เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 214 ในที่สุดก็ได้เจอภรรยา!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 214 ในที่สุดก็ได้เจอภรรยา!
บทที่ 214 ในที่สุดก็ได้เจอภรรยา!
เสี่ยวไช่คว้าข้อมือของชาวบ้านไว้พร้อมกับเลียนแบบทักษะของเฉียวเหลียนเฉิง เขาตั้งใจจะดึงให้ข้อมืออีกฝ่ายหลุดออกจากข้อต่อ
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีทักษะเพียงพอจึงไม่สามารถทำแบบเฉียวเหลียนเฉิงได้
แม้จะพยายามอยู่สองสามครั้งแต่ก็ไม่เกิดผลลัพธ์ใด
เสี่ยวไช่เริ่มหงุดหงิด เมื่อเงยหน้าไปก็เห็นแววตาเย้ยหยันจากอีกฝ่าย
สายตาเย้ยหยันนั่นทำให้เขาโกรธมาก เขากอดแขนของชาวบ้านเอาไว้ แล้วพลิกม้วนกลับหลัง ก่อนจะใช้ไหล่ดันเข้าที่ลำตัว
“อ๊าก!”
ในที่สุดก็หักได้แล้ว!
เสี่ยวไช่พอใจกับผลลัพธ์นี้มาก
เขาหันหลังกลับมายิ้มให้เฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายศีรษะน้อย ๆ แต่ก็ยอมรับความช่วยเหลือของเขาเอาไว้
เสี่ยวไช่อยู่ทางซ้าย เฉียวเหลียนเฉิงอยู่ทางขวา ทั้งสองคนค่อนข้างเข้าขากันได้ดี!
โชคดีที่ถนนหน้าหมู่บ้านนี้แคบ อีกทั้งต้นไม้ใหญ่ที่ล้มลงก่อนหน้าก็ช่วยปิดกั้นเส้นทางเอาไว้ ทำให้สภาพแวดล้อมโดยรอบเป็นใจให้เฉียวเหลียนเฉิงมาก
มันทำให้เขาหลบเลี่ยงฝูงชนได้สะดวก
ชายเหล่านั้นโชคไม่ดีเท่าไหร่นัก พวกเขาเป็นแค่กล้ามเนื้อเดินได้ ทำเป็นแค่ปีนเขา และใช้ธนูเป็นอาวุธในการล่าสัตว์
ตอนนี้แม้จะมีท่อนไม้อยู่ในมือ แต่ก็เหมือนกับมีเศษไม้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเฉียวเหลียนเฉิง
แทบจะทันทีที่พวกเขาเข้าถึงตัวของชายหนุ่ม ทั้งหมดก็ถูกเฉียวเหลียนเฉิงถอดข้อต่ออย่างง่ายดาย
บางคนถูกถอดข้อต่อแขน บางคนถูกถอดขา เสียงกรีดร้องดังระงม ไม่นานนักบนพื้นก็เต็มไปด้วยเหล่าผู้คนของหมู่บ้านนายพราน พวกเขานอนทุรนทุรายเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น
การต่อสู้กินเวลาราวสิบนาที ชาวบ้านเกือบสิบคนที่พุ่งเข้าหาเฉียวเหลียนเฉิงก่อนหน้านี้พ่ายแพ้ราบคาบ
ส่วนหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้เคลื่อนไหวเลย เพราะเขาแก่ชรามากแล้ว
เขายังคงยืนอยู่ใต้ต้นไม้อีกด้านหนึ่ง ภาพน่าตกตะลึงทำให้ไม่สามารถหุบปากลงได้เลย
บรรดาผู้ชายที่แข็งแกร่งของหมู่บ้าน ตอนนี้เหลือแค่แปดคนเท่านั้นที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ความจริงนี้ทำเอาหัวหน้าหมู่บ้านหน้าชาจนหูอื้อ
ขณะนั้นเอง ผู้หญิงคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา พร้อมกับตะโกนมาแต่ไกล
“ทุกคน หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้!”
คนที่เหลือหันกลับไปมอง
คนที่วิ่งมาคือแม่ของเสี่ยวสยง เมื่อเธอเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ร่างกายก็แข็งค้างไปทันที
“แม่เสี่ยวสยงมาทำอะไร?” หัวหน้าหมู่บ้านถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ
แม่เสี่ยวสยงยังคงเดินเข้ามาใกล้
“พ่อตาคะ เสี่ยวสยงยังไม่ตาย!”
หัวหน้าหมู่บ้านตกตะลึง แล้วโต้กลับอย่างไม่เชื่อถือ “เธอพูดบ้าอะไร? เสี่ยวสยงตายแล้ว ฉันตรวจสอบลมหายใจของเขาแล้ว และเขาไม่หายใจ!”
แม่ของเสี่ยวสยงส่ายศีรษะ “ไม่ เขายังไม่ตาย เขายังไม่ตายจริง ๆ!”
“ไม่ใช่สิ เขาตายไปแล้ว แต่ฟื้นกลับมาได้!”
หัวหน้าหมู่บ้านยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และรีบถาม “โอ้ ใครเป็นคนช่วยเขา? ลุงฝูกลับมาแล้วเหรอ?”
แม่เสี่ยวสยงส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ค่ะ เป็นผู้หญิงอ้วนที่เราจับตัวมาต่างหาก”
หัวหน้าหมู่บ้านประหลาดใจ
แม่เสี่ยวสยงก้มศีรษะลง ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “พ่อตา ปล่อยพวกเขาไปเถอะค่ะ”
“ถ้าไม่มีผู้หญิงคนนั้น เสี่ยวสยงคงได้ตายไปแล้ว”
หัวหน้าหมู่บ้านเงียบ เขาหันมองพวกผู้ชายที่นอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้น ใบหน้าของชายชรากระตุกเบา ๆ
เขาไม่ต้องการปล่อยใครไปทั้งนั้น!
คนพวกนี้ทำอะไรไม่ได้เลย ช่างไร้ประโยชน์ซะจริง!
แต่ถึงอย่า่งนั้น เรื่องของเสี่ยวสยงก็เป็นข้อแก้ตัวที่ดี
เมื่อนึกอย่างนั้นแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านก็รีบตะโกน “หยุด! หยุดสู้ได้แล้ว!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ ทุกคนหันขวับกลับมามอง
หัวหน้าหมู่บ้านมองเฉียวเหลียนเฉิง และพูดว่า “ภรรยาคุณช่วยชีวิตหลานชายคนเดียวของฉันเอาไว้ ไม่มีอะไรจะสำคัญไปกว่าเด็กอีกแล้ว!”
“ตามฉันเข้าไปด้านในสิ!”
เสี่ยวไช่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบร้องเตือน “หัวหน้าอย่าไปสนใจตาแก่นั่นเลย บางทีเขาอาจจะหลอกเราก็ได้!”
หลังพูดอย่างนั้น เขาหันมองหัวหน้าหมู่บ้าน และกล่าวเสียงเกรี้ยวกราด “เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว พี่สะใภ้ช่วยชีวิตหลานชายของคุณ เพราะเหตุนั้นคุณก็ควรจะตอบแทนด้วยการปล่อยเธอออกมาไม่ใช่เหรอ?!”
“ไม่ใช่ว่าเรียกให้พวกเราเข้าไปด้านในแบบนี้ แค่ปล่อยพี่สะใภ้เราออกมา และเราจะกลับทันที!”
ทว่าก่อนหัวหน้าหมู่บ้านจะตอบกลับ เฉียวเหลียนเฉิงก็โบกมือขัด “ฉันจะเข้าไปกับเขา ส่วนนาย…”
เสี่ยวไช่รีบพูด “งั้นผมไปด้วย”
“ตอนนี้ผมไม่ใช่เสี่ยวไช่ แต่เป็นแขนซ้ายของคุณ!”
เฉียวเหลียนเฉิงเหลือบมองอีกฝ่าย ก่อนจะดุเสียงเบา “แขนซ้ายของฉันพูดไม่ได้”
เสี่ยวไช่เข้าใจทันที เขารีบปิดปาก ก้มหน้าลง และทำหน้าที่แขนซ้ายอย่างดี
เฉียวเหลียนเฉิงจึงหันมองหัวหน้าหมู่บ้าน “พาผมไปพบเธอ”
หัวหน้าหมู่บ้านสั่งคนที่เหลือให้ช่วยคนเจ็บ
หลังจากนั้นเขาก็พาเฉียวเหลียนเฉิงเข้ามาด้านใน เข้ามาในหมู่บ้านได้ไม่นาน ชายร่างสูงผิวเข้มก็วิ่งกลับมาจากภูเขาด้านหลัง
และมีชายสูงอายุคนหนึ่งตามมาด้วย
“พ่อ ผมพาลุงฝูมาแล้ว!” ผู้ชายคนนี้คือโย่วเสี่ยวซาน ลูกชายของโย่วต้าซาน
ลุงฝูอายุมากแล้ว แต่ยังเดินขึ้นภูเขาได้คล่องแคล่วราวกับเดินบนพื้นราบ “เด็กอยู่ที่ไหน พาฉันไปดูซิ!”
ตัวเขาเองก็เฝ้าดูเสี่ยวสยงมาตั้งแต่เกิด เมื่อรู้ว่าเด็กนั่นอยู่ในอาการวิกฤต เขาก็กังวลมาก
หัวหน้าหมู่บ้านรีบพูด “ไม่ ไม่ต้องแล้ว เขาได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่ตอนนี้มีชาวบ้านจำนวนมากกำลังบาดเจ็บ ลุงฝูไปดูพวกเขาดีกว่า!”
ลุงฝูสับสนเล็กน้อย แต่ก็ตอบตกลง และเดินตรงไปยังทางเข้าหมู่บ้านแทน
พอได้ยินว่าเด็กได้รับการช่วยเหลือแล้ว โย่วเสี่ยวซานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วแม่ของเสี่ยวสยงก็บอกกล่าวกับทุกคนว่าเจียงหว่านช่วยลูกเธออย่างไรบ้าง
โย่วเสี่ยวซานรับฟังอย่างเงียบ ๆ
พอแม่ของเสี่ยวสยงพูดจบแล้ว ทุกคนก็หันมองหัวหน้าหมู่บ้าน
เมื่อพวกเขามาถึงลานบ้าน โย่วเสี่ยวซานเห็นลูกชายกลับมาร่าเริงอีกครั้ง พลันดวงตาของชายหนุ่มก็มีน้ำตาเอ่อร้นขึ้น
“ไหน ใครคือหญิงอ้วนที่ว่านั่น!”
เขาตะโกนลั่น ทุกคนในลานหันมองเขาเป็นตาเดียว
เจียงหว่านเองก็หันมองคนคนนั้นด้วยเช่นกัน และเห็นว่าเฉียวเหลียนเฉิงเดินตามหลังเสี่ยวซานเข้ามาด้วย
ทันใด แววตาก็เป็นประกาย เธอรีบพุ่งเข้าไปหาเฉียวเหลียนเฉิง
แต่ไม่ทันได้เข้าถึงตัวเขา โย่วเสี่ยวซานกลับวิ่งเข้ามาคว้าข้อมือของเจียงหว่านเอาไว้ซะก่อน
“คุณใช่ไหมหญิงอ้วนที่เขาพูดถึง? ใช่ ต้องใช่แน่ ๆ เพราะคุณอ้วนที่สุดแล้ว!”
เจียงหว่านหันมองอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ “นายคิดจะทำอะไร?”
ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงที่เห็นภาพตรงหน้า สายตาก็เย็นยะเยือก พร้อมจะพุ่งเข้าหาโย่วเสี่ยวซานเต็มที่
เจียงหว่านเห็นแล้วว่าเฉียวเหลียนเฉิงคิดอะไร เธอจึงหันมองเขาเพื่อห้ามปราม
ส่วนแม่ของเสี่ยวสยงหันมอง และตะคอกด้วยความไม่พอใจ “คุณคิดจะทำอะไร!”
เสี่ยวซานโบกมือปฏิเสธ เขารีบปล่อยข้อมือเจียงหว่าน ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าหญิงสาว
“ผู้มีพระคุณ คุณช่วยลูกชายของผมไว้ ผมขอบคุณจริง ๆ!”
เจียงหว่านถึงกับตกใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน ถึงเธอจะช่วยชีวิตเด็กเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้ต้องการให้ใครมาก้มหัวให้แบบนี้สักหน่อย
หญิงสาวรีบโบกมือ “ไม่ ไม่ต้อง รีบลุกขึ้นเถอะ!”
เสี่ยวซานส่ายหัว “ไม่ ผมต้องคำนับคุณ”
เจียงหว่านถึงกับหมดคำจะพูด เวลานั้นมู่เหย่ก็หัวเราะเสียงดัง “ปล่อยให้หมอนั่นโขกศีรษะกับพื้นหน่อยเถอะ ไม่อย่างนั้นหมอนั่นจะไม่สบายใจเอา”
เจียงหว่านขมวดคิ้ว “หมายความว่ายังไง? นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ต่อให้รู้สึกซาบซึ้งแค่ไหน ก็ไม่จำเป็นต้องก้มศีรษะเพื่อขอบคุณขนาดนั้นเลยนี่!”
มู่เหย่กล่าวเสียงหนัก “ที่อื่นอาจไม่ใช่ แต่ที่นี่พวกเขาทำแบบนั้น”
“เพราะเสี่ยวสยงเป็นหลานชายคนที่สี่ของหัวหน้าหมู่บ้าน และเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต”
“สิ่งที่เธอช่วยไว้ไม่ใช่แค่ชีวิตเด็ก แต่เป็นความหวังของครอบครัวเขา”
เจียงหว่านประหลาดใจ ขณะนี้โย่วเสี่ยวซานก็คำนับให้เจียงหว่านสามครั้งอย่างจริงใจ
หลังจากคำนับเสร็จแล้ว เขาก็ลุกขึ้น “ผู้มีพระคุณ คุณช่วยลูกชายของผมไว้ คุณบอกมาเลยว่าคุณต้องการอะไร ผมจะหามาให้”
เจียงหว่านโบกมือ “ไม่ ๆ ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น”
โย่วเสี่ยวซานส่ายศีรษะ “ไม่ได้นะ ผม โย่วเสี่ยวซาน ไม่ใช่คนที่จะตอบแทนความเมตตาด้วยการหยิบยื่นความเป็นศัตรู และความเมตตาครั้งนี้ผมจะต้องตอบแทน!”
เจียงหว่านจึงตอบว่า “ถ้าต้องการตอบแทนฉัน ทำไมไม่คืนจักรยานให้ฉันและปล่อยเราล่ะ!”
โย่วเสี่ยวซานตกตะลึง เขาหันมองหัวหน้าหมู่บ้านอย่างขอคำตอบ
แต่ทันใดนั้น เสียงแหลมเกรี้ยวกราดก็ดังขึ้น “พวกเราจะปล่อยเธอไปไม่ได้เด็ดขาด!”