เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 209 มู่เหย่ถูกจับตัวอีกแล้ว มีเด็กจมน้ำ!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 209 มู่เหย่ถูกจับตัวอีกแล้ว มีเด็กจมน้ำ!
บทที่ 209 มู่เหย่ถูกจับตัวอีกแล้ว / มีเด็กจมน้ำ!
เพื่อที่จะให้พวกเธอหยุดสงสัย เจียงหว่านถอยหลังออกไปอย่างเชื่อฟังราวกับว่ายอมรับชะตากรรม
สองสาวที่จับตามองเจียงหว่าน คนหนึ่งชื่อต้าเจียว อีกคนชื่อเสี่ยวเจียว พวกเธอพอใจกับการกระทำของเจียงหว่านมาก
เสี่ยวเจียวที่ค่อนข้างจิตใจดี เธอลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้านเพื่อตักน้ำ
เจียงหว่านจึงลอบย่องออกห่างจากต้าเจียวลับ ๆ และวิ่งหนีทันทีเมื่ออีกฝ่ายเผลอ
ต้าเจียวรู้สึกประหลาดใจแต่ก็ไม่คิดสนใจ เธอพับแขนเสื้อขึ้นมองเจียงหว่านที่วิ่งออกไปด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
แน่นอนว่าเจียงหว่านกลับมาภายในไม่กี่นาทีหลังจากนั้น
ต้าเจียวหันมองแล้วถามเสียงดัง “ทำไมไม่หนีไปล่ะ?”
เจียงหว่านหัวเราะ “ฉันก็แค่ออกไปสูดอากาศ แต่หิวน้ำเลยกลับมา!”
ตอนนี้เสี่ยวเจียวกลับมาพร้อมกับน้ำในมือ เจียงหว่านจึงก้าวไปคว้าชามน้ำ และดื่มมันจนหมด
จากนั้นคืนชามให้กับเสี่ยวเจียวและเดินกลับมาที่เดิม
เธอยกประตูที่ล้มลงขึ้นมา และปิดมันจากด้านใน
ทันทีที่ทำทุกอย่างเสร็จ ก็มีคนเปิดเข้ามาจากด้านนอก มู่เหย่ที่ถูกมัดแน่นหนาถูกชายร่างใหญ่หลายคนโยนกลับเข้ามา
หลังจากชายร่างใหญ่ออกไปแล้ว เจียงหว่านก็แค่นเสียงเย้ยหยัน “หึ นี่หมูของใครเนี่ย ถูกมัดไว้แน่นเชียว!”
มู่เหย่ที่ถูกมัดแน่นหนาเงยหน้าขึ้นจ้องมองเจียงหว่านอย่างไม่สบอารมณ์ “เธอนี่ดูท่าจะชอบดูความโชคร้ายของคนอื่นนะ!”
เจียงหว่านพยักหน้ารับ “ใช่ ฉันชอบมาก นายน่ะสมควรโดนแล้วแหละ!”
มู่เหย่สบฟันแน่น ก่อนจะก้มมองดูเชือกบนร่างกาย “รีบแก้เชือกให้ฉันเลย!”
เจียงหว่านแบมือ “ไม่ได้ ๆ ถ้าหากพวกนั้นกลับมาจะเป็นยังไง ฉันจะไม่ถูกมัดไปด้วยรึไง?”
มู่เหย่หน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
เพียงห้านาที ก็มีผู้ชายหลายคนมุ่งหน้ามาที่ประตูพร้อมกับลูกกรงขนาดใหญ่ พวกเขาเอามันมาปิดประตูไว้อย่างแน่นหนา
เห็นอย่างนั้น มู่เหย่ก็ร้องออกมาด้วยความยินดี “ดี! ดูซิว่าเธอจะหนีไปได้ไหม!”
จากนั้นเขาหันมองหน้าต่าง “ส่วนฉันน่าจะหนีออกทางหน้าต่าง”
เจียงหว่านเย้ยหยัน “นายเคยออกทางหน้าต่างแล้วครั้งนึง คิดว่าพวกนั้นจะปล่อยให้นายไปอีกงั้นเหรอ?”
มู่เหย่เงียบ… อืม ใช่ ยัยนี่ก็พูดถูกแฮะ!
หลังจากนั้นไม่นาน หน้าต่างก็ถูกปิดสนิทด้วยเช่นกัน
ทั้งสองคนถึงกับหัวเราะไม่ออก พวกเขามองหน้ากันก่อนจะเบือนหน้าหนีไปคนละฝั่ง
เกลียดขี้หน้าชะมัด!
แต่จู่ ๆ มู่เหย่ก็ตะโกนขึ้นว่า “ประตูถูกปิดแน่น พวกมันคงไม่เข้ามาแล้วแหละ แก้เชือกให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
มันอึดอัดมากที่ต้องถูกมัดอย่างนี้
เจียงหว่านเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะกล่าวอย่างเย็นชา “ไม่! ห้องนี้มันแคบ แถมเรายังอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ถ้านายคิดทำเรื่องไม่ดีกับฉันล่ะ!”
มู่เหย่ถลึงตาทันที “หา? เธอเสียสติไปแล้วเหรอ ไปส่องกระจกดูตัวเองหน่อยไป๊ ต่อให้ฉันตาบอดหรือสติไม่สมประกอบ ฉันก็ไม่มีวันไปหลงผิดกับคนอย่างเธอหรอก หึ คิดได้ยังไงเนี่ย?”
“หรือต่อให้เธอมาแก้ผ้าต่อหน้า ฉันก็ไม่คิดสนใจ! เข้าใจไว้ด้วย!”
เจียงหว่านไม่ได้โกรธอะไร เพียงตอบกลับสบาย ๆ “เออ ปากอย่างนี้ก็อยู่อย่างนั้นไปแหละดีแล้ว!”
มู่เหย่แทบคลั่ง
แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนกำลัง ดูเหมือนว่าดวงตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า
ยิ่งใกล้ค่ำมากเท่าไหร่ เจียงหว่านยิ่งกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่เธอก็มั่นใจว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะมาช่วยเธอแน่นอน
ถึงอย่างนั้น ก็มีทหารเพียงไม่กี่คนในฟาร์ม และพวกเขาก็ยากจนมาก ใครกันจะมีเงินห้าร้อยหยวน?
พวกเขาไม่สามารถหาเงินจำนวนนั้นได้แน่นอน เธอจึงกังวลว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะบุ่มบ่ามมาที่นี่ อีกอย่างแขนของเขายังบาดเจ็บอยู่ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าแขนเขาได้รับความกระทบกระเทือนอีกครั้ง?
ทว่าเจียงหว่านไม่รู้ว่าคนพวกนี้ได้ส่งจดหมายไปขอเพิ่มอีกสามร้อยหยวน เงินที่เฉียวเหลียนเฉิงต้องหาในเวลานี้ไม่ใช่ห้าร้อยแต่เป็นแปดร้อยหยวน
ถ้าหากเธอรู้ เธอคงต้องสิ้นหวังมากแน่
ขณะกังวล พลันก็มีเสียงร้องดังขึ้นจากด้านนอก
“พ่อตา รีบมาดูเสี่ยวสยงเร็ว เสี่ยวสยงแย่แล้ว ช่วยเขาด้วย!”
ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น หลายคนก็วิ่งออกมา ทั้งหมู่บ้านกลายเป็นวุ่นวาย และเต็มไปด้วยคำถาม ส่วนผู้หญิงก็ร้องไห้ไม่หยุด
ท่ามกลางความวุ่นวาย เจียงหว่านได้ยินเสียงพูดคุยด้านนอก และพอจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คนที่พูดขึ้นเมื่อครู่น่าจะเป็นลูกสะใภ้ของหัวหน้าหมู่บ้าน เสี่ยวสยงเป็นลูกชายของเธอที่ไปเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ ตรงน้ำตก
และเด็กคนนั้นก็ลื่นตกน้ำโดยไม่ทันตั้งตัว
น้ำตกค่อนข้างลึก เด็ก ๆ ทุกคนว่ายน้ำเก่ง จึงไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นอะไร และเล่นน้ำต่อไปโดยไม่สนใจ
แต่เมื่อทุกคนเห็นว่าเด็กชายไม่กลับขึ้นมาเสียทีหลังผ่านไปเนิ่นนาน มันก็ช้าไปมากแล้ว
เด็กชายหมดสติไปขณะถูกช่วยขึ้นมา และเด็กที่โตสุดในหมู่บ้านเป็นคนอุ้มเขามาที่นี่
“ไปหาลุงฝูเถอะ เขารักษาได้!” ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้อีกครั้ง “ลุงฝูไม่อยู่ เขาขึ้นไปหาสมุนไพรทำยาบนภูเขาตั้งแต่เช้าแล้ว น่าจะไม่กลับมาในสามวันนี้หรอก!”
ทุกคนเงียบลงทันที
ในโรงฟืนเล็ก ๆ เจียงหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง
ที่ด้านนอก มีเด็กคนหนึ่งนอนอยู่บนโต๊ะหิน ดูเหมือนหายใจกระหืดกระหอบ
เจียงหว่านขมวดคิ้ว หากจมน้ำก็คงตายไปแล้ว ไม่น่าจะมีชีวิตรอดได้
แต่เธอได้ยินเด็กคนหนึ่งกล่าวว่าเสี่ยวสยงสามารถกลั้นหายใจได้นานมาก จึงไม่มีใครสนใจเขา
ถ้าหากว่าเด็กว่ายน้ำเก่งและกลั้นหายใจได้นาน แสดงว่าเขาอาจจะจมน้ำไม่นานนัก
นอกจากนี้สภาพของเด็กยังไม่เหมือนว่าตายแล้ว เพราะศพที่จมน้ำไม่อยู่ในสภาพนี้แน่นอน
อาจจะมีหวังอยู่…
ขณะที่กำลังครุ่นคิด หัวหน้าหมู่บ้านก็เดินเข้าไปหาเด็กชายพร้อมยื่นมือออกไปอังจมูก แล้วส่ายศีรษะ
“ไม่ทันแล้ว เขาตายแล้ว”
แม่ของเสี่ยวสยงทรุดตัวลงด้วยความเจ็บปวด เสียงคร่ำครวญดังลั่นทั่วลาน
ท่าทีของคนรอบ ๆ ก็โศกเศร้าด้วยเช่นกัน พวกเขาเองก็เจ็บปวดอย่างถึงที่สุด
ในโรงฟืน แม้ว่ามู่เหย่จะถูกมัดเอาไว้แต่เขาก็รับรู้ถึงสถานการณ์ภายนอกดี
ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ระงม ชายหนุ่มก็เย้ยหยันเสียงดัง “สมควร คนพวกนี้เอาเปรียบผู้คนที่เจอบนท้องถนน สมควรแล้วที่เจอเรื่องแบบนี้!”
“นี่คือบทลงโทษที่พระเจ้ามอบให้พวกมัน!”
เจียงหว่านเหลือบมองอีกฝ่าย แม้เธอจะเห็นด้วย แต่เธอเองก็ไม่คิดที่จะพูดออกมาอย่างโจ่งแจ้งแบบเขาหรอก
ผู้คนแยกย้ายกันไปเตรียมสิ่งของ มีคนเอาเสื่อมาเพื่อใช้ห่อตัวเด็ก เตรียมจะเอาไปโยนทิ้งในหุบเขา
ตามธรรมเนียมของหมู่บ้าน หากเด็กเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย จะต้องเอาเสื่อม้วนร่างกายไว้และโยนให้สัตว์ป่ากิน
ทว่าเวลานี้แม่ของเด็กยังไม่ยินยอม เธอทนไม่ได้ แม่เด็กกอดลูกชายไว้อย่างเสียสติ ไม่ยอมปล่อยตัวเขา
หัวหน้าหมู่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก จ้องมองด้วยความสับสน
ขณะเหตุการณ์กำลังวุ่นวาย ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เรียงความสนใจของทุกคน
“เดี๋ยวก่อน บางทีเด็กนั่นอาจจะยังไม่ตายก็ได้!”
ทุกคนตกตะลึง และแม่ของเด็กก็หยุดร้องไห้ เธอหันกลับมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะเห็นว่ามีมือยื่นออกจากหน้าต่างที่ปิดสนิทในโรงฟืนเล็ก ๆ
“เด็กคนนั้นอาจจะรอด ลองดูก่อนเถอะ!”
แม่ของเด็กถามออกมาอย่างโง่เขลา “เธอเป็นหมอเหรอ?”
เจียงหว่านส่ายหัว “ไม่ใช่ แต่ฉันรู้วิธีช่วยชีวิตคน อีกอย่างการช่วยคนจมน้ำไม่ได้ยากเลย แขนขาของเขายังมีเลือดไหลเวียน และผิวของเขาก็ไม่ได้ซีดเกินไป บางทีเราอาจจะช่วยเขาได้ถ้าไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปแบบนี้!”
“ให้ฉันลองได้ไหม!”