีท่อนไม้ในมือด้วยเหมือนกัน ทั้งสองปะทะกันหลายครั้ง จนเจียงหว่านเริ่มถอยกลับ
ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยเสียเปรียบใครเลย แต่ตอนนี้กลับสัมผัสได้ถึงความเสียเปรียบที่กำลังเผชิญ
เมื่อเห็นว่าเจียงหว่านถอยจนสุดทางแล้ว เหมินชวนก็ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น “แกทำร้ายพี่ชานของฉัน วันนี้ฉันจะจัดการแก ล้างแค้นให้กับพี่ชาน!”
พูดจบ อีกฝ่ายก็วิ่งเข้าหาเจียงหว่านพร้อมกับไม้ในมือ
ช่วงขณะนั้นมู่เหย่ก็เข้ามาได้ทันเวลาพอดี เขาใช้ไม้หนาทุบตีที่เอวของอีกฝ่าย ผลักให้ออกไปด้านข้าง
เมื่อถูกทุบตีเหมินชวนก็ถึงกับโซเซ เขารู้สึกปวดร้าวที่เอวอย่างรุนแรง และเลือดในกายก็เริ่มร้อนขึ้นมา
หลังจากกลับมายืนได้มั่นคง เขาก็ตะโกนลั่น “แกเป็นบ้าอะไร เป็นทหารก็ตายได้เหมือนกันนะ!”
มู่เหย่ถอนหายใจ “พูดไร้สาระ ฉันไม่ใช่ทหาร ก็แค่พลเมืองธรรมดา…”
“อะไรกัน แกลืมไปแล้วเหรอ? เมื่อไม่กี่วันก่อนแกยังสวมหมวกใบใหญ่[1]*ให้ฉันอยู่เลย ดูเหมือนว่าจะสมองจะเสื่อมตั้งแต่อายุยังน้อยนะ!”
มู่เหย่ไปที่หมู่บ้านหลายครั้ง และเขาถูกผู้ชายในหมู่บ้านรังแกตลอดเวลา แต่เขาก็ต้องยอม เพราะต้องการซื้อพิษงูกลับไปให้ยาย
เวลานี้หัวหน้าหมู่บ้านตกลงขายพิษงูให้กับเขาแล้ว แต่อีกฝ่ายต้องการให้เจียงหว่านเป็นคนพูดคุย ดังนั้นความหมายก็คือหัวหน้าหมู่บ้านจะขายพิษงูให้กับเจียงหว่านคนเดียวเท่านั้น
แน่นอนว่าการซื้อพิษงูจากเจียงหว่านมันย่อมดีกว่าซื้อจากหมู่บ้านนายพรานโดยตรง มู่เหย่จึงมีโอกาสระบายความโกรธที่สะสมมานาน
คำพูดของเขาทำให้เหมินชวนตระหนักบางอย่างได้ “แกเป็นเด็กที่ถูกขังเพราะบุกเข้ามาในหมู่บ้านเรานี่เอง!”
มู่เหย่โกรธจัด “ไร้สาระ พวกแกต่างหากที่เป็นคนบุกเข้ามา!”
ทันทีที่พูดจบ มู่เหย่ก็วิ่งไปด้านหน้าพร้อมกับท่อนไม้ในมือ
หลังจากมู่เหย่เข้ามาช่วย เจียงหว่านก็ได้มีเวลาหายใจ
แต่ตอนนี้พวกคนที่มาพร้อมกับเหมินชวนก็วิ่งเข้าหาเธอแทน
เจียงหว่านวิ่งเข้าหาคนพวกนั้นอย่างไม่กลัว แต่สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็แข็งแกร่งมาก ทว่าไม่อาจเทียบกับเหมินชวนได้ เจียงหว่านจึงสู้ได้ประมาณหนึ่ง
แต่สถานการณ์ก็ยังคงเสียเปรียบมาก เพราะฝั่งของเจียงหว่านมีเพียงแค่สองคน
ร่างผอมบางวิ่งเข้ามาพร้อมกับไม้กวาดทางยาวขนาดใหญ่
“หว่านหว่าน ไม่ต้องกลัว ฉันมาแล้ว!”
เสียงหวานนี้ไม่มีความน่าเกรงขามแม้แต่น้อย มันทั้งสง่างามและดูอ่อนโยน ทว่ากลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เพียงได้ยินเสียงก็รู้ทันทีว่านั่นคือ เสิ่นหรูเหมย
หลังจากเสิ่นหรูเหมยได้ลองตบตีไป๋อวี้ซิ่ว ราวกับว่าเธอได้เปิดประตูสู่โลกใบใหม่
ความอ่อนโยนและมารยาททั้งหมดถูกโยนทิ้ง เวลานี้เธอใช้ไม้กวาดใหญ่ฟาดลงบนร่างกายของชายตรงหน้า
แน่นอนว่าไม้กวาดนี้เป็นสิ่งที่ใช้กวาดขี้หมูมาก่อน จึงไม่แปลกที่ยังมีคราบติดอยู่บ้าง จนอีกฝ่ายถึงกับร้อนรน
เพราะกลิ่นของมันนับว่ารุนแรงทีเดียว
“บัดซบ! นังบ้านี่มาจากไหนเนี่ย เธอกินขี้เป็นอาหารหรือไง? ทำไมมันเหม็นขนาดนี้!”
ทันทีที่เสิ่นหรูเหมยได้ยิน เธอยิ่งโกรธมากขึ้น “กินขี้งั้นเหรอ! ถ้าอยากกิน ฉันจะจัดให้!”
ขณะพูด เธอก็ลงมือทุบตีอย่างหนัก
เจียงหว่านกลั้นยิ้ม แต่ก็ไม่ยอมหยุดมือเช่นกัน เธอใช้ไม้ในมือทุบตีอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ
แต่ว่าคู่ต่อสู้ของเธอก็ไม่ได้จัดการง่าย ๆ เจียงหว่านก็ถูกทุบตีเช่นกัน โดยที่เธอไม่สามารถหลบเลี่ยงได้เลย
แต่เธอไม่สนความเจ็บปวด และพยายามสู้ต่อ
คนที่ต่อสู้กับเธอกรีดร้องออกมา ตัวเขาแข็งทื่อ เพราะไม้นวดแป้งที่ลอยออกไป
เจียงหว่านขว้างไม้นวดแป้งในมือกระแทกขาของผู้ชายคนนั้น
ทันทีที่ถูกแรงปะทะ เขาก็แสดงอาการปวด
คู่ต่อสู้พยายามจะขยับแขนเพื่อโจมตี แต่เมื่อรู้ตัว เขาก็ขยับแขนไม่ได้อีกต่อไป จึงกรีดร้องออกมาแทน
และตอนนี้เจียงหว่านก็ได้รู้ตัวว่า มีคนใช้ก้อนหินโจมตีข้อศอกของอีกฝ่าย
เธอหันมองเฉียวเหลียนเฉิงที่โยนหินมาโดยไม่รู้ตัว
เจียงหว่านผ่อนคลายลง
การต่อสู้จบอย่างรวดเร็วเมื่อเฉียวเหลียนเฉิงยื่นมือเข้าช่วย คนพวกนั้นถูกก้อนหินกระแทกโดยไม่ทันระวัง ไม่มีใครหลบเลี่ยงได้ ไม่นานแขนของพวกเขาก็ชากันหมด ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ จึงต้องรับท่อนไม้ของคู่ต่อสู้ตรงหน้าโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง
ทันทีที่เสี่ยวซานมาถึง เหมินชวนและพี่น้องก็นอนกรีดร้อง กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้นแล้ว
เจียงหว่านหยุดยืนตรงหน้าคนเหล่านั้น เธอเท้าสะเอว แล้วตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “ฉันไม่สนใจว่าพวกนายจะมีความขัดแย้งอะไรกันภายในหมู่บ้าน แต่ฉันจะพูดแค่คำเดียว ฉันเป็นคนจับหมูป่าตัวนี้ได้ และจะไม่มีใครพามันออกไปได้ทั้งนั้น คนที่ไม่เกี่ยวออกไปได้แล้ว!”
พูดจบ เสี่ยวซานก็ตะโกนออกมา “สหายเจียง ฉันเสี่ยวซาน!”
เจียงหว่านตอบกลับโดยไม่หันมอง “ใครก็ห้ามเข้ามายุ่งทั้งนั้น ต่อให้เป็นเสี่ยวซานก็ตาม!”
หลังพูดจบ เธอจึงหันกลับมาจ้องมองเขาด้วยความขุ่นเคือง
โย่วเสี่ยวชานยกมือขึ้นอย่างลำบากใจ “สหายเจียง อย่าเพิ่งโกรธเลย นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”
เขามองดูชาวบ้านที่กำลังนอนกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น
น่าประทับใจจริง ๆ!
เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะเดินไปด้านหน้าอย่างเกรง ๆ “พวกเราต้องขอโทษด้วยจริง ๆ เมื่อวานคนพวกนี้ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่ชาน เลยค่อนข้างจะควบคุมได้ยากสักหน่อย!”
เวลานี้ท่าทีของเจียงหว่านอ่อนลงเล็กน้อย แต่เธอก็ยังถามออกไปอย่างคาดคั้น
“แล้วนายล่ะ อยากได้หมูป่าตัวนี้ไหม?”