เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 211 ทุบประตูออกไปช่วยชีวิต ผู้หญิงก็ต้องช่วยเหลือผู้หญิงด้วยกัน!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 211 ทุบประตูออกไปช่วยชีวิต ผู้หญิงก็ต้องช่วยเหลือผู้หญิงด้วยกัน!
บทที่ 211 ทุบประตูออกไปช่วยชีวิต ผู้หญิงก็ต้องช่วยเหลือผู้หญิงด้วยกัน!
หัวหน้าหมู่บ้านหน้าเปลี่ยนสี เขาหันกลับมาออกคำสั่ง
“ผู้ชายทุกคนตามฉันมา!”
หลังพูดจบ เขาก็เดินนำออกไปพร้อมมีชายร่างกำยำกลุ่มใหญ่ตามหลัง
ผู้ชายทุกคนออกจากลานไปแล้ว ส่วนเด็กที่กำลังโตวิ่งตามออกไปรับชมความสนุกสนาน
เหลือเพียงผู้หญิงไม่กี่คนที่นี่
ทันทีที่เห็นว่ามีโอกาส เจียงหว่านก็ตะโกน “ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้ บางทีเด็กนั่นอาจจะรอดก็ได้!”
แม่ของเสี่ยวสยงหันขวับมองหญิงสาว เธอชะงักนิ่งไปชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็เพิกเฉย
เจียงหว่านอยากจะตะโกนอีกคำ แต่เถาจื่อก็โผล่ออกมาพร้อมสาดน้ำเน่าใส่เจียงหว่าน
“โอ๊ย!” เจียงหว่านเปียกน้ำเน่าไปทั้งตัว ทั้งยังมีเศษผักสองสามใบติดอยู่บนร่างกายของเธอ
“นังอ้วน แกจะแหกปากทำไม?! ถ้าไม่ใช่เพราะหน้าต่างกับประตูถูกปิดไว้แน่นหนาแบบนี้ ฉันจะเข้าไปทุบแกให้ตาย!”
เจียงหว่านโกรธจัด “นังโง่ ถ้าฉันไม่ไปช่วยตอนที่สามีแกทุบตีลูกชายของแก ป่านนี้แกคงไม่ได้เห็นหน้าลูกแล้ว”
“ฉันช่วยแกเอาไว้แท้ ๆ แต่กลับไม่เห็นค่า ทั้งยังตอบแทนความเมตตาของฉันแบบนี้งั้นเหรอ?”
“แกยังเป็นคนอยู่ไหม? ถ้ารู้แบบนี้ฉันน่าจะปล่อยให้เขาตีลูกแกจนตายไปเลย มีชีวิตอยู่เพื่อเปลืองอากาศจริง ๆ”
เถาจื่อเองโกรธมาก เธอตอบโต้ “นังอ้วน แกพูดบ้าอะไร? สามีฉันทุบตีลูกชายมันก็เป็นเรื่องในครอบครัวฉัน ไม่ใช่ธุระกงการของแก!”
“และถ้าไม่ใช่เพราะแก สามีฉันคงจะไม่ต้องบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติหรอก ดูซิ ตอนนี้เขายังไม่ตื่นเลย!”
“คนอย่างแกแค่ห้าร้อยหยวนมันยังน้อยไป ควรจะเรียกสักห้าพันหยวนถึงจะถูก”
“ไม่ ไม่สิ ห้าพันหยวนถือว่าถูกสำหรับคนอย่างแกด้วยซ้ำ…”
“หึ ได้ยินว่าสามีของแกจะมาช่วยสินะ ฉันว่าน่าจะให้สามีของแกมาแทนที่สามีของฉันน่าจะดีกว่า แล้วแกก็ไปอยู่กับคนที่นอนหมดสติอยู่นั่น!”
ดวงตาของเจียงหว่านเบิกกว้าง “แกพูดพล่ามอะไรออกมา ถ้ากล้ามาแตะต้องสามีของฉัน ฉันจะหั่นแกเป็นชิ้น ๆ!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกังวล เถาจื่อก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข แต่ขณะที่เธอกำลังจะสาปแช่งอีกสองสามคำ ทันใดนั้น…
ปึก!
ความเจ็บปวดแล่นปราดจากท้ายทอย ดวงตาของเถาจื่อพลันปิดสนิท และเธอก็ล้มลงไปกับพื้นทันที
ทุกคนตื่นตระหนก พวกเธอรีบหันมองด้านหลัง และก็เห็นว่าแม่ของเสี่ยวสยงถือท่อนไม้อยู่ในมือ
เถาจื่อหมดสติไปแล้ว ส่วนแม่ของเสี่ยวสยงก้าวไปด้านหน้า ก่อนจะเริ่มทุบประตูโรงฟืน
แต่พวกผู้ชายตอกตะปูไว้แน่นหนามาก และท่อนไม้ไม่สามารถทำลายสิ่งขวางกั้นได้
แม่ของเสี่ยวสยงยิ่งกังวล เธอเริ่มใช้ค้อนทุบประตูอย่างบ้าคลั่ง ผู้หญิงที่อยู่ในลานเงียบกริบ และเฝ้ามองแม่ของเสี่ยวสยงทุบประตูอยู่อย่างนั้น
เจียงหว่านเองก็กังวล เพราะยิ่งปล่อยเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ หนทางรอดของเด็กก็ยิ่งน้อยลงทุกที
เธอรีบตะโกนเสียงดัง “ทุกคน ช่วยฉันออกไปที ถึงฉันจะออกไปข้างนอกฉันก็หนีไปไหนไม่ได้ ฉันแค่อยากออกไปช่วยเด็ก”
“ถ้าลูกของพวกเธอนอนอยู่ตรงนั้น พวกเธอจะเฉยเมยแบบนี้ได้ไหม?”
คำพูดของเจียงหว่านสั่นคลอนจิตใจของใครบางคน
เสี่ยวเจียวเป็นคนแรกที่เข้ามาช่วยเหลือ เธอคว้าพลั่วและเริ่มสับไม้ตรงหน้า
ส่วนต้าเจียวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เธอสามารถเพิกเฉยต่อคนอื่น ๆ ได้ แต่เธอไม่สามารถเพิกเฉยต่อน้องสาวของตัวเองได้
จากนั้นพวกผู้หญิงก็เริ่มทยอยกันเข้าช่วยเหลือ ไม่นานนักทั้งเจ็ดคนก็ร่วมมือกันทุบประตู
ภายในโรงฟืน มู่เหย่ที่ถูกมัดเอาไว้ถึงกับเย้ยหยันออกมา
“ยัยหมูอ้วน เธอพูดจากระตุ้นอารมณ์คนอื่นได้เก่งดีนี่ ถ้าเธอได้ออกไปด้านนอก แต่ช่วยเด็กไว้ไม่ได้มันจะเป็นอีกเรื่องเลยนะ เอางี้ เรามาพนันกันดีกว่าว่า ผู้หญิงพวกนั้นจะฉีกเธอเป็นชิ้น ๆ ไหม”
เจียงหว่านตอบกลับโดยไม่หันมอง “ฉันไม่ได้โกหก ฉันอยากช่วยเด็กคนนั้นจริง ๆ”
“ไม่รู้หรอกว่าเด็กจะรอดไหม ฉันรู้แค่ว่าเราต้องพยายาม ต่อให้มีความหวังเพียงน้อยนิดก็เถอะ”
มู่เหย่ประหลาดใจ “เธอเป็นบ้าไปแล้วรึไง? ไม่เห็นเหรอว่าชาวบ้านพวกนี้ทำอะไรไว้บ้าง?”
“พ่อแม่ของพวกมันขี้โกง ลักพาตัวคนมาเรียกค่าไถ่ ออกปล้นผู้คน สิ่งที่เกิดขึ้นกับลูก ๆ ของพวกนั้นเป็นเรื่องสมควรแล้ว นี่คือการลงโทษจากสวรรค์!”
เจียงหว่านตอบกลับอย่างกังวล “แต่เขายังเป็นเด็ก เด็กไม่กี่ขวบจะไปรู้เรื่องอะไร”
มู่เหย่ตกตะลึง คำพูดสุดท้ายมันสะเทือนใจเขา ร่างกายของชายหนุ่มแข็งทื่อ ไม่มีใครรู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
แน่นอนว่าการสนทนาระหว่างทั้งสองคนช่วงแรกก็เบาอยู่หรอก แต่ช่วงประโยคสุดท้ายมันกลับดังมาก จนคนภายนอกได้ยินอย่างชัดเจน
ผู้หญิงด้านนอกมีแววตาแดงก่ำ
ส่วนใหญ่แล้วพวกผู้หญิงในหมู่บ้านถูกบีบบังคับข่มเหงให้กลายเป็นภรรยาด้วยหลากหลายเหตุผล
พวกเธอเกลียดชังผู้ชายเหล่านั้น แต่สุดท้ายแล้วเมื่อมีลูก ไม่ว่าจะเกลียดแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้!
เวลานี้การสนทนาระหว่างทั้งสองคนยิ่งทำให้พวกเธอสะเทือนใจ มือของเธอยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้น
ในโรงฟืน มู่เหย่กล่าวขึ้นทำลายความเงียบ “ปลดเชือกให้ฉัน เดี๋ยวฉันจะช่วย”
เจียงหว่านตกตะลึง เธอหันมองอีกฝ่ายด้วยแววตาลุ่มลึก
มู่เหย่คิดว่าเธอคงไม่เชื่อเขา กำลังคิดว่าจะโน้มน้าวเธอยังไงดี แต่ทันใดนั้นเจียงหว่านก็ก้าวมาด้านหน้า แก้เชือกออกให้
มู่เหย่เม้มปากเงียบ
หลังจากแก้เชือกแล้ว มู่เหย่บอกให้เจียงหว่านหลบไป เขามองหน้าต่างก่อนจะออกแรงถีบอย่างแรง
ด้านนอกหน้าต่างมีเพียงไม้กั้นไว้ไม่ได้ตอกตะปูปิด
แต่ถึงอย่างนั้น การถีบของเขาก็เพียงแค่ทำให้หน้าต่างสั่นไหว
เขาออกแรงอีกสองสามครั้ง และในที่สุดหน้าต่างก็เปิดออก
มู่เหย่ปีนออกหน้าต่างไป ก่อนจะวกกลับมาที่ประตู
“ทุกคน หลีกทางไปก่อน!”
เขาหยิบจอบจากมือของผู้หญิงคนหนึ่ง ใช้จอบสับตะปูบนไม้ แล้วงัดมันออกสุดแรง
ความจริงแล้วประตูนี้สามารถพังได้ง่ายดาย เพราะมีตะปูเพียงไม่กี่ตัว แต่เพราะผู้หญิงไม่รู้เรื่องพวกนี้ พวกเธอจึงทำได้เพียงแค่ทุบตีไม้ไปอย่างไร้ประโยชน์
เมื่อประตูถูกแงะออก เจียงหว่านก็ออกมาจากเพิง เธอวิ่งไปหาเด็กอย่างรวดเร็ว
เธอตรวจร่างกายของเสี่ยวสยงที่นอนอยู่ทันที โชคดีที่รูม่านตาของเด็กยังปกติ
หลังจากนั้นเธอก็เริ่มปั๊มหัวใจเด็กชาย แล้วผายปอด
ในยุคนี้การศึกษายังด้อยพัฒนามาก ผู้คนไม่ได้รับการอบรมในการช่วยเหลือชีวิตคน
การเคลื่อนไหวของเจียงหว่านดูคล่องแคล่ว ซึ่งจุดประกายความหวังในใจของผู้หญิงทุกคนรอบ ๆ ขึ้นมาอีกครั้ง
ขณะนั้นเอง เถาจื่อที่หมดสติไปก่อนหน้าก็ตื่นขึ้นมา
เธอลืมตาขึ้น และเห็นว่าเจียงหว่านกำลังกดศีรษะของเด็ก เธอจึงตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“นังอ้วน แกลอบทำร้ายฉันเหรอ แกกับฉันไม่จบง่าย ๆ แน่!”
“ฉันจะบอกให้ว่าเรื่องราวตอนนี้มันเกินกว่าจะคุยกันได้แล้ว ถ้าแกไม่เอาเงินสองสามพันหยวนมากอง…”
ก่อนเธอจะพูดจบ ก็มีไม้ฟาดลงที่ท้ายทอยของเธออีกครั้ง
ดวงตาของเถาจื่อปิดสนิท หมดสติไปอีกรอบ
ผู้หญิงที่อยู่ในลานไม่มีใครคิดสนใจเถาจื่อ พวกเธอกำลังจับจ้องเจียงหว่านที่กำลังช่วยเหลือเด็ก
เวลาผ่านไปสักพัก เด็กชายยังไม่ตอบสนองใด ๆ
เจียงหว่านเริ่มเหนื่อย และความเร็วของเธอก็เริ่มช้าลง
มู่เหย่จึงเดินเข้ามา “ฉันเอง เธอออกไปพักซะ!”
เจียงหว่านเหลือบมองเขา และเห็นความมุ่งมั่นในแววตาคู่นั้น