เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 215 ผู้ชายของเธอดีเกินไป จึงมีคนห่วงใยเสมอ!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 215 ผู้ชายของเธอดีเกินไป จึงมีคนห่วงใยเสมอ!
บทที่ 215 ผู้ชายของเธอดีเกินไป จึงมีคนห่วงใยเสมอ!
เถาจื่อรีบเข้ามาด้วยผมที่ยุ่งเหยิง “จะปล่อยเธอไปไม่ได้ คนของเธอทุบตีผู้ชายในหมู่บ้านจนบาดเจ็บขนาดนี้ ถ้าปล่อยเธอไป อีกหน่อยหมู่บ้านนายพรานของเราจะมีหน้าไปเจอใครได้อีก!”
โย่วเสี่ยวซานรู้สึกตกใจ เขาหันไปมองพ่อด้วยสายตาไม่เชื่อใจ
“พ่อ ไม่เหลือเลยเหรอ?”
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ไม่ถึงขนาดนั้น ยังเหลือพวกหนุ่ม ๆ สาว ๆ อีกเจ็ดแปดคน”
โย่วเสี่ยวซานแค่นยิ้มด้วยความโมโห เขาถามเถาจื่อ “สมองของเธอถูกลิงเตะหรือเปล่า ผู้ชายในหมู่บ้านของเราแพ้ไปหมดแล้ว เธอเก็บหล่อนไว้ทำไมอีก!”
เถาจื่อเอ่ยด้วยความไม่มั่นใจ “ก็ขนาดหมีดำพวกเรายังจัดการได้ นี่ทหารแค่คนเดียว จะกลัวเขาทำไม”
“หากพวกเราสู้ไม่ได้ พวกเราก็ยังมีธนูอาบยาพิษ หากทุกคนยิงพร้อมกัน พวกนี้หนีไปไหนไม่ได้หรอก!”
“อวดเก่งนักนะ!” หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนฟังอยู่โกรธมาก
ธนูอาบยาพิษใช้สำหรับล่าสัตว์ ภูเขาของพวกเขาเป็นภูเขาที่อยู่ด้านนอกสุด เล่ากันว่าเทือกเขานี้เริ่มมาจากคุนหลุนทิศตะวันตก และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาฉินหลิง
ที่นี่จึงมีสัตว์ป่านานาชนิด
ในช่วงปีแรก ๆ ถึงขนาดมีเสือออกมากินคน
ดังนั้น ผู้คนที่อาศัยอยู่ตามภูเขาจึงเสี่ยงอันตรายมาก
เพื่อป้องกันตนเองและเพื่อความอยู่รอด พวกเขาได้รวบรวมพิษจากแมงมุมและงูพิษมาทาที่ลูกธนู
นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ธนูอาบยาพิษ
เพียงแต่วิธีทำลูกธนูอาบยาพิษนั้นค่อนข้างซับซ้อน และมันอันตรายกับมนุษย์มากด้วย
โดยปกติแล้วหากมีใครเสียชีวิต ทางหมู่บ้านจะพาขึ้นไปไว้บนภูเขาใหญ่เพื่อเป็นอาหารสัตว์ป่า เป็นวิธีการกำจัดศพ
ดังนั้น การฆ่าและกำจัดศพไม่ใช่ปัญหา
แต่นี่คือนายทหารของกองทัพ ทั้งยังเป็นหัวหน้ากองพัน
หากว่าเขาหายไป กองทัพจะต้องตามหาแน่
และถ้าหากว่าเขาคนนี้เสียชีวิต กองทัพก็คงจะไม่รับปากว่า หมู่บ้านนี้จะยังคงอยู่หรือไม่
เถาจื่อรู้ว่าพูดอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ แต่ด้วยความโกรธต่อหัวหน้าหมู่บ้าน เธอมองไปที่เฉียวเหลียนเฉิงราวกับคิดอะไรบางอย่าง แล้วจ้องมองเจียงหว่านด้วยสายตาทีแค้นเคือง จากนั้นหันหลังกลับ และวิ่งออกไป
เจียงหว่านมองตามหลังหล่อนไป คิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้จะต้องคิดอะไรชั่ว ๆ อยู่แน่ ๆ!
โดยเฉพาะสีหน้าตอนหล่อนมองเฉียวเหลียนเฉิงก่อนออกไป มันทำให้มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจเจียงหว่าน
เถาจื่อเพิ่งออกไป ลุงฝูก็นำคนที่ถูกทุบตีเจ็ดแปดคนเข้ามา
หนึ่งในนั้นก็คือพี่ซานที่ไหล่หลุดทั้งสองข้าง
“ใครกันที่ทำแบบนี้!” ลุงฝูถามพลางชี้ไปที่ไหล่ทั้งสอง
เฉียวเหลียนเฉิงตอบอย่างเย็นชา “ผมเอง!”
ลุงฝูหันมองหัวหน้าหมู่บ้านพลางเอ่ยออกไป “หัวหน้าหมู่บ้าน ฉันรักษาไม่ได้หรอก ให้คนทำจัดการเถอะ!”
หัวหน้าหมู่บ้านขมวดคิ้ว มองผู้คนร้องโหยหวน แต่เขาก็ทำได้เพียงมองเฉียวเหลียนเฉิงอย่างช่วยไม่ได้
“หัวหน้ากองพันเฉียวเข้าใจกันหน่อยเถอะ!”
แต่เฉียวเหลียนเฉิงมองไปยังเจียงหว่าน และโบกมือให้เธอตัดสินใจ
หัวหน้าหมู่บ้านมองความหมายของเขาออก จึงหันไปมองทางเจียงหว่าน
“ภรรยาหัวหน้ากองพัน โปรดเข้าใจพวกเราด้วย!”
เจียงหว่านรีบโบกมือ “ไม่ต้อง ๆ เรียกฉันว่าสหายเจียงก็ได้ ฉันไม่ชอบให้เรียกแบบนั้น”
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้า “ได้ สหายเจียง สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการเข้าใจผิด ช่วยพวกเรา…”
เจียงหว่านยืนขึ้นและพูดว่า “หัวหน้าหมู่บ้าน ฉันเป็นคนรอบคอบ พวกเราคิดแบบไหนก็พูดแบบนั้น เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเถาจื่อของหมู่บ้านพวกคุณที่ก่อเรื่องก่อน”
พูดจบ เธอก็หันไปมองลุงฝู และถามว่า “คุณคือลุงฝูใช่ไหม”
ลุงฝูพยักหน้า
เจียงหว่านจึงพูดต่อ “สามีของเถาจื่อ คุณไปดูอาการเขาหรือยัง?”
ลุงฝูพยักหน้าอีกครั้ง “เมื่อกี้ตอนกลับไป ฉันแวะเข้าไปดูแล้ว ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก”
เจียงหว่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในเมื่อไม่มีอะไร อย่างนั้นจักรยานของฉันที่พวกคุณยึดไปก็ควรจะคืนหรือเปล่า?”
หัวหน้าหมู่บ้านเข้าใจแล้ว นี่เป็นการเปิดประเด็นสินะ!
เขารู้สึกกลุ้มใจ หัวหน้าหมู่บ้านนายพรานแต่ไหนแต่ไรก็อยู่เหนือพวกชาวบ้าน แม้แต่ตำรวจมาล้อมปราบก็ยังไม่เกรงกลัว คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะถูกผู้หญิงคนนี้ทำให้จนมุมเสียแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองดูเหล่าชายหนุ่มที่ร้องโหยหวนอยู่บนพื้น เขาก็ทำได้เพียงกัดฟันและยอมรับมัน
“ได้ เราจะคืนจักรยานให้คุณ ส่วนเงินเราก็ไม่ต้องการแล้ว และจะพาคุณลงจากภูเขาด้วย!”
เจียงหว่านไม่ค่อยพอใจนักหลังจากได้ยินอย่างนั้น เธอชี้ไปที่เฉียวเหลียนเฉิง
“สามีของฉันลำบากถ่อมาช่วยถึงนี่ แถมถูกพวกคุณทำร้ายจนบาดเจ็บอีก”
“นี่ยังไม่นับที่เขาออกจากกองทัพก็ต้องลาพัก ไหนจะโดนหักเงิน ดังนั้นพวกคุณต้องชดเชยค่าแรงและสุขภาพจิตที่สูญเสียไปหรือเปล่า!”
หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินสิ่งนี้ ริมฝีปากก็กระตุกทันที นี่มันขู่กรรโชกชัด ๆ
หัวหน้าหมู่บ้านนายพรานคาดไม่ถึงว่าตนจะถูกขู่กรรโชก หากพูดออกไปใครจะเชื่อกัน!
เจียงหว่านเห็นเขาไม่เอ่ยอะไร จึงกล่าวต่อ “ไม่ได้เหรอ?”
หัวหน้าหมู่บ้านพยักหน้าด้วยความกลัดกลุ้ม “ได้ คุณบอกมาเลยว่าเท่าไหร่?”
เจียงหว่านลูบคางแล้วครุ่นคิด
เฉียวเหลียนเฉิงพลันเอ่ยออกมา “พวกเราไม่ต้องการเงิน!”
เจียงหว่านมองเขาด้วยความประหลาดใจ
เฉียวเหลียนเฉิงไม่กล้าสบตาเจียงหว่าน เขามองไปที่หัวหน้าหมู่บ้านด้วยสีหน้าจริงจังแทน
“พวกเราไม่ต้องการเงิน เพียงแต่ขอร้องให้พวกคุณหมู่บ้านนายพรานไม่ทำเรื่องเลวร้ายเหล่านี้อีก!”
“คุณเป็นหัวหน้าหมู่บ้านก็ควรจะทำตัวเป็นแบบอย่าง เลิกนำชาวบ้านทำสิ่งผิดกฎหมายและเลวร้าย ใช้ชีวิตให้ถูกครรลองคลองธรรม!”
หัวหน้าหมู่บ้านเผยสีหน้าไม่ชอบใจ
มู่เหย่ที่อยู่ด้านข้างพลันพูดขึ้นมา
“เขาพูดถูก ถึงเวลาที่พวกคุณต้องหยุดทำเรื่องแบบนี้ได้แล้ว”
หัวหน้าหมู่บ้านมองเขาด้วยความไม่พอใจ
มู่เหย่พลันโบกมือ “อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ฉันเพิ่งมีส่วนร่วมในการช่วยหลานชายของคุณนะ หากไม่ใช่เพราะฉัน หญิงอ้วนคนนั้นจะทำสำเร็จได้ยังไง และหลานชายของคุณก็คงไม่รอดเหมือนกัน!”
เจียงหว่านจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธ “นายเป็นบ้าหรือไง ทำไมต้องแว้งกัดฉันด้วย ฉันไปทำอะไรนายฮะ?”
มู่เหย่พูดติดตลก “อย่าโกรธเลยน่า ฉันแค่พูดผิดจนเคยชินน่ะ”
เจียงหว่านกัดฟันแน่น!
น่าแปลกที่เวลาคนอื่นเรียกเธอว่าอ้วน เธอไม่เคยใส่ใจ
ทว่าทุกครั้งที่มู่เหย่เรียกเธอว่าอ้วนอย่างตีมึน เธอกลับรู้สึกโกรธมาก! ทำไมกันนะ?!
หัวหน้าหมู่บ้านถอนหายใจเฮือกใหญ่ และพูดอย่างจนปัญญา
“ฉันรู้ การต้มตุ๋นเป็นสิ่งไม่ดี แต่ว่าหมู่บ้านพวกเราไม่มีที่ดิน ถึงแม้ว่าของป่าบนภูเขาแห่งนี้จะขายได้ แต่ก็เป็นแค่เงินจำนวนน้อยมาก ๆ ทั้งถูกกดราคาจากคนที่มารับซื้ออีก”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการลักพาตัวคนที่ผ่านไปผ่านมาแล้วเรียกค่าไถ่ เพราะทุกคนที่มาที่นี่ล้วนแต่มีเงิน!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาเหลือบมองมู่เหย่อย่างไม่ได้ตั้งใจ
ใช่ มู่เหย่เป็นหนึ่งในพวกคนรวยที่ถูกจับมาเช่นกัน
มู่เหย่เอามือลูบจมูก เขากล่าวอย่างกลัดกลุ้มใจ “การต้มตุ๋นแม้จะได้เงินเร็วก็จริง แต่มีเงินแล้วจะมีประโยชน์อะไร หากไม่สามารถช่วยลูกตัวเองได้!”
ประโยคสุดท้ายเป็นเหมือนหนามแหลมคมที่แทงใส่หัวใจคนฟัง
หัวหน้าหมู่บ้านอยากหักล้างประโยคดังกล่าว แต่เขาก็พลันนึกถึงสถานการณ์ของตนเอง จึงทำได้เพียงแค่เงียบไป
เวลานี้เฉียวเหลียนเฉิงจึงพูดขึ้น “เรื่องอื่นยังไม่ต้องพูดถึง พวกเรามาคุยเรื่องตรงหน้าก่อนเถอะ ฉันมาที่นี่ ส่วนหนึ่งก็เพื่อดูสถานการณ์ และกลับไปรายงานให้กับกองทัพ”
“และก็ถือเป็นโชคร้ายของพวกคุณ ตอนที่คนของพวกคุณมาหา เรา ดันบังเอิญว่าเพื่อนของผู้บัญชาการกองพันทหารอยู่ด้วย”
“ตามที่เขาพูด ระยะนี้หมู่บ้านพวกคุณกำเริบเสิบสานเกินไป มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไปแจ้งความ”
“เบื้องบนจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก และเตรียมเริ่มสอบสวนเรื่องนี้แล้ว”
“พวกคุณคงรู้ดี การที่กองทัพลงมือกับตำรวจลงมือนั้น ต่างกันแค่ไหน”