เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 218 ภรรยาเหน็บแนมมู่เหย่ เฉียวเหลียนเฉิงก็โล่งใจ
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 218 ภรรยาเหน็บแนมมู่เหย่ เฉียวเหลียนเฉิงก็โล่งใจ
บทที่ 218 ภรรยาเหน็บแนมมู่เหย่ เฉียวเหลียนเฉิงก็โล่งใจ
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า “ผมเข้าใจ ผมไม่ได้ขอให้คุณยกโทษให้เธอ ยังไงเราก็ต้องระวังผู้หญิงคนนั้นไว้”
“นี่ไม่ใช่สมัยก่อนที่เวลาไม่ชอบใครก็ต้องกำจัด นี่คือยุคสมัยใหม่ ถ้าอยู่หมู่บ้านเดียวกันเราก็ต้องเจอหน้ากันอยู่ดี หลีกเลี่ยงไม่ได้”
“งั้นทำไมไม่ทำตามที่หัวหน้าหมู่บ้านบอกล่ะ? จะได้ไม่ต้องมากังวลเรื่องอื่น และเราก็คอยระวังตัวของเราก็พอ”
“ถ้าเธอกล้ามาก่อกวนคุณอีก เราก็จะได้ไม่ต้องเกรงใจแล้ว”
เจียงหว่านคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้สักพัก และในที่สุดก็พยักหน้าเห็นด้วย
“เอาล่ะ ตราบใดที่เถาจื่อไม่ก่อปัญหา ฉันจะทำตามที่หัวหน้าหมู่บ้านขอก็ได้”
ตอนนี้พวกผู้หญิงช่วยกันทำอาหารอย่างว่องไว ในไม่ช้ากลิ่นอาหารก็โชยเข้ามาในลานบ้าน
เมื่อเห็นว่าเริ่มมืดแล้ว ลานทั้งลานก็ถูกทำให้สว่างไสวด้วยคบเพลิง
เจียงหว่านไปยังกระท่อมของแม่เสี่ยวสยงตามคำขอของเธอ
พอเสร็จธุระและกำลังจะกลับ หางตาก็เหลือบไปเห็นมู่เหย่กำลังเดินไปที่สวนหลังบ้าน
เจียงหว่านหันมองด้วยความประหลาดใจ เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินนำมู่เหย่อยู่ และจากนั้นทั้งสองก็เดินลับตาไป
ผู้หญิงคนนั้นใส่กางเกงสีน้ำเงินเข้มแต่งแต้มด้วยดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ เธอรู้สึกคุ้นเคย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเป็นของใคร
น่าแปลก ทั้งที่ผู้ชายเกือบทั้งหมดในหมู่บ้านนายพรานยากจน เสื้อผ้าของพวกเขามีแต่รอยปะ กระทั่งหลายคนไม่สวมเสื้อด้วยซ้ำ
หรือไม่ก็ใส่แค่เสื้อแขนกุด
แต่ผู้หญิงในหมู่บ้านนายพรานกลับสวยกันทุกคน บนเสื้อผ้าก็มีรอยเปื้อนน้อยมาก
ไม่ว่าจะเป็นลูกสะใภ้ที่ถูกลักพาตัวมาหรือลูกสะใภ้โดยกำเนิด ทุกคนล้วนแต่งตัวดีเหมือนกัน
นี่เป็นความประทับใจของเจียงหว่านที่มีต่อหมู่บ้านแห่งนี้
เมื่อเห็นมู่เหย่เดินตามผู้หญิงคนนั้นเข้าไปในสวนหลังบ้านจนลับสายตา เจียงหว่านจึงเบือนหน้าไปทางอื่น
ไม่ได้มองตามอีก…
เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่า ‘ผู้ชายคนนั้นไม่ปฏิเสธเรื่องอย่างว่า แต่ปฏิเสธที่จะแต่งงานสินะ’ เธอคิดว่าเขาเป็นคนจริงจังมากซะอีก ไม่คิดว่าจะแพรวพราวขนาดนี้!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่สนใจผู้หญิง แต่เขาแค่ไม่ชอบถูกควบคุมนี่เอง
เฉียวเหลียนเฉิงและเสี่ยวไช่ที่กำลังก้มหน้าก้มตาคุยกัน เมื่อเห็นเจียงหว่านกลับมา พวกเขาก็หยุดพูด
“มู่เหย่บอกว่าเขาอยากเจอคุณเพราะมีเรื่องอะไรบางอย่างจะคุยด้วย เขาเพิ่งไปหาคุณเมื่อกี้นี้เอง” เฉียวเหลียนเฉิงกล่าว
เมื่อเอ่ยถึงชื่อของมู่เหย่ ดวงตาของชายหนุ่มก็สั่นไหวอย่างไม่รู้ตัว แต่ก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว
เจียงหว่านตอบกลับ “ฉันเห็นแล้ว หมอนั่นบอกว่ากำลังหาฉันอยู่สินะ แต่ฉันคิดว่าหมอนั่นไปนัดพบคนอื่นมากกว่า ฉันเลยไม่สนใจ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ภรรยาพูด ปมคิ้วของเฉียวเหลียนเฉิงก็คลายลง
หลังจากนั้น มู่เหย่ก็กลับมาโดยไม่มีสีหน้าผิดปกติใด ๆ และเมื่อเห็นเจียงหว่าน เขาก็ประดับรอยยิ้มบนใบหน้า
หลังจากนั้นไม่นาน หัวหน้าหมู่บ้านก็ได้ส่งคนมาเชิญเจียงหว่านและคนอื่น ๆ มาทานอาหารเย็น
“เสี่ยวซานล่ากระต่ายมาเพื่อสร้างความประทับใจให้กับแขกผู้มีเกียรติทุกคนเลยนะ! พวกเราเอามาปรุงในแบบของหมู่บ้านเรา มันเป็นธรรมเนียม ทุกคนกินให้อร่อยล่ะ!” แม่เสี่ยวสยงพาทุกคนไปที่โต๊ะ พลางพูดอย่างมีความสุข
ในสวนมีโต๊ะอยู่สามตัว โต๊ะไม่ใหญ่มาก เพียงสี่หรือห้าคนก็นั่งล้อมรอบโต๊ะแล้ว
แม่ครัวที่มาช่วยทำอาหารหยิบเนื้อกระต่ายตุ๋นแบ่งใส่ชาม แล้วนำกลับไปกินที่บ้าน
เจียงหว่านและคนอื่น ๆ เป็นแขก พวกเขานั่งลงเป็นกลุ่มแรก ตรงโต๊ะด้านขวาสุดของลานบ้าน โดยมีเถาจื่อและคนอื่น ๆ นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวกลาง
ส่วนด้านซ้ายสุดคือหัวหน้าหมู่บ้านและครอบครัวของเขา
เมื่อเจียงหว่านนั่งลง เธอก็ให้ความสนใจกับกางเกงที่พวกผู้หญิงในลานบ้านสวมใส่เป็นพิเศษ
เธอรู้สึกตกใจเมื่อพบว่าผู้หญิงสามคนอยู่ในลาน ทุกคนสวมกางเกงสีน้ำเงินเข้ม และมีดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ ประดับอยู่
พวกเขาคือเถาจื่อ แม่เสี่ยวสยง และต้าเจียวที่เดินออกไปหลังจากช่วยงานเสร็จแล้ว
ทุกคนทำให้เธอนึกถึงผู้หญิงที่เข้าไปในสวนหลังบ้านกับมู่เหย่ แต่ดูยังไงก็ไม่เหมือน
ในเวลานี้แม่เสี่ยวสยงชี้ก็ไปที่ขวดเหล้าบนโต๊ะ แล้วพูดว่า
“นี่คือของดีของเราเลย เหล้าโหวเอ๋อร์(ลิง)”
“ทำจากผลไม้ ใช้เวลาทำเป็นปีเลยนะ หาดื่มที่ไหนไม่ได้แน่ ๆ”
เจียงหว่านประหลาดใจ “ทำจากลิงจริง ๆ เหรอ?”
