เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 217 เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลก ๆ
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 217 เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลก ๆ
บทที่ 217 เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลก ๆ
เจียงหว่านมองหัวหน้าหมู่บ้านด้วยสีหน้าเบื่อโลก
ทั้งที่มันเป็นคำพูดที่ทำให้มั่นใจ แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกแปลก ๆ นะ
หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านออกไปแล้ว เจียงหว่านก็หันมองเฉียวเหลียนเฉิง
“นายสุดยอดมาก จัดการคนทั้งหมู่บ้านได้ด้วย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉียวเหลียนเฉิงก็ขยับมือขวาไปข้างหลังและส่ายหัว
“ไม่ใช่หรอก เสี่ยวไช่เป็นคนทำหมดเลย”
ส่วนเสี่ยวไช่ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นได้ “พี่สะใภ้ ๆ หัวหน้าน่ะสุดยอดมากเลย เขาโค่นต้นไม้ใหญ่ขนาดนั้นได้ด้วยหมัดเดียวเลยนะ!”
“ตอนจัดการคู่ต่อสู้ก็ดูง่ายมาก แค่สะบัดมือไหล่ของเจ้าพวกนั้นก็หลุดแล้ว!”
เฉียวเหลียนเฉิงมองเสี่ยวไช่ และโบกมือให้เขาหุบปาก
อย่างไรก็ตามเสี่ยวไช่ตื่นเต้นมากจนมองไม่เห็นภาษากายของเฉียวเหลียนเฉิงเลย
เขาเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงทางเข้าหมู่บ้านด้วยดวงตาเป็นประกาย
ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ ใบหน้าของเจียงหว่านก็ดูมืดมนมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อเสี่ยวไช่พูดจบ ใบหน้าของเธอก็แผ่รังสีที่น่าขนลุกออกมา
เธอหันมองเฉียวเหลียนเฉิง แล้วหัวเราะเยือกเย็น
เฉียวเหลียนเฉิงขนลุกชัน ไม่เคยตื่นตระหนกขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกชาวบ้านก็ยังไม่ขนาดนี้
ชายหนุ่มรับเดินเข้าไปหาเจียงหว่าน และดึงแขนเสื้อเธอเบา ๆ
เจียงหว่านเลิกคิ้ว
เฉียวเหลียนเฉิงก็ยกริมฝีปากขึ้น เขายิ้มหวานอย่างออดอ้อน
เจียงหว่านกลอกตาใส่เขา สื่อความหมายว่า ‘ฉันจะกลับไปคิดบัญชีกับนาย!’
ชายหนุ่มเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นเขาก็มุ่งเป้าไปที่มู่เหย่
มองเพียงแวบเดียวเขาก็เดาฐานะของหมอนี่ได้แล้ว
“มาจากเมืองหลวงเหรอ?” เฉียวเหลียนเฉิงถาม
มู่เหย่พยักหน้า “ผมชื่อมู่เหย่ หัวหน้ากองพันเฉียว ผมชื่นชมชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว!”
พอพูดชมเฉียวเหลียนเฉิงแล้ว เขาก็มองไปที่เจียงหว่าน และพูดล้อเลียน “ไม่คิดเลยนะ ว่าคนที่เธอพูดถึงคือหัวหน้ากองพันเฉียวน่ะ”
เจียงหว่านได้ยินอย่างนั้นก็ภูมิใจขึ้น “เป็นไง คนของฉันสุดยอดไปเลยล่ะสิ!”
มู่เหย่หัวเราะ “ฉันได้ยินมาว่าหัวหน้ากองพันเฉียวเป็นวีรบุรุษที่ยิ่งใหญ่ หน้าตาดี มีทักษะการต่อสู้ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ และเขายังเดินเข้าออกค่ายศัตรูง่าย ๆ เหมือนเดินเล่น”
”ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรื่องพวกนี้จะเหมือนที่เล่าลือจริง ๆ แต่ว่า…”
ขณะพูด ดวงตาของเขาหันไปมองเฉียวเหลียนเฉิง แล้วจู่ ๆ ก็แสดงสีหน้าหน้าของความสงสาร
“แต่อะไร?” เจียงหว่านเลิกคิ้วถาม เพราะเขาพูดยังไม่จบ
มูเหย่ยิ้มร้ายกาจ “แต่ดันสายตาไม่ดี ไปหลงรักผู้หญิงแบบเธอซะได้”
“ก็พูดไม่ได้เต็มปากหรอกนะว่าตาบอด แต่บอกได้คำเดียวว่าสายตาของเขาต้องไม่ดีแน่นอน!”
เจียงหว่านเริ่มโกรธ จ้องมองอีกฝ่ายอย่างดุเดือด และพูดว่า “ปากนายนี่ถ้าเย็บปิดไป โลกคงน่าอยู่ขึ้นนะ!”
มูเหย่หัวเราะร่า
เฉียวเหลียนเฉิงพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันเลือกเมียของฉันเอง นายไม่ได้อยู่กับเธอตั้งแต่แรก นายคงไม่รู้หรอกว่าเธอเก่งแค่ไหน”
“เพราะอย่างนั้นอย่าดูถูกคนรักของฉัน”
คำว่า ‘คนรัก’ ทำให้เจียงหว่านรู้สึกอุ่นวาบในใจ
“เหล่าเฉียวอย่าไปสนใจหมอนี่เลย เขาแค่ปากพล่อย คิดซะว่าหมอนี่พูดเล่นแล้วกัน”
เจียงหว่านหยุดพูดไปพักหนึ่ง เธอมองมู่เหย่ และก็พูดอย่างจริงจัง “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว มู่เหย่ดูเหมือนนายจะคุ้นเคยกับหมู่บ้านนี้มากเลยนะ”
มู่เหย่หัวเราะ “แน่นอน ฉันมาที่นี่สี่ครั้งแล้ว จะไม่คุ้นเคยได้ยังไง”
เจียงหว่านถึงกับประหลาดใจ “สี่ครั้ง? ที่นี่มีอะไรที่ทำให้นายต้องมาตั้งสี่ครั้ง และขนาดมาตั้งสี่ครั้งแล้วก็ยังถูกจับตัวอีกเนี่ยนะ!”
“นายมีปัญหาทางสมองเรอะ หรือเป็นแค่คนบ้าทำตัวป่วนไปวัน ๆ?”
มู่เหย่หัวเราะแห้ง ๆ “ปากของเธอนี่พ่นพิษได้รึไง!”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็เล่าเรื่องของเขาให้ทุกคนฟัง
“ฉันมาที่นี่เพื่อซื้อยาที่ทำจากพิษของงูเจ็ดดอก มันพบได้เฉพาะในเขาลูกนี้เท่านั้นน่ะ”
“คุณยายของฉันมีโรคประหลาดที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ มีเพียงพิษของงูเจ็ดดอกนี้เท่านั้นที่สามารถต้านโรคนั้นได้”
“ฉันติดใจที่นี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่มา และเงินทั้งหมดที่เตรียมมาซื้อพิษงูในตอนแรกก็หมดไปกับการไถ่ตัวเองตอนที่ถูกจับ”
“ครั้งที่สองฉันเตรียมเงินมาเพิ่มก็เลยซื้อยาได้สำเร็จ ซึ่งมันทำให้อาการของคุณยายทุเลาลงจริง ๆ”
“พอมาซื้ออีกที พวกนั้นก็ขึ้นราคา ฉันโกรธมากจนทะเลาะกับพวกมัน แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ได้”
“แต่ถึงฉันแพ้การต่อสู้ ฉันก็ต้องทิ้งเงินไว้ห้าร้อยหยวนถึงออกไปได้”
“ครั้งนี้ที่ฉันมา ฉันเอาเงินมาเยอะขึ้น พอพวกมันกำลังจะให้ยากับฉัน หญิงหม้ายในหมู่บ้านก็ดันถูกใจฉันซะก่อน เลยยืนกรานที่จะจับฉันแต่งงาน”
“ฉันทำอะไรไม่ได้ ก็เลยโดนพวกนั้นจับขังเอาไว้”
ทันทีที่เสียงของมู่เหย่เบาลง เจียงหว่านก็ระเบิดเสียงหัวเราะ เธอหัวเราะดังลั่นแล้วเอามือกุมท้อง
”ฮ่า ๆ ตลกชะมัด ฉันอยากเห็นตอนนายโดนจับแต่งงานจริง ๆ”
“โอ้พระเจ้า นายน้อยแห่งเมืองหลวงถูกจับแต่งงานในหมู่บ้านเล็ก ๆ ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป ทุกคนในเมืองหลวงคงหัวเราะจนท้องแข็งแน่!”
มู่เหย่นิ่งไป และแค่นหัวเราะปนความโกรธ
ใช่ มันไร้สาระ และยากที่จะยอมรับได้
เฉียวเหลียนเฉิงเองก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นกัน เขาเอื้อมไปจับเจียงหว่านให้นั่งดี ๆ
“นั่งหัวเราะดี ๆ ระวังตกเก้าอี้ด้วยสิ”
เจียงหว่านพยักหน้า “ไม่เป็นไรน่า ฉันกำลังตลกเลย”
“เหล่าเฉียว นายไม่รู้หรอก ผู้ชายคนนี้เรียกฉันว่าหมูอ้วนตั้งแต่ตอนแรกที่เจอกัน ปากหมอนี่น่ะร้ายกาจมาก พอได้ยินว่าเขาจะถูกบังคับให้แต่งงาน ฉันก็เลยขำกับความโชคร้ายของเขาไง!”
มู่เหย่เม้มริมฝีปาก ไม่คิดเลยว่าคน ๆ หนึ่งจะหัวเราะให้กับความโชคร้ายคนอื่นได้ขนาดนี้
แต่เขาพูดความจริงนี่ ผู้หญิงคนนี้ทั้งอ้วนทั้งน่าเกลียดจริง ๆ!
แต่พอเธอพูดอย่างมั่นใจว่าตนเป็นคนใจแคบ ยินดีกับความโชคร้ายของผู้อื่น เขากลับรู้สึกว่าไม่ได้น่ารำคาญเลย
ความรู้สึกนี้แปลกมากจนอธิบายไม่ได้
มู่เหย่กระแอมในลำคอ และพูดต่อ “เพราะฉันมาที่นี่หลายครั้ง ฉันเลยรู้จักหมู่บ้านนี้เป็นอย่างดี เท่าที่รู้ หมู่บ้านมีคนน้อยมาก คนส่วนใหญ่เป็นพวกถูกหลอกและลักพาตัวมาทั้งนั้น”
“ยกตัวอย่างครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้าน ภรรยาและลูกสะใภ้ก็ถูกหลอกมาจากที่อื่น”
“ครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านเดิมทีมีลูกชายห้าคนและลูกสาวหนึ่งคน แต่พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก มีเพียงเสี่ยวซานที่รอดชีวิตมาได้จนโต”
“พูดถึงหลานแล้ว หลานสามในสี่คนก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเหมือนกัน”
“ไม่ใช่แค่ครอบครัวนี้เท่านั้นนะ แต่ยังรวมถึงครอบครัวอื่น ๆ ด้วย พวกเขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อหาเมีย และจะมีลูกประมาณสิบคนหรือมากกว่านั้น เพื่อให้พอเหลือรอดจนโตเป็นผู้ใหญ่”
“รุ่นพี่ฉันบอกว่านี่คือคำสาปของพระเจ้า!”
“ดังนั้น ถ้าใครช่วยลูกของคนในหมู่บ้านไว้ก็เท่ากับช่วยคนทั้งหมู่บ้านเอาด้วย”
เมื่อพูดเช่นนี้ มู่เหย่ก็ยกยิ้ม
“ครั้งนี้ฉันช่วยเด็กคนนั้นไว้ คราวหน้าพวกเขาจะไม่มาทำเรื่องยุ่งยากกับฉันอีก อย่างน้อยฉันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องยาของยายแล้ว”
หลังจากเงียบไปสักพัก เขาก็กล่าวเสริม “จะว่าไปแล้ว สินค้าจากที่นี่ก็ดีจริง ๆ นะ ครั้งที่สองตอนฉันมาก็เอาของกลับไปแจกเพื่อน ๆ พวกนั้นก็บอกว่านี่มันของดี มีเงินแค่ไหนก็หาซื้อไม่ได้”
เจียงหว่านตาเป็นประกายเมื่อได้ยินอย่างนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะคิดไม่ผิด
ไม่ว่าคนในหมู่บ้านนี้จะเป็นคนยังไง อย่างน้อยพวกเขาก็มียังจิตใจที่ดีหลงเหลืออยู่
หัวหน้าหมู่บ้านให้การต้อนรับที่แสนอบอุ่นกับเจียงหว่านและคนอื่น ๆ โดยมีชาวบ้านเข้ามาช่วยเหลือ
หัวหน้าหมู่บ้านเรียกเฉียวเหลียนเฉิงออกไป หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มก็กลับมาและพูดว่า
“หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่า ในเมื่อพวกเราปรองดองกันแล้ว เขาเลยอยากจะคลายความคับข้องใจระหว่างคุณกับเถาจื่อและคนอื่น ๆ เขาเลยให้เถาจื่อ พี่ชาน และต้าหลางมาทานอาหารเย็นด้วยกัน”
”หวังว่าเราจะผูกมิตรกันไว้”
เจียงหว่านเม้มปาก คิดถึงเรื่องที่เธอต้องไปนั่งคุยกับคนพวกนั้น แน่นอนการที่เธอกับเถาจื่อยังไม่ลงรอยกันมันจะไม่เป็นผลดีต่อใครเลย แต่ยัยเถาจื่อนั่นก็เป็นคนเจ้าอารมณ์ คงจะน่ารำคาญมากถ้าให้เธอไปตีสนิทด้วย
“เป็นไปไม่ได้ ฉันทำได้มากที่สุดคือเมินยัยนั่นเท่านั้นแหละ!” เจียงหว่านตอบกลับ
ยัยเถาจื่อตอบแทนน้ำใจของเธอด้วยการหักหลัง ผู้หญิงคนนี้มีจิตใจชั่วร้าย ถึงไม่ขัดแย้งกัน เจียงหว่านก็ต้องระวังการถูกแทงข้างหลังอยู่ดี