เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 220 ฉันเกรงว่าแขนซ้านของเขาคงจะใช้การไม่ได้แล้ว
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 220 ฉันเกรงว่าแขนซ้านของเขาคงจะใช้การไม่ได้แล้ว
บทที่ 220 ฉันเกรงว่าแขนซ้านของเขาคงจะใช้การไม่ได้แล้ว
เวลานี้ ลุงฝูกำลังมองลูกธนู แล้วก็พูดว่า “ลูกธนูในหมู่บ้านของเราเอาไว้ใช้ล่าสัตว์”
“ไม่รู้ว่าพิษนี้ถูกแช่ไปกี่ครั้งแล้ว บางส่วนเป็นพิษงู และบางส่วนก็ไม่รู้ว่าเป็นพิษชนิดไหน”
“ตอนนี้ฉันทำอะไรไม่ได้เลย”
เถาจื่อตื่นตระหนก
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ? ฉันจะตายเหรอ?”
ลุงฝูตะคอก “ไม่ถึงตาย แต่มันจะทำลายเส้นประสาท ถึงจะดื่มมันแค่นิดเดียวก็เถอะ แล้วใครบอกให้เธอวางยาพิษตัวเองกันล่ะ?”
เถาจื่อตื่นตระหนก เธออยากจะอ้อนวอน
ส่วนต้าหลางโกรธมาก “เถาจื่อ แล้วฉันเกี่ยวอะไรด้วยเธอถึงต้องวางยาพิษฉัน ทำไมเธอต้องลากฉันมาทนทุกข์ทรมาน โว้ย! ฉันจะฆ่าเธอ!”
ต้าหลางโซเซไปหาเถาจื่อ ทำให้เถาจื่อตกใจมาก เธอรีบกลิ้งตัวหนี และคลานข้ามลานบ้าน
ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือตั้งใจ แต่เธอรีบคลานเข้าไปในครัวก่อน
จากนั้นเธอก็ออกมา เธอมาอยู่ด้านหน้าเจียงหว่าน และมีมีดสั้นอยู่ในมือ พยายามจะแทงใส่หญิงอ้วน
“ยัยอ้วน ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะแก ฉันจะฆ่าแก!”
เจียงหว่านเห็นก็วิ่งเข้าหาทันที เธอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาที่ดี และเธอได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว ดังนั้น ก่อนที่มีดจะมาถึงตัว เจียงหว่านจึงกระโดดเตะหน้าอกของเถาจื่ออย่างแรง
เถาจื่อถูกเตะถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าว และล้มลง
แต่สิ่งที่เจียงหว่านไม่คาดคิดก็คือ ในขณะที่เถาจื่อถูกเตะออกไป พี่ชานและต้าหลางก็รีบพุ่งมาหาเจียงหว่าน
คนหนึ่งถือชามแตก อีกคนหนึ่งถือหิน ทั้งสองคนต้องการจะฆ่าเจียงหว่านจริง ๆ
นี่แสดงให้เห็นว่าเถาจื่อมีความสามารถในการปลุกปั่นความเกลียดชังได้มากขนาดไหน
เจียงหว่านเพิ่งเตะเถาจื่อลงไปยังทรงตัวได้ไม่ดี ตอนนี้จึงไม่สามารถสู้กลับหรือหลบหลีกได้
แต่โชคดีที่ยังมีเฉียวเหลียนเฉิงอยู่เคียงข้าง
เฉียวเหลียนเฉิงเหยียดมือออกไปจับข้อมือของต้าหลาง กระชากแขนต้าหลางฟาดไปทางพี่ชาน
พี่ชานรู้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะเฉียวเหลียนเฉิงได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจทำสิ่งที่โง่เขลา
เขาเพิกเฉยต่อการโจมตีของเฉียวเหลียนเฉิง และพุ่งการโจมตีไปที่ศีรษะของเจียงหว่าน แม้ว่าตัวเองจะบาดเจ็บก็ตาม
เสี่ยวไช่และมู่เหย่ต่างก็เห็นสิ่งนี้ พวกเขากำลังจะเข้ามาช่วย แต่ก็สายเกินไปแล้ว
เฉียวเหลียนเฉิงดึงเจียงหว่านหลบออกไป แต่เนื่องจากระยะห่างมีไม่มากนัก แม้ว่าเขาจะดึงเธอออกมาได้ แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างสมบูรณ์
เฉียวเหลียนเฉิงจึงกดหัวเจียงหว่านให้หลบอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างช่วยไม่ได้
แขนซ้ายของเขายกดันหินของพี่ชานไว้ ในขณะเดียวกันมือที่จับต้าหลางอยู่ก็สะบัดไปที่หน้าของพี่ชาน
เขาใช้กำลังผลักทั้งคนสองออกไปพร้อมกัน จนทั้งสองล้มลง
ในเวลานี้เสี่ยวไช่กับมู่เหย่ก็วิ่งเข้ามา และจับทั้งสองไว้
หลังจากนั้นก็ควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อทุกอย่างเหมือนจะจบลง แต่เจียงหว่านกลับหน้าซีดเผือด เธอรีบผละออกมา และตรวจดูอาการบาดเจ็บของเฉียวเหลียนเฉิง
“มือนายเป็นยังไงบ้าง?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัว “สบายมาก ไม่ต้องห่วง”
ขณะที่พูด เขาก็ยกแขนซ้ายขึ้นเพื่อแสดงให้เธอเห็น
เจียงหว่านตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเขาอย่างละเอียด และเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เธอจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทว่าก่อนที่หัวใจจะกลับมาเต้นคงที่ มือของเฉียวเหลียนเฉิงก็ทิ้งตัวลงอย่างอ่อนแรง
ทันใดนั้นเจียงหว่านก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจ “นายลองยกมันขึ้นมาอีกครั้งสิ!”
เฉียวเหลียนเฉิงพยายามยกแขนอย่างหนัก แต่พบว่าเขาไม่สามารถทำได้
ก่อนหน้านี้แขนนี้ยังมีแรงอยู่เลย ทำไมตอนนี้จู่ ๆ ก็หมดแรงไปเสียดื้อ ๆ เหมือนแขนทั้งแขนของเขาหายไปไม่มีผิด
อาการแบบนี้สร้างความตื่นตระหนกในใจของเขา
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ขยับ เจียงหว่านก็ตะโกนอย่างกังวล “ลองดูสิ ลองยกแล้วขยับดู”
เฉียวเหลียนเฉิงจับมือเธอ “ผมเหนื่อย ตอนนี้ผมยังไม่หายเจ็บ ไม่เป็นไรหรอก พักสักนิด มันอาจจะยกขึ้นได้”
เจียงหว่านถอนหายใจ เมื่อได้ยินอย่างนั้น แม้จะยังกังวล แต่ก็โล่งอกขึ้นมาบ้าง ใช่ เมื่อกี้พี่ชานโจมตีอย่างหนัก แล้วแขนเฉียวเหลียนเฉิงจะไม่มีปัญหาได้ยังไง?
โชคดีที่เป็นเพียงการกระแทก ไม่มีของมีคม มันจึงไม่เป็นปัญหาใหญ่เกินไป
ในเวลานี้ เสี่ยวไช่กับมู่เหย่ควบคุมทั้งสามคน และมัดพวกเขาไว้อย่างแน่นหนา
เจียงหว่านรีบวิ่งไปด้วยความโมโห เธอลงมือตบทั้งสามคนไม่หยุด
“ฉันกับเถาจื่อมีปัญหากันก็จริง!”
“แต่นายล่ะ? ฉันไม่ได้เป็นศัตรูกับนายเลย แล้วนายยังอยากให้ฉันตายอีกเหรอ?!”
ตอนที่ก้อนหินกำลังกระแทกหัวของเธอในตอนนั้น หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้น
โดยเฉพาะ เมื่อเห็นแขนซ้ายของเฉียวเหลียนเฉิงได้รับบาดเจ็บ หัวใจของเจียงหว่านก็เจ็บปวดเป็นอย่างมาก
พี่ชานจ้องมองเจียงหว่านอย่างโกรธเกรี้ยว และพูดว่า
“ตอนแรกเหล้าพิษนั่นถูกวางไว้บนโต๊ะของเธอชัด ๆ แต่ทำไมมันถึงมาอยู่โต๊ะของเราล่ะ?!”
“เธอจงใจทำร้ายเรา เถาจื่อพูดถูก เธอเกลียด!”
เจียงหว่านแค่นหัวเราะด้วยความโกรธ “เฮอะ นายถูกลิงเตะสมองหรือไง พวกนายเป็นคนจัดแจงอาหารเองนะ พวกฉันไม่ได้ยุ่งอะไรเลยด้วยซ้ำ!”
“พวกนายไม่ใช่หรือไงที่ทำผิดพลาด หรืออาจจะเป็นเพราะพระเจ้ามีตาเห็นการกระทำชั่วร้ายของนาย!”
พี่ชานไม่ยอมแพ้ “แต่เธอก็คือคนที่อยากจะทำร้ายเรามาตั้งแต่แรก มาตอนนี้เธอก็ต้องการจะเอาชนะเรา ทุบตีเรา แล้วความยุติธรรมอยู่ที่ไหนกัน?”
พี่ชานตะคอกอย่างเย็นชา ก่อนจะหยุดพูดไป
“หัวหน้า เราควรทำยังไงดี?” เสี่ยวไช่ที่กดพี่ชานอยู่ถามเฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “การวางยาพิษและสังหารเจ้าหน้าที่ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ส่งไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบสวน!”
หัวหน้าหมู่บ้านตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
”ไม่ได้นะ!”
เดิมทีเขาไม่ได้คิดจะสนใจ แต่หากคนพวกนี้เข้าคุกไป มันต้องถูกโยงกับคนทั้งหมู่บ้านอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดพวกเจียงหว่านไว้
“เรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากการที่ฉันหละหลวม คุณไม่ต้องห่วง ฉันจะสั่งสอนพวกเขาให้ดีเอง!”
หัวหน้าหมู่บ้านวางแผนที่จะช่วยเหลือทั้งสาม
แต่เจียงหว่านพูดด้วยความโกรธ “ไม่ได้! พวกเขาละเมิดกฎหมาย วางยาพิษและคิดจะฆ่าฉัน วันนี้โชคดีที่ทำไม่สำเร็จ แต่ถ้ามีครั้งต่อไปอีก เราจะป้องกันยังไง”
“ส่งไปที่สถานีตำรวจเลย!”
หัวหน้าหมู่บ้านกังวล “ฉันบอกว่าไม่ก็คือไม่ ถ้าคุณยืนกรานจะส่งพวกเขาไปสถานีตำรวจ ความสัมพันธ์ของเราก็จะสิ้นสุดลงเท่านี้!”
เขาสะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธ ราวกับว่าจะไม่ยิมประนีประนอม แม้ว่าตัวจะตายก็ตาม
เจียงหว่านก็โกรธเช่นกัน “ถ้าจะล้มเลิกก็ล้มเลิกไปเลย ในเมื่อการกระทำของสามคนนี้เป็นอันตรายขนาดนี้ และพวกเขาคิดจะฆ่าคนจริง ๆ พวกเขาก็ควรจะต้องถูกส่งไปสถานีตำรวจ ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”
“ถ้าคุณไม่เห็นด้วยและยังขัดขวางเราทุกวิถีทาง นั่นนับว่าเป็นการปกปิดความผิด!”
หัวหน้าหมู่บ้านหน้าซีดลง ชายชราใบหน้าเหี่ยวย่นจ้องมองเจียงหว่านด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“ทำไมล่ะ คุณรู้เหตุผลแล้วยังอยากส่งพวกเขาไปโรงพักอีกงั้นเหรอ?”
เจียงหว่านหัวเราะ เธอไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว
เธอกำลังจะตอบอย่างมั่นใจ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงแก่ชราเสียงหนึ่งดังขึ้น
“สหาย ใจเย็น ๆ ก่อนเถอะ ให้ฉันรักษาแขนชายของสามีเธอก่อนดีไหม แขนของเขาดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
เจียงหว่านตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอเพิกเฉยต่อเสียงตะโกนของหัวหน้าหมู่บ้าน และหันมองลุงฝูที่กำลังพูดอยู่
“ลุงฝู ใช่แล้ว! การฝังเข็มของคุณยอดเยี่ยมมาก ช่วยดูอาการเหล่าเฉียวหน่อยได้ไหม”
ลุงฝูพยักหน้า เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ และจับชีพจรที่แขนซ้ายของเฉียวเหลียนเฉิง
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ยังคงเงียบ และสีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนี้ เจียงหว่านจึงรีบถาม “ลุงฝู เป็นยังไงบ้างคะ?”
ลุงฝูถอนหายใจ “แขนซ้ายของเขา เกรงว่ามันจะใช้การไม่ได้แล้วล่ะ!”
เจียงหว่านหน้าซีดลงทันที