แม่เสี่ยวสยงส่ายหัว “อันนี้ไม่ใช่หรอก แต่ตอนแรกมันถูกทำโดยลิงจริง ๆ นั่นแหละ ต่อมาบรรพบุรุษของเราได้ค้นพบสถานที่ที่มีลิงทำเหล้าอยู่ พวกเขาเลยนั่งแอบดูบนต้นไม้เป็นเวลาสามเดือนเพื่อเรียนรู้กระบวนการทั้งหมด”
“บรรพบุรุษเรียนรู้มาทุกขั้นตอนเลยล่ะ”
“ต่อมาหมู่บ้านของเราก็ผลิตเหล้าโหวเอ๋อร์ทุกช่วงเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง และจะเก็บไว้เป็นเวลาหนึ่งปี หลังจากนั้นถึงจะเปิดกินได้ เราทำแบบนี้กันทุกปีเลยล่ะ”
พอได้ยินเรื่องนี้ เจียงหว่านก็ตื่นเต้นมาก
แม้ว่าเหล้าโหวเอ๋อร์พวกนี้จะเป็นเหล้าที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง แต่ก็เป็นเหล้าในตำนานที่ทุกคนต้องลิ้มลองสักครั้ง
เจียงหว่านหยิบถ้วยขึ้นมาและกำลังจะเทเหล้า แต่ทันใดนั้นมู่เหย่ก็หยิบขวดเหล้าขึ้นมา
เจียงหว่านคิดว่าเขาจะรินเหล้าให้เธอ เธอจึงรีบหยิบถ้วยของเธอ แล้วยื่นไปทางเขา
แต่มู่เหย่ไม่สนใจเธอเลย เขาเดินไปที่โต๊ะของเถาจื่อพร้อมขวดเหล้าแทน
“พี่ชาน ผมรู้ว่าพี่เป็นหัวหน้าของคนหนุ่มสาวในหมู่บ้าน โปรดยกโทษให้ผมด้วย ถ้าผม มู่เหย่ เคยทำให้ขุ่นเคืองไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม ผมขอดื่มแก่พี่เป็นการชดใช้!”
ขณะเขากำลังจะรินเหล้า พี่ชานก็เอาฝ่ามือปิดถ้วยไว้ แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“ไม่จำเป็นต้องเทเหล้าหรอก วันนี้เพื่อหัวหน้าหมู่บ้าน ความแค้นในอดีตของเราได้ถูกลบล้างไปแล้ว”
พี่ชานหยิบขวดเหล้าบนโต๊ะ เทใส่ถ้วยตัวเอง แล้วดื่มรวดเดียว
มู่เหย่เห็นอย่างนั้นก็ยกริมฝีปากขึ้นบาง ๆ ไม่ได้เขินอายเลยที่ถูกปฏิเสธ
เมื่อกำลังจะออกไปพร้อมกับเหล้าในมือ ก็มีเด็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากด้านนอก
“พี่เถาจื่อ ๆ พี่กลับไปดูเร็ว สามีของพี่ตื่นแล้ว ตอนนี้เขากำลังทุบตีลูกของพี่!”
เถาจื่อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง พลันเธอผุดลุกขึ้น แล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ย้อนกลับมา เธอคว้าแขนพี่ชาน และพูดว่า “พี่ชาน มากับฉันหน่อยสิ ถึงเขาจะตัวผอม แต่ฉันก็เอาชนะเขาไม่ได้หรอก”
พี่ชานพยักหน้าและยืนขึ้น ต้าหลางเองก็ตามไปด้วย “ฉันจะไปกับพี่ด้วย”
เมื่อเห็นพวกเขาออกไป มู่เหย่ก็รีบตะโกนตามหลัง “ให้เราช่วยอะไรไหม?”
เถาจื่อตะโกนกลับ “ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราจะรีบกลับมา!”
มู่เหย่ยิ้มตอบ พร้อมกับลงมือทำอะไรบางอย่าง
เดิมทีเขาหันหน้าไปทางโต๊ะด้านขวา แต่เมื่อเถาจื่อและคนอื่น ๆ กำลังลุกออกไป เพื่อจะหลีกทางให้ทั้งสาม เขาจึงหลบ หันหน้าไปทางโต๊ะด้านซ้าย
ช่วงชุลมุนนี้เองที่เขารีบเปลี่ยนขวดเหล้าบนโต๊ะ จากนั้นก็เดินถือขวดเหล้าของโต๊ะเถาจื่อกลับมาอย่างมีความสุข
เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงมองไปตรงนั้นพอดี และเห็นการกระทำทั้งหมดของมู่เหย่
เมื่อมู่เหย่กลับมา เจียงหว่านก็ถามด้วยความประหลาดใจ “นายจะทำอะไร?”
มู่เหย่รู้ว่าการกระทำของเขาถูกคนอื่นเห็นแล้ว แต่เขาก็ไม่สนใจ และพูดว่า
”เหล้าบนโต๊ะของพวกเขาอร่อย ฉันเลยจะรินเหล้าให้กับเธอไง”
”มาดื่มกันเถอะ”
“ฉันอุตส่าห์จะรินเหล้าให้พวกเขาเพื่อล้างความแค้นเก่า ๆ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่เห็นค่า!”
เสียงของเขาดังขึ้นมากในสองประโยคสุดท้าย และยังเต็มไปด้วยความคับข้องใจด้วย
ทำให้หัวหน้าหมู่บ้านหน้าแดงด้วยความโกรธ
หลังจากนั้นไม่นานเถาจื่อและคนอื่น ๆ ก็กลับมา
ไม่รู้ว่าพวกเขาจัดการเรื่องนี้กันยังไง สุท้ายลูกชายวัยสี่ขวบของเถาจื่อก็ตามมาด้วย แต่กลับไม่เห็นสามีของเธอเลย
หลังจากนั่งลงอีกครั้ง หัวหน้าหมู่บ้านก็พูดด้วยสีหน้าที่ดูอึดอัด “กินข้าวกันเถอะ”
ทุกคนนั่งอย่างเงียบ ๆ
คราวนี้ไม่มีใครพูดอะไร และกินกันอย่างเงียบเชียบไปอย่างนั้น
พูดกันตามตรง กระต่ายตุ๋นไม่ได้อร่อยขนาดนั้น เพราะมันทั้งเย็นและชืด เนื้อเคี้ยวไม่ได้เลย แต่รสชาติยังพอไปได้
โชคดียังมีผักป่าอยู่บ้างที่ซุ้มหน้าภูเขา ไม่อย่างนั้นมื้อนี้คงกินไม่ได้!
ผ่านไปได้ครึ่งทางของมื้ออาหาร เจียงหว่านแทบไม่อิ่มด้วยซ้ำ แต่เธอก็กำลังจะวางตะเกียบลงแล้ว ทว่าจู่ ๆ ก็มีเสียงอุทานดังมาจากโต๊ะถัดไป
“อ้า! แม่!”
ทุกคนมองดูตามด้วยความสับสน และเห็นว่าเถาจื่อหน้าซีดมาก เธอพยายามลุกขึ้นอย่างดิ้นรน แต่ทันทีที่ลุกขึ้น มือและเท้าก็กระตุก และล้มลงกับพื้น
ถ้วยชามบนโต๊ะร่วงหล่นพื้น และแตกกระจายไปทั่ว
ในเวลาเดียวกัน พี่ชานกับต้าหลางที่อยู่ข้าง ๆ ดูเหมือนจะสังเกตอะไรบางอย่างได้ พวกเขาแต่ละคนพยายามลุกขึ้น แต่ก็ล้มลงกันหมด
ทั้งสามคนนอนชักอยู่บนพื้น เหลือเพียงเด็กวัยสี่ขวบที่นั่งกอดแม่ร้องไห้จ้า