เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 207 เฉียวเหลียนเฉิงไปช่วยภรรยา!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 207 เฉียวเหลียนเฉิงไปช่วยภรรยา!
บทที่ 207 เฉียวเหลียนเฉิงไปช่วยภรรยา!
ท่าทีของหลี่จ้วงจ้วงแปลกเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าภรรยาของคุณจะทำให้ใครบางคนได้รับบาดเจ็บเลยถูกจับตัวไว้ เพราะเธอไม่มีค่ารักษาพยาบาล พวกนั้นเลยจะให้คุณเอาเงินไปไถ่ตัวเธอ!”
เฉียวเหลียนเฉิงนิ่ง
เรียกค่าไถ่?
ปัญหาคือเจียงหว่านมีเงินมากกว่าเขา คนพวกนั้นต้องเรียกเงินเท่าไหร่กัน ถึงขนาดที่เจียงหว่านยังจ่ายไม่ไหว!
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบไปสักพัก และพูดว่า “ฉันจะไปดู!”
หน้าประตูฟาร์ม คนที่มาส่งจดหมายเป็นชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมแขนกุด
ท่อนล่างสวมกางเกงขายาวสีดำ ขากางเกงใหญ่จนสามารถใส่ทั้งสองขาลงไปได้
เข็มขัดกางเกงสีแดงรอบเอวของเขาสะดุดตามาก มันถูกมัดเป็นปมพอดีเอว ส่วนปลายเข็มขัดที่เหลือก็ถูกปล่อยยาวลงมา
เฉียวเหลียนเฉิงเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ภรรยาของฉันอยู่ที่ไหน?”
ชายหนุ่มเหลือบมองเขา “ภรรยาของคุณหนักเท่าไหร่?”
เฉียวเหลียนเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า “ไม่รู้สิ น่าจะประมาณหนึ่งร้อย”
ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่ผิดคนแน่ คนอ้วนขนาดนั้นหายากมากในหมู่บ้านนี้”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เขาก็พูดต่อว่า “ภรรยาของคุณทุบตีลูกเขยในหมู่บ้านของเรา สามีของเถาจื่อ เธอไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้ เลยถูกคนของเราจับกุมไว้”
เฉียวเหลียนเฉิงถามด้วยสีหน้าเย็นชา “เหลืออีกเท่าไหร่ที่ต้องจ่าย?”
ชายหนุ่มพูดว่า “เหลืออีกแปดร้อย!”
เดิมทีเถาจื่อต้องการอีกห้าร้อย แต่ชายหนุ่มคนนี้ไม่ยอมส่งสารให้แบบฟรี ๆ เขาจึงเพิ่มอีกสามร้อย
หลังจากพูดอย่างนั้น โดยไม่รอคำตอบของเฉียวเหลียนเฉิง เขาก็หันหลังกลับ “เตรียมเงิน และเอาเงินไปไถ่ตัวคนของคุณที่หมู่บ้านเรา เรามาจากหมู่บ้านนายพราน!”
เขาจากไปโดยไม่หันกลับมามองอีก เพราะกลัวว่าจะถูกเล่นงานเข้า
เมื่อเขาจากไป หลี่จ้วงจ้วงที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ตกใจ “โอ้พระเจ้า! แปดร้อยหยวน แบบนี้ตีฉันให้ตายเลยดีกว่า!”
เสิ่นหรูเหมยรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน “ทำไมค่ารักษาพยาบาลมากมายขนาดนี้ คนพวกนี้มันเรียกค่าไถ่กันชัด ๆ เราต้องแจ้งตำรวจนะ!”
ทหารเสี่ยวไช่ส่ายหัว “ไม่ต้องหรอก!”
ทุกคนหันไปมองเขาพร้อมกัน
เสี่ยวไช่กล่าวว่า “ผมอยู่ที่นี่มาห้าหกปีแล้ว ผมเคยเจอเรื่องแบบนี้อยู่”
“หมู่บ้านนายพรานนั้นแข็งแกร่งมาก ชาวบ้านในนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอก”
“คุณไม่เห็นชุดที่เขาใส่เหรอ?”
เสิ่นหรูเหมยพยักหน้า “เห็นแล้ว ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง แต่พวกเขายังสวมเสื้อคลุมแบบเปิดไหล่อยู่เลย!”
เทียบกับเธอ ขนาดใส่เสื้อกันลมก็ยังรู้สึกหนาวอยู่
เสี่ยวไช่พูดต่อ “หมู่บ้านของพวกเขายากจนมาก เพราะพวกเขาปฏิเสธที่จะทำนา”
“ในสมัยแรก ๆ ก็หาเลี้ยงชีพด้วยการหาของป่า ล่าสัตว์เป็นอาหาร”
“ตอนนี้มีการปฏิรูปและเปิดประเทศ บางคนได้ออกไปผจญภัยบนภูเขาเพื่อหาของป่ามาขาย พวกเขาทำเงินจากตรงนั้น”
“คนในหมู่บ้านอยู่อย่างลำบากเพราะต้องปีนเขาและล่าสัตว์ตลอดทั้งปี บางคนไม่สวมเสื้อด้วยซ้ำ แม้จะเป็นในฤดูหนาว”
“แต่ถ้าคุณไปยุ่งกับพวกเขา พวกเขาก็จะขอเงินจำนวนมาก มีผู้คนมากมายที่เข้าไปแล้วไม่สามารถออกมาได้ พวกเขาต้องอยู่ในหมู่บ้านแล้วถูกจับแต่งงาน”
ทุกคนตกตะลึง ไม่คาดคิดว่าในสังคมสมัยใหม่จะยังมีสถานที่แบบนี้อีก
“ตำรวจท้องที่ไม่ทำอะไรบ้างเหรอ? พวกเขาไม่สนใจเลยรึไง?” หลี่จ้วงจ้วงถามด้วยความประหลาดใจ
เสี่ยวไช่ส่ายหัว
“เคยสน แต่ตอนนี้ไม่สนแล้ว พวกเขามีกำลังคนไม่เพียงพอ คนในหมู่บ้านล้วนแต่ทำตัวเป็นลิงอยู่บนภูเขา พอตำรวจเข้าไปในภูเขา คนพวกนี้ก็ซ่อนตัว และทุกครั้งพวกตำรวจก็จะไม่พบใครเลย”
“อีกอย่าง พวกเขาไม่ได้ทำผิดใหญ่หลวง มีแต่ความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะทำให้คุณรำคาญอยู่ตลอดเวลา แล้วสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้มันไม่คุ้มที่จะส่งคนจำนวนมากไปจัดการถึงบนภูเขา”
“ถึงจะโดนจับก็ไม่มีที่ขังหรอก โทษหนักสุดไม่ถึงห้าปีด้วยซ้ำ ส่วนมากที่โดนจับก็เป็นคนแก่และเด็ก แต่จะทำยังไงได้ล่ะ”
หลี่จ้วงจ้วงสับสนเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงดี แปดร้อยหยวน จะหาเงินมากมายขนาดนี้ในคราวเดียวได้ยังไง?”
”เงินมากมายขนาดนี้ต่อให้อดข้าวอดน้ำสองปีก็ยังเก็บไม่ได้เลย!”
“แต่ถ้าไม่ให้ ฉันกลัวว่าพี่สะใภ้จะตกอยู่ในอันตราย!”
เสิ่นหรูเหมยพูดอย่างหนักแน่น “ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีก็ต้องหามา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของพี่สะใภ้ ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันว่าเรามีเงินเท่าไหร่ และก็เอามารวมกัน จะได้เอาไปให้พวกนั้นไว ๆ”
เสี่ยวไช่พยักหน้าและกล่าวว่า “แต่เราให้เงินมากขนาดนั้นไม่ได้แน่ ๆ เราต้องต่อรองราคา”
“เท่าที่รู้มาคนในหมู่บ้านไม่กลัวตำรวจ”
“แต่พวกเขากลัวกองทัพ เพราะกองทัพมีคนจำนวนมากและมีทักษะที่ดี พวกนั้นเลยไม่กล้ายั่วยุทหาร”
“ไม่อย่างนั้น ให้ผู้อำนวยการฟาร์มเจรจากับหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อต่อรองราคา และเราถือโอกาสแอบเข้าไปพาพี่สะใภ้หนีออกมาดีไหม!”
ทุกคนคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี พวกเขาหันมองเฉียวเหลียนเฉิง รอให้เขาตัดสินใจ
เฉียวเหลียนเฉิงเม้มริมฝีปาก แล้วส่ายหัว “นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน และฉันจะปล่อยให้พวกนายมาเสี่ยงด้วยไม่ได้”
เขาหยุดพูกครู่หนึ่ง และหันมองผู้คนรอบตัว “พวกนายมีเงินติดตัวใช่ไหม? ให้ฉันยืมก่อน!”
ทุกคนพยักหน้า เสิ่นหรูเหมยพูดว่า “ฉันมีสองร้อยกว่า แต่มันอยู่ในบ้าน เดี๋ยวฉันไปเอาก่อน!”
หลี่จ้วงจ้วงยังกล่าวอีกว่า “ผมมีสามสิบหยวน”
“ยี่สิบแปดหยวน!”
“เจ็ดหยวน…”
ทุกคนต่างบอกว่ามีเงินในกระเป๋าเท่าไหร่ คนพวกนี้ล้วนเป็นทหารตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่มีเงินเดือน ถึงมีก็มีไม่มาก ไม่พอที่จะซื้อยาสูบด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะใช้เงินได้เท่าไหร่ในแต่ละวัน
เฉียวเหลียนเฉิงหยิบปากกากับกระดาษออกมาบันทึกจำนวนเงินที่ทุกคนให้หยิบยืม และสุดท้ายก็พูดว่า
“ฉันขอยืมแล้วจะจ่ายคืนทีหลังนะ”
“แต่เสี่ยวไช่ นายต้องนำทางฉันไป ฉันไม่รู้ว่าหมู่บ้านนายพรานอยู่ที่ไหน”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เขาก็พูดกับหลี่จ้วงจ้วง “ถ้าพรุ่งนี้ฉันไม่กลับมาก่อนมืด ให้ไปบอกเจียงเฉิง แล้วเขาจะจัดการเอง!”
หลี่จ้วงจ้วงรับปาก
เฉียวเหลียนเฉิงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และขอให้เสี่ยวไช่นำทางไปยังหมู่บ้านนายพรานบนภูเขา
หมู่บ้านนายพรานอยู่ระหว่างทางขึ้นภูเขา การเดินบนถนนบนภูเขาที่ไม่มีการบำรุงรักษานั้นค่อนข้างยากลำบาก
ด้านเจียงหว่าน เธอโดนมัดมือแล้วโดนบังคับให้เดินตามไป
แต่เธอไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ พยายามหลบหนีไปถึงสามครั้ง และเกือบจะกลิ้งตกลงไปตามไหล่เขา
พี่ชานเริ่มโกรธ เขายกไม้ในมือขึ้นตีเจียงว่านหลายครั้ง และในที่สุดเขาก็ตีก้นเธอ พร้อมกัดฟันแล้วพูดว่า
“เพราะสถานะของเธอยังช่วยเธอไว้ได้หรอกนะ ไม่อย่างนั้นขาทั้งสองข้างของเธอคงหักไปแล้ว”
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสับไม้มามัดติดกับหญิงสาว แล้วหามเธอขึ้นไปบนภูเขาพร้อมกับชายที่แข็งแกร่งอีกสองคน
มองดูแล้ว เหมือนการมัดหมูที่ตายแล้วไม่มีผิด
เมื่อพวกเขามาถึงหมู่บ้าน ทุกคนก็โยนเธอเข้าไปในโรงฟืนของบ้านