เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 226 ฉันอยากให้เฉียวเหลียนเฉิงดูแลฉันเป็นการส่วนตัว
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 226 ฉันอยากให้เฉียวเหลียนเฉิงดูแลฉันเป็นการส่วนตัว
บทที่ 226 ฉันอยากให้เฉียวเหลียนเฉิงดูแลฉันเป็นการส่วนตัว
ทุกคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ เห็นฉากนี้ แม้การแสดงออกของทุกคนจะแตกต่างกันไป แต่ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สายตาที่พวกเขามองหลี่จ้วงจ้วงนั้นยิ่งดูคลุมเครืออย่างมาก
ความคิดของทุกคนตอนนี้คือ ‘นายหลี่จ้วงจ้วงคนนี้นี่หล่อไม่เบา เตะสาวสวยคนหนึ่งออกไป แล้วยังโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนเธอได้’
จะมีก็แต่เฉียวเหลียนเฉิงกับเจียงหว่านเท่านั้นที่รู้ว่าไป๋อวี้ซิ่วกอดผิดคน
ทั้งสองมองหน้ากัน คนหนึ่งมองด้วยความยินดี อีกคนก็รู้สึกเขินอายแทนหล่อน
ทว่าเฉียวเหลียนเฉิงไม่อยากให้ไป๋อวี้ซิ่วเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ และจบลงด้วยการทำร้ายหลี่จ้วงจ้วงผู้บริสุทธิ์ เขาจึงกระแอม และพูดว่า
“ไป๋อวี้ซิ่ว เธอไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
เสียงนี้…?
ไป๋อวี้ซิ่วไม่ได้มีความสุขแบบนี้มานานมากแล้ว แต่จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงของเฉียวเหลียนเฉิง ประเด็นสำคัญคือ เสียงนั้นดูอยู่ห่างออกไป
เธอลืมตาขึ้นด้วยความสับสน พอเงยหน้าก็เห็นหลี่จ้วงจ้วงยืนหน้าแดงลามไปจนถึงลำคอแล้ว
“กรี๊ดดด ไอ้ลามก!” ไป๋อวี้ซิ่วโกรธมากเมื่อเห็นว่าคนที่เธอกอดอยู่คือหลี่จ้วงจ้วง เธอตบเขา แล้วผลักเขาออกไปทันที
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนยังคงสับสน แต่ทันใดนั้นพวกเขาก็ตกตะลึงเมื่อเห็นทุกอย่างกลับตาลปัตรแบบนี้
“อะไรเนี่ย นี่มันเรื่องอะไรกัน เธอกอดเขาเองไม่ใช่เหรอ!” เสี่ยวไช่พูดด้วยความสับสน
มู่เหย่ยังพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ เธอไม่ได้แค่กอดเขาเองนะ แต่เธอยังดูลุ่มหลงอีกด้วย!”
เสียงของทั้งสองคนดังขึ้น และทุกคนก็ได้ยินชัดเจน ใบหน้าสวยของไป๋อวี้ซิ่วขึ้นสีแดงก่ำขึ้นมา เธอเหลือบมองเฉียวเหลียนเฉิงที่มีสีหน้าเย็นชาและเฉยเมย จากนั้นก็ปิดหน้า ร้องไห้โฮ
ทุกคนรู้สึกกระอักกระอ่วน เมื่อเห็นหญิงสาวร้องไห้แบบนี้
เสิ่นหรูเหมยพูดอย่างจริงจัง “เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าอวัยวะภายในของเธอปกติดี ฟังเสียงร้องไห้นี่สิ มันทรงพลังแค่ไหน ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย”
”ถึงฉันจะเป็นสัตวแพทย์ แต่ฉันก็มีฝีมือด้านการแพทย์เหมือนกันนะเนี่ย!”
เจียงหว่านยกนิ้วโป้งให้ “ใช่ ทักษะการแพทย์ของเธอยอดเยี่ยมมาก ฉันขอชื่นชมเลย!”
ผู้หญิงสองคนพากันฮัมเพลง นั่นยิ่งทำให้หน้าไป๋อวี้ซิ่วบิดเบี้ยวยิ่งขึ้น เธอลุกขึ้นจากพื้น ปิดหน้า แล้วคิดจะรีบวิ่งไปที่ต้นไม้ใหญ่
“โฮ ฉัน…ฉันไม่มีหน้าไปพบผู้คนแล้ว ฉันอยู่ไม่ได้แล้ว!”
ทว่าเธอไม่ได้อยู่ใกล้ต้นไม้ จึงต้องวิ่งไปหลายสิบก้าว
และโชคร้ายที่เมื่อขึ้น หญิงสาวเกือบจะล้มลงไปทันที เพราะเจ็บข้อเท้า
เมื่อเห็นว่าตัวเองกำลังจะล้มลงกับพื้น ไป๋อวี้ซิ่วก็ถลาวิ่งไปหามู่เหย่ที่อยู่ไม่ไกลโดยสัญชาตญาณ เธอหวังว่ามู่เหย่จะช่วยเธอได้
น่าเสียดายที่มู่เหย่เติบโตในค่ายทหาร เขาจึงไม่เคยเห็นผู้หญิงประเภทนี้
ก่อนหน้านี้เขาไม่เข้าใจว่า ‘ยัยดอกบัวขาวใจดำ’ หมายถึงอะไร แต่ตอนนี้เขาเข้าใจทันที
เมื่อเห็นเธอกำลังจะล้ม แล้วกำลังถลามา กำลังจะแตะต้องตัวเขา เขาก็รีบก้าวถอยหลังหลบทันที
ทั้งยังไม่ลืมดึงเสี่ยวไช่ที่อยู่ข้าง ๆ ออกมาด้วย
ไป๋อวี้ซิ่วคว้าใครไว้ไม่ได้ เธอจึงล้มกระแทกพื้นอย่างแรง
ปึ้ก!
การล้มครั้งนี้ค่อนข้างทุลักทุเล จนทุกคนอดไม่ได้ที่จะเบ้หน้า
“พวกนาย พวกนายเมินกันแบบนี้ได้ยังไง!” ไป๋อวี้ซิ่วล้มลงกองอยู่บนพื้น ลุกขึ้นมาไม่ได้ เธอจึงเงยหน้าก่นด่า
เจียงหว่านเลยพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม “เพราะพวกเขากลัวจะถูกเธอตบอีกไง”
ไป๋อวี้ซิ่วพูดอย่างดึงดัน “เมื่อกี้ฉันตระหนกเกินไป และอีกอย่างก็ไม่ได้ตบเจ็บด้วย ทำไมถึงปฏิบัติกับฉันที่เป็นผู้หญิงแบบนี้!”
เจียงหว่านตะคอก
“ถึงแม้ว่าคนในค่ายทหารของเราจะไม่กลัวถูกตบ แต่การที่เธอตบแบบนี้มันก็น่ารำคาญพอ ๆ กับยุงนั่นแหละ น่าหงุดหงิดมาก!”
ไป๋อวี้ซิ่วกัดฟันกรอด “เจียงหว่าน ทำไมเธอถึงอยู่ทุกที่ที่ฉันไปเลยเนี่ย และถ้าเธอไม่พูด เธอจะตายรึไงฮะ!”
เจียงหว่านตอบอย่างไม่สุภาพ “ใช่ มีแค่คนตายเท่านั้นแหละที่พูดไม่ได้ แล้วฉันก็อยากพูด มันไม่ใช่กงการอะไรของเธอ”
“ถ้าไม่อยากให้ฉันพูด งั้นก็อย่ามาทำต่อหน้าฉันสิ!”
ไป๋อวี้ซิ่วพูดด้วยความโกรธ “ฉันมาพบพี่ชายของฉัน เกี่ยวอะไรกับเธอ!”
เจียงหว่านหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปหาเฉียวเหลียนเฉิง “ยัยนี่เป็นน้องสาวของนายหรือเปล่า?”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบโดยไม่ต้องคิด “ไม่ ผมไม่รู้จักเธอ!”
เจียงหว่านหันมองไป๋อวี้ซิ่วอีกครั้ง แล้วทำหน้าเหนือกว่า
ส่วนไป๋อวี้ซิ่วก็ได้แต่กัดฟันจนดังกรอด ๆ
เฉียวเหลียนเฉิงพูดขึ้นอีกว่า “เสี่ยวไช่ นายไปเอาจักรยานเมียฉันมา แล้วปั่นไปส่งไป๋อวี้ซิ่วกลับตำบลซะ”
เขาไปส่งเธอไม่ได้ เพราะต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้เหมือนกัน
และเขาคงรู้สึกแย่ถ้าขอให้ภรรยาพาไป๋อวี้ซิ่วออกไป และต้องขี่ไปกับหล่อนไกลขนาดนั้น
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ไป๋อวี้ซิ่วก็หน้าซีดเผือด เพราะกว่าเธอจะหาฟาร์มนี้เจอ ระหว่างทางเธอถึงกับต้องเกลี้ยกล่อมชายชราวัยห้าสิบด้วยคำพูดดี ๆ และจ่ายเงินอีกหยวนเพื่อจ้างคนขับเกวียนวัวมาส่ง
และตอนนี้เธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย เธอต้องออกไปแล้วเหรอ? ไม่มีทาง!
เวลาเดียวกันนี้ เสี่ยวไช่กำลังเข็นจักรยานมาสูบลม ไป๋อวี้ซิ่วเห็นอย่างนั้น เธอก็พูดว่า “โอ๊ะ ผมรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย”
“พวกนายน่ะ พวกทหารเขารังแกชาวบ้านแบบนี้เหรอ?”
“ฉันถึงขนาดโดนเตะ ตอนนี้หัวใจ ตับ ม้าม และปอดของฉันเจ็บไปหมดแล้ว นี่ยังอยากจะเตะฉันออกไป และทิ้งฉันไว้ตามลำพังจริง ๆ เหรอ”
“ยังมีความเป็นคนกันอยู่ไหม?”
เมื่อเธอร้องไห้แบบนี้ ใบหน้าของหลี่จ้วงจ้วง ซึ่งเดิมทีมีความรู้สึกผิดเล็กน้อยกับเธออยู่แล้ว ก็กลายเป็นบิดเบี้ยวขึ้นมา
ทุกคนมองเธอด้วยความประหลาดใจ
หลิวกุ้ยหลินถามอย่างสับสนในเวลานี้ “ผู้เชี่ยวชาญเสิ่นบอกว่าอวัยวะภายในของเธอปกติดีไม่ใช่เหรอครับ ทำไมเธอถึงยังบอกว่าเจ็บอีก?”
เสิ่นหรูเหมยตะคอกด้วยความโกรธ “มันเป็นอาการทางจิตล่ะมั้ง ฉันไม่คิดว่าเธอจะรู้สึกเจ็บปวดจริง ๆ หรอก เธอแค่อยากให้มันเจ็บ!”
ทุกคนรู้เรื่องนี้ แต่หลิวกุ้ยหลินยังคงสับสน
เฉียวเหลียนเฉิงเห็นอย่างนี้ เขาจึงพูดอย่างจริงจังว่า “เธอเจ็บไปหมดเลยเหรอ?”
ไป๋อวี้ซิ่วพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำอีก “ใช่ มันเจ็บไปหมดเลย ถ้าไม่เชื่อก็มาดูสิ!”
เจียงหว่านพับแขนเสื้อขึ้นทันที “งั้นฉันจะตรวจเอง!”
หลังจากพูดแล้ว เธอก็ก้าวไปข้างหน้า และเอื้อมมือไปตรงหน้าอกของไป๋อวี้ซิ่ว
ไป๋อวี้ซิ่วรีบหยุดทันที “เธอทำอะไร ฉันไม่ไว้ใจเธอ อย่าแตะต้องตัวฉัน!”
เจียงหว่านเลิกคิ้ว แล้วพูดว่า “ก็เธอบอกว่าเธอเจ็บไปหมดเลยนี่ ไหนให้ฉันดูหน่อยสิ!”
ไป๋อวี้ซิ่วจ้องเขม็ง “ไม่ ออกไปซะ เธอมันคนไม่ดี!”
หลังจากพูดอย่างนั้น ไป๋อวี้ซิ่วก็มองไปที่เฉียวเหลียนเฉิง “พี่คะ ฉันเจ็บมากจริง ๆ นะ!”
เจียงหว่านเม้มริมฝีปาก และเธอมองหันเฉียวเหลียนเฉิงเช่นกัน
เฉียวเหลียนเฉิงจึงพูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อเธอได้รับบาดเจ็บทุกที่ งั้นก็รีบไปโรงพยาบาลซะ จะได้ไม่เจ็บจนถึงตาย!”
“ฮะ?” ไป๋อวี้ซิ่วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโง่
ตอนนี้เสี่ยวไช่กลับมาจากการสูบลมจักรยานแล้ว และกำลังจะจับไป๋อวี้ซิ่วขึ้นรถ
แต่ไป๋อวี้ซิ่วก็ตะโกนขึ้นมา “อย่าแตะต้องฉัน เอามือสกปรกของนายออกไป!”
ใบหน้าของเสี่ยวไช่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาก้มมองฝ่ามือของตัวเอง “ผมเพิ่งล้างมือมา มันไม่สกปรกสักหน่อย!”
ไป๋อวี้ซิ่วคำราม “นั่นก็ไม่ได้!”
หลังจากพูดกับเสี่ยวไช่ เธอก็มองเฉียวเหลียนเฉิงด้วยความโกรธ “ก็ได้ ถ้าพี่ไม่สนใจฉัน และวันนี้ส่งฉันกลับ ฉันจะไปที่เขตทหารเพื่อฟ้องพวกพี่ทุกคน ข้อหาดูหมิ่นชีวิตมนุษย์!”
เสี่ยวไช่พูดด้วยความโกรธ “คุณพูดอะไร? เราไม่ได้ทำอะไรคุณเลย!”
ไป๋อวี้ซิ่วยืดอก เธอพูดอย่างเย่อหยิ่ง “นายไม่ได้ทำอะไรฉัน แต่เขาเตะฉัน”
“เฉียวเหลียนเฉิง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้วินัยของพี่ ถ้าฉันฟ้องเขา อย่างน้อยเครื่องแบบของเขาก็จะถูกถอดออก และจะไม่ได้เป็นทหารอีกต่อไป!”
ใบหน้าของเฉียวเหลียนเฉิงเข้มขึ้น “เขาไม่ได้ตั้งใจเตะเธอ แต่เป็นเธอต่างหากที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้าไปชนเขาเอง!”
ไป๋อวี้ซิ่วยังคงลอยหน้าลอยตา “ใครจะรู้ ใครจะเห็น”
“ยังไงซะ ความจริงก็คือฉันถูกเตะ ฉันโดนหมอนี่เตะ แล้วฉันก็จะฟ้อง!”