เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 222 เฉียวเหลียนเฉิงโดนภรรยากัด!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 222 เฉียวเหลียนเฉิงโดนภรรยากัด!
บทที่ 222 เฉียวเหลียนเฉิงโดนภรรยากัด!
เจียงหว่านถามว่า “แล้วคุณต้องการอะไรตอบแทนคะ?”
ลุงฝูมองหัวหน้าหมู่บ้าน จากนั้นก็หันมองพวกเถาจื่อ
“คำขอของฉันง่ายมาก เรื่องที่เถาจื่อและพวกนั้นรวมหัวกันวางยาพิษ อย่าส่งไปถึงตำรวจก็พอ”
“และแผนความร่วมมือของเธอกับหมู่บ้านของเราก็จะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง”
“ตราบใดเธอทำตามที่ฉันขอ ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยรักษาแขนของสหายทหารคนนี้”
เจียงหว่านเงียบไป
เธออยากจะปฏิเสธ จากนั้นก็พาเฉียวเหลียนเฉิงไปที่สำนักงานใหญ่ของกองทัพ แล้วค่อยหาวิธีรักษาอื่น
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของผู้อำนวย เจียงหว่านก็ไม่กล้าปฏิเสธออกไป
เธอเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิงพูดอย่างจริงจัง “ไม่ต้องมาถามผมหรอก คุณว่ายังไงผมก็ว่าอย่างนั้นล่ะ”
”ถึงผมจะเสียแขนไป ผมก็ยังปกป้องคุณได้!”
จู่ ๆ เจียงหว่านก็รู้สึกว่าเฉียวเหลียนเฉิงช่างโง่เขลาเสียจริง ๆ
เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกลำบากใจ
มู่เหย่เดินเข้ามา และกระซิบกับเจียงหว่าน “เธออย่าลังเลเลย ตอบรับเขาเถอะ”
เจียงหว่านมองเขา “นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงลังเล”
มู่เหย่พยักหน้า “การที่เถาจื่อและคนอื่น ๆ รอดพ้นจากข้อหาวางยาพิษ ทำให้เธอไม่พอใจ และเธอก็กลัวว่าพวกเขาจะก่อปัญหาให้อีกในอนาคต”
“ส่วนลุงฝู เธอก็ยังไม่มั่นใจในคำพูดของเขาว่ามันจะจริงไหม เลยไม่อยากประนีประนอม”
เจียงหว่านพยักหน้า นั่นคือสิ่งที่เธอคิดจริง ๆ
มู่เหย่กล่าวว่า “อย่ากังวลกับเถาจื่อและพวกนั้นเลย พวกเขาได้รับผลที่ตามมาแล้ว และจะต้องทนทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต ถ้าเธอเป็นพวกนั้น เธอจะยอมแพ้ไหม?”
เจียงหว่านส่ายหัวและมองมู่เหย่ด้วยความสับสน เป็นเพราะเธอรู้ว่าพวกนั้นจะไม่ยอมแพ้ เธอจึงไม่อยากปล่อยไป เพราะถ้าปล่อยไปก็เหมือนการปล่อยเสือกลับสู่ป่า
มู่เหย่โน้มตัวเข้ามาใกล้ และพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ถ้าเธอส่งพวกนั้นไปที่สถานีตำรวจตอนนี้ เธอจะทำให้หัวหน้าหมู่บ้านขุ่นเคือง และพวกเขาอาจจะไม่ปล่อยให้เธอลงจากเขา”
“นอกจากนี้ แม้ว่าพวกนั้นจะเข้าคุก แต่พอออกมา พวกเขาก็ยังสร้างปัญหาให้เธอได้อยู่ดี ทีนี้สิ่งที่ทำไปจะมีประโยชน์อะไรล่ะ”
”สู้ปล่อยให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นหนี้เธอดีกว่า เราจะได้ร่วมมือกันได้ง่ายขึ้นในอนาคตด้วย”
“ส่วนสามคนนั้นน่ะ ถ้าหมามันกินขี้ มันก็ยังกินขี้อยู่วันยังค่ำ เปลี่ยนไม่ได้หรอก”
“ถ้าพวกเขาก่อปัญหาในหมู่บ้านเธอก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ แต่ถ้าเป็นนอกหมู่บ้านล่ะ!”
“ถึงตอนนั้นเราก็ค่อยเอาผิด แล้วโยนพวกเขาไปที่สถานีตำรวจ แบบนี้หัวหน้าหมู่บ้านกับคนอื่น ๆ ก็ไม่มีทางช่วยเหลือสามคนนั้นได้อีก ทีนี้ก็คิดทั้งบัญชีเก่าและใหม่ จากนั้นก็ปล่อยให้พวกนั้นติดคุกไปจนตาย แบบนี้ดีไหม?”
เจียงหว่านเงียบไป แล้วความคิดในหัวก็ดังขึ้นมาว่า ‘มู่เหย่นายร้ายมาก!’
เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ
มู่เหย่กล่าวต่อว่า “ส่วนลุงฝูน่าเชื่อถือไม่น้อยนะ ทักษะทางการแพทย์ของเขาดีมาก โดยเฉพาะการฝังเข็ม”
“ตอบรับเถอะ แล้วเตรียมตัวให้พร้อม!”
เจียงหว่านเข้าใจแล้ว
ในที่สุดเจียงหว่านก็ตอบรับคำขอของลุงฝู และบรรลุข้อตกลงกับหัวหน้าหมู่บ้าน
พวกเถาจื่อจึงถูกส่งคืนให้กับหัวหน้าหมู่บ้าน และหัวหน้าหมู่บ้านต้องดูให้แน่ใจว่าเถาจื่อจะไม่แว้งกัดพวกเจียงหว่านขณะอยู่ในหมู่บ้าน ทั้งในตอนนี้และในอนาคต
เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านเห็นเจียงหว่านตอบรับ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบสั่งให้ผู้คนพาเถาจื่อและคนอื่น ๆ เข้าไปในป่า แล้วค่อยไปจัดการกับพวกเขาในภายหลัง
หลังจากวุ่นวายกันมานาน เจียงหว่านและคนอื่น ๆ จึงพักค้างคืนที่ห้องรับแขกของหัวหน้าหมู่บ้าน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลานบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ใหญ่มาก จึงมีห้องให้พวกเขาได้เพียงห้องเดียวเท่านั้น
ในห้องมีเตียงใหญ่หนึ่งหลัง เจียงหว่านจึงนอนอยู่ริมขวาสุด จากนั้นก็เป็นเฉียวเหลียนเฉิง เสี่ยวไช่ และมู่เหย่ตามลำดับ
เนื่องจากเธอกังวลเกี่ยวกับแขนของเฉียวเหลียนเฉิง เจียงหว่านจึงพลิกตัวทั้งคืนเพราะนอนไม่หลับ เธอมีความคิดมากมายไหลเข้ามาในหัว
หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะคิดว่า ‘ฉันควรทำยังไงถ้าแขนซ้ายของเฉียวเหลียนเฉิงต้องถูกตัดออกจริง ๆ’
และช่วงขณะที่เธอกำลังคิดอย่างฟุ้งซ่านนั้น มือของเฉียวเหลียนเฉิงก็คว้าเธอไปกอดอย่างอ่อนโยน
เจียงหว่านไม่ทันจะพูดอะไร เฉียวเหลียนเฉิงก็กระซิบเสียเบาที่ข้างหู
“ไม่ต้องกลัว ถ้าแขนผมไร้ประโยชน์แล้วจริง ๆ ผมจะยื่นฟ้องหย่า จากนั้นคุณจะได้เป็นอิสระ และไม่ต้องเสียเวลาชีวิตกับคนไร้ประโยชน์แบบผม”
เจียงหว่านตกตะลึง ร่างกายของเธอแข็งทื่อ
ความโกรธที่ไม่รู้มาจากไหนแล่นเข้ามาเต็มอก
ตอนนี้ทุกคนอยู่ในห้องเดียวกันหมด และหากส่งเสียงหรือเคลื่อนไหวแรงเกินไปก็จะถูกจับได้
เจียงหว่านทำอะไรไม่ถูก แล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามา เจียงหว่านคว้ามือขวาของเฉียวเหลียนเฉิงมา และกัดเข้าที่ข้อมือเขาอย่างแรง
ข้อมือของเฉียวเหลียนเฉิงนั้นแข็งเกร็งมากในตอนแรก แต่เพียงครู่เดียว ข้อมือของเขาก็กลับมานุ่มหยุ่น
เจียงหว่านไม่เกรงใจ และกัดลงไปอย่างแรง
หลังจากกัดครั้งนี้ ดูเหมือนเธอจะโล่งใจขึ้นมาบ้างที่ได้ระบายความกังวล เธอสะบัดมือเขาออกโดยไม่พูดอะไร และนอนต่อ
บางทีอาจเป็นเพราะเธอรู้สึกโล่งใจหลังจากได้กัดระบายความรู้สึก จึงหลับไปอย่างรวดเร็ว
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกหดหู่ เขาไม่สนใจความเจ็บปวดตรงข้อมือ แต่เขาแค่ไม่เข้าใจที่ถูกกัดโดยไม่มีเหตุผล
สรุปแล้วเธอเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูดไหมนะ?
เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนเจียงหว่านและคนอื่น ๆ เตรียมออกจากหมู่บ้าน เถาจื่อและอีกสองคนก็ถูกสั่งสอนบทเรียน
คำอธิบายของหัวหน้าหมู่บ้านคือ “ตามกฎของหมู่บ้านเรา ถ้าวางยาพิษใครหรือใส่ร้ายแขก จะถูกเฆี่ยนด้วยเถาวัลย์ห้าสิบครั้ง”
แส้ที่ทำจากเถาวัลย์ทั้งหนาและแข็ง มันสร้างความเจ็บปวดให้กับทั้งสามเป็นอย่างมาก
เส้นแส้เฆี่ยนพวกเขาจนร่างกายด้านชาไปครึ่งซีก
เมื่อเห็นทั้งสามถูกเฆี่ยนตี เจียงหว่านก็รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
หัวหน้าหมู่บ้านขอให้ลูกชายฃเตรียมการอย่างดี เพื่อส่งพวกเจียงหว่านลงจากภูเขา
“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้สรุปจำนวนและชื่อของสินค้าในหมู่บ้านแล้ว เดี๋ยวเราจะมาหารือด้วยเรื่องจำนวนที่จะแลกเปลี่ยนกัน”
เสี่ยวซานกล่าวเมื่อพาพวกเขามาส่งถึงตีนเขา
เจียงหว่านพยักหน้า “ตกลง ฉันจะกลับมาในอีกไม่กี่วันนี้แหละ!”
พวกเขากล่าวคำอำลา และกำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นก็มีกลุ่มผู้ชายหลายคนจากหมู่บ้านวิ่งมาแต่ไกล
เมื่อเห็นเสี่ยวซาน พวกนั้นก็ตะโกน “พี่เสี่ยวซาน เราเจอหมูป่าแล้ว มันมุ่งหน้าไปที่ฟาร์มของกองทัพ”
“แถมครั้งนี้มันยังพาอีกตัวมาด้วย”
เสี่ยวซานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “มีอีกตัวนึงเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
ชายคนนั้นตอบว่า “เมื่อกี้เราเพิ่งเห็นหมูป่าสองตัวนั้นผ่านไป เลยรีบกลับมาบอกข่าว!”
โย่วเสี่ยวซานมองเจียงหว่านและคนอื่น ๆ และรีบบอกว่า “พวกเราตามหาหมูป่าตัวนั้นมานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว และในที่สุดก็มีข่าวคราวมา ฉันจะกลับไปตามคน และจะตามไปจับหมูป่าที่ฟาร์ม”
“พวกคุณรีบกลับไปบอกคนในฟาร์มให้ระวัง และอย่าไปใกล้มัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะโดนหมูป่าทำร้ายเอาได้!”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลัง และมุ่งหน้ากลับไปยังภูเขาทันที
เจียงหว่านมองเฉียวเหลียนเฉิง ใบหน้าของเขาซีดเซียว ส่วนเสี่ยวไช่ก็พูดอย่างกังวล
“จบแล้ว หมูป่าตัวนึงนำหายนะมาสู่ฟาร์มเราตั้งขนาดนั้น แล้วนี่มีหมูป่าสองตัว ฟาร์มจะไม่พังหมดเลยเหรอ!”
เฉียวเหลียนเฉิงหรี่ตาลงครุ่นคิด “ไม่หรอก ตอนนี้มันอยู่ที่นี่แล้ว เราไปจับมันกันเถอะ!”
ทุกคนเห็นด้วย และเร่งรีบไป
โชคดีฟาร์มอยู่ไม่ไกลนัก
ขณะที่เขากำลังจะไปถึงประตู เสียงคำรามเหมือนหมูโดนเชือดก็ดังมาจากไกล ๆ
พวกเขามั่นใจมาก
หัวใจของเจียงหว่านและคนอื่น ๆ สั่นไหว เพราะเห็นได้ชัดว่าเสียงนั้นไม่ใช่เสียงกรีดร้องหรือเสียงร้องไห้ธรรมดา ๆ
มันคือน้ำเสียงแห่งความขุ่นเคือง..
เฉียวเหลียนเฉิงมองไปทางที่มาเสียง “มันเป็นกับดักที่เราวางไว้ เจ้าหมูป่าคงตกลงไปในกับดัก”
“หว่านหว่าน คุณกลับไปก่อน ไม่ต้องตามมา เสี่ยวไช่ไปดูกันเถอะ!”
เสี่ยวไช่ขานรับ และวิ่งไปในทิศทางนั้น
ทว่าเจียงหว่านไม่สนใจสิ่งที่เฉียวเหลียนเฉิงพูด และตามเขาไปโดยไม่ลังเล
เมื่อมูเหย่เห็นดังนั้นเขาก็ติดตามไปด้วยความสงสัย เพราะทุกคนต่างยุ่งมากจนลืมไปว่ามีคนเกียจคร้านคนนี้มาด้วย!
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจแล้ว
คนทั้งหมดวิ่งอ้อมกำแพง และในไม่ช้าก็มาถึงส่วนที่ใกล้กับดัก
พวกเขาเกือบจะวิ่งเข้าไปแล้ว แต่ก่อนจะเข้าไปใกล้ พวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามอีกครั้ง
จากนั้นพวกเขาก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเหมือนจะถูกอะไรบางอย่างชน และกำลังกลิ้งลงมาตามทางลาดเล็ก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า