เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 221 ฉันรักษาแขนของเขาได้!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 221 ฉันรักษาแขนของเขาได้!
บทที่ 221 ฉันรักษาแขนของเขาได้!
เจียงหว่านรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย เธอรีบถามว่า
“ลุงฝู บอกฉันทีว่าเกิดอะไรขึ้น!”
ลุงฝูกล่าวว่า “แขนของเขาต้องได้รับการผ่าตัด ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้าง การแพทย์แผนตะวันตกสามารถเชื่อมแขนขาและเส้นประสาทที่ถูกตัดได้”
“แต่พอฉันวินิจฉัยชีพจรของเขา ฉันพบว่าเส้นลมปราณหลายเส้นถูกปิดกั้น”
“ดูเหมือนว่าการเชื่อมต่อประสาทของเขาจะไม่สมบูรณ์”
“การสู้กันเมื่อกี้ทำให้เส้นประสาทของเขาเสียหายอีกครั้ง และตอนนี้แขนเขาน่าจะชาไปแล้ว”
“อีกไม่นาน เส้นประสาทแขนทั้งหมดก็จะตาย”
“เมื่อถึงเวลานั้น ถึงภายนอกจะดูเหมือนแขนปกติแข็งแรงดี แต่แขนของเขาก็ใช้การไม่ได้แล้ว”
“และก็ต้องตัดแขนเขาออกด้วย ไม่อย่างนั้นจะอันตราย”
ใบหน้าของเจียงหว่านซีดลงเมื่อได้ยินแบบนี้ เธอกำลังรู้สึกสับสนมาก
เธอหันมองเฉียวเหลียนเฉิง และถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงรึเปล่า? นายสามารถยกแขนขึ้นได้ หรือนายไม่รู้สึกอะไรแล้ว?”
เฉียวเหลียนเฉิงได้ยินสิ่งที่ลุงฝูพูด และเขาก็สับสนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เฉียวเหลียนเฉิงยังทนรับไหว
ชายหนุ่มมองไปเจียงหว่าน เขาอยากจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรที่หลอกลวงเธอได้
“ใช่ ผมชาไปหมด”
เจียงหว่านชาวาบไปทั้งตัว เธอถอยไปสองสามก้าว แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ไม่ไกล หญิงสาววางมือไว้บนโต๊ะเพื่อพยุงตัวไม่ให้ล้มลง
เธอกำลังนึกถึงสิ่งที่ผู้อำนวยการเคยพูดกับเธอตามลำพัง ตอนที่ออกจากโรงพยาบาล
‘การผ่าตัดของเฉียวเหลียนเฉิงค่อนข้างประสบความสำเร็จ แต่ในกรณีของเขา เราเพียงแค่เชื่อมโยงเส้นประสาทหลักได้เท่านั้น’
‘แม้ว่าเส้นประสาทจะได้รับการเชื่อมต่อแล้ว แต่ก็ไม่รับประกันว่าจะฟื้นตัวได้เต็มที่’
‘พูดง่าย ๆ ก็คือ การผ่าตัดของเขาประสบความสำเร็จเพียง 80% และแขนบางส่วนจะอ่อนแอมาก แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาตัวต่อจากนี้ มันยากที่จะบอกว่าจะสามารถฟื้นตัวได้มากแค่ไหน’
‘ไม่ว่าในกรณีใด ภายในระยะเวลาหนึ่งปีนี้ ห้ามให้แขนของเขาได้รับความเสียหายเพิ่มอีกเป็นอันขาด’
‘ไม่อย่างนั้นฉันเกรงว่า…’
เพื่อความมั่นใจ เจียงหว่านจึงถามอีกว่า ‘ถ้าได้รับบาดเจ็บอีกครั้งหรือเส้นประสาทที่แขนไม่หายดี เราจะกลับมาผ่าตัดอีกครั้งได้ไหม’
ผู้อำนวยการส่ายหัว “มันไม่จำเป็นแล้ว”
‘ด้วยระดับการรักษาในปัจจุบันของเรา การผ่าตัดอีกครั้งไม่มีประโยชน์อะไรเลย’
คำพูดเหล่านี้แล่นเข้ามาในหัวใจของเธอราวกับคมมีด ทำให้หัวใจของเธอโดนเฉือนไปทีละน้อย
เฉียวเหลียนเฉิง ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในกองทัพ วีรบุรุษในสนามรบ แม่ทัพผู้ดุดัน เขาจะต้องเกษียณเพราะเหตุผลนี้จริง ๆ เหรอ?
เฉียวเหลียนเฉิงจะต้องเจ็บปวดขนาดไหนกันนะ
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เจียงหว่านก็เงยหน้าขึ้นมองเฉียวเหลียนเฉิง จากนั้นก็มองไปที่เถาจื่อ ทั้งสามคนยังถูกมัดไว้ และเสี่ยวไช่กับมู่เหย่ก็คอยเฝ้าอยู่ไม่ไกล
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าในอกเต็มไปด้วยความเกลียดชัง อยากจะฉีกทึ้งทั้งสามคนนั้นให้เป็นชิ้น ๆ
แล้วเธอก็ทำตามที่ใจคิด เจียงหว่านยืนขึ้น เมื่อเห็นมีดที่เถาจื่อเอามา ถูกขว้างทิ้งอยู่บนพื้น เธอจึงเดินไปคว้ามีดมา แล้ววิ่งไปหาเถาจื่อด้วยสายตาที่โกรธแค้น
เฉียวเหลียนเฉิงมองเจียงหว่านอยู่ตลอด
แม้คำพูดของลุงฝูจะทำให้เขาเศร้า แต่เฉียวเหลียนเฉิงก็คือเฉียวเหลียนเฉิง
ทุกครั้งก่อนจะไปปฏิบัติภารกิจ เขาจะตั้งสมมติฐานในใจเกี่ยวกับการเสียสละที่อาจจะต้องทำเสมอ
หลังจากผ่านประสบการณ์ดังกล่าวมาหลายต่อหลายครั้ง ตอนนี้เขารู้ว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการยังมีชีวิตอยู่
มันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะยอมรับว่า ต้องสูญเสียแขนไป
ตอนนี้ เฉียวเหลียนเฉิงไม่มีเวลาให้คิดอะไรมากนัก เขาเห็นว่าเจียงหว่านกำลังโมโหมาก
และเมื่อเห็นเธอหยิบมีดขึ้นมา เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้
เขาจึงรีบวิ่งเข้าไปกอดเอวของเธอไว้
“หว่านหว่าน คุณจะทำอะไร”
เจียงหว่านคำราม “ปล่อยฉัน ฉันจะฆ่าพวกมัน!”
“แขนของนายเกือบจะหายดีแล้วแท้ ๆ แต่ความหวังนั้นกลับพังทลายลง”
“ฉันจะตัดแขนขาพวกมันออกแล้วเอาไปให้หมากิน!”
อาการคลุ้มคลั่งของเจียงหว่านทำให้เถาจื่อและคนอื่น ๆ หวาดกลัว
หัวใจของเฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกขมขื่น แต่เขาก็ยังคงโน้มน้าวหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอก ต้องมีวิธีสิ”
“หว่านหว่าน ใจเย็น ๆ นะ ใจเย็น ๆ ก่อนดีไหม?”
“ไม่! นายปล่อยฉัน นายจะปกป้องพวกมันเหรอ? พวกมันทำลายแขนของนายนะ!”
“นายคือวีรบุรุษ ถ้าสูญเสียแขนไป นายจะอยู่ในกองทัพไม่ได้อีก”
“พวกมันทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง แบบนี้ไม่สมควรต้องชดเชยเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงมองเจียงหว่านที่กำลังคลุ้มคลั่ง พลันชายหนุ่มก็รู้สึกอบอุ่นในใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถปล่อยมือจากเธอได้
เขาโอบเจียงวานไว้แน่นด้วยแขนขวา เจียงหว่านยังคงโวยวาย ดวงตาของเธอแทบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะความโกรธ
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกสะเทือนใจ เขาดวงตาแดงก่ำขึ้นมา
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าควรจะปลอบเจียงหว่านอย่างไร เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเกรี้ยวกราดอย่างนี้ เขาทำได้เพียงแค่กอดเธอไว้ในอ้อมแขน แล้วกดซบหัวลงบนคอของเธอ
เจียงหว่านที่โกรธมาก แต่เพราะหัวของเฉียวเหลียนเฉิงที่ซบลงมา ทำให้เธอรู้สึกจั๊กจี้ และสัมผัสนี้ก็ทำให้ร่างกายเธอเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ
เมื่อเห็นเจียงหว่านหยุดโวยวายแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงก็รีบปลอบเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“หว่านหว่าน ยังไงผมก็ยังมีคุณอยู่”
ร่างกายของเจียงหว่านสั่นไหว
คำพูดของเฉียวเหลียนเฉิงได้ผล และเขายังคงพูดต่อ “แขนของผมไม่ได้แย่ขนาดนั้น ถ้าคุณฆ่าพวกเขาจริง ๆ คุณก็จะตายเหมือนกัน! มันไม่คุ้มกับพวกเศษขยะพวกนี้หรอก”
“หว่านหว่าน อย่าใจร้อนเลยนะ ตราบใดที่คุณอยู่ข้าง ๆ ผม ต่อให้เผชิญหน้ากับอะไร ผมก็ยอมทั้งนั้น”
“ถ้าการรักษาไม่เป็นผล ผมจะลาออกแล้วย้ายไปที่อื่น ผมตามคุณไปตั้งแผงขายของก็ได้!”
“ในฐานะสามีภรรยา เราเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นความยากลำบากไม่ใช่ปัญหาเลย”
เมื่อฟังคำพูดใจเย็นของเขา ความโกรธของเจียงหว่านก็เริ่มลดลง และแววตาของเธอก็เปลี่ยนไป
เมื่อเห็นว่าเธอได้สติกลับมาแล้ว ลุงฝูจึงกล่าวว่า
”อย่ากลัวเลยสหายตัวน้อย ถึงแม้ว่าแขนนี้กำลังจะถูกทำลาย แต่ตอนนี้ยังพอมีทางช่วยอยู่นะ!”
เจียงหว่านหันมองลุงฝู สงสัยว่าชายชราคนนี้ตั้งใจจะทำอะไร?
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่ายังพอมีทางช่วย? คุณจะช่วยยังไง?!”
ลุงฝูกล่าวว่า “มีสมุนไพรชนิดหนึ่งที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา เราเรียกมันว่าขี้ผึ้ง ไม่เพียงแต่เส้นลมปราณเท่านั้น แต่มันยังสามารถเชื่อมต่อกระดูกที่หักเข้าด้วยกันได้ด้วย”
ใบหน้าของเจียงหว่านดูแปลกใจ และเฉียวเหลียนเฉิงที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำ
“คุณกำลังพูดถึงครีมหยกดำที่ใช้เชื่อมข้อต่อใช่ไหม?”
เจียงหว่านมองเฉียวเหลียนเฉิงด้วยความประหลาดใจ “นายรู้จักเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว “ผมอ่านเจอในนิยายของคุณ”
เจียงหว่านจำขึ้นมาได้ว่า ตอนเธอเขียนนวนิยายเกี่ยวกับการหลบหนีของเจ้าหญิง เธอได้เขียนเกี่ยวกับครีมหยกดำด้วย
แต่ที่เธอเขียน เพราะเธอเคยเห็นชื่อสมุนไพรนี้ในนิยาย ทว่ามันมีอยู่จริงเหรอ?
ลุงฝูตะลึงเมื่อได้ยินชื่อหยกดำ
“ขี้ผึ้งหยกดำรักษาข้อต่อนี้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเรา เนื้อมีสีดำ สรรพคุณเยี่ยมยอด และคงไม่มากเกินไปที่จะเรียกว่าเป็นขี้ผึ้งหยกดำเชื่อมข้อต่อ”
“หากสหายรู้เรื่องนี้แล้ว ฉันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย”
เจียงหว่านส่ายหัว “ฉันไม่รู้ ๆ คุณอธิบายดีกว่าค่ะ!”
ลุงฝูเพิกเฉยต่อคำขอของเธอ เขาครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
“ถ้าฉันรักษาแขนของเขาตอนนี้ สหายอาจจะยังไม่เชื่อ”
“ถ้าอย่างนั้นเอาแบบนี้ พาเขาไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพก่อน ดูว่าเขามีโอกาสหายขาดหรือไม่ ถ้าไม่หายก็กลับมาที่นี่”
“ขอแค่ให้เขากลับมาภายในสามเดือน ฉันสามารถรักษาแขนของเขาได้ แต่ถ้าเกินสามเดือนก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว”
เจียงหว่านถามขึ้นว่า “คุณมียานั้นติดตัวอยู่หรือเปล่า?”
ลุงฝูพยักหน้า “มีไม่มาก แต่ก็เพียงพอสำหรับเขา”
“แต่ฉันต้องเตรียมมันสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หนึ่งเดือนก็เพียงพอแล้ว”
“เธอสามารถกลับมาเอามันได้ภายในหนึ่งเดือน”
ความหวังส่องประกายอยู่ในดวงตาของเจียงหว่าน เธอกับเฉียวเหลียนเฉิงมองหน้ากัน และหญิงสาวถามลุงฝูว่า
“ถ้ารักษาแล้ว แขนเขาจะสามารถฟื้นตัวได้ถึงระดับไหนคะ?”
ลุงฝูตอบว่า “ภายในหนึ่งปี เขาจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม!”
เจียงหว่านตกตะลึง
ลุงฝูกล่าวต่อ “หายแน่นอน ฉันไม่ได้หยิบยาออกมารักษาเขาแบบมั่ว ๆ หรอก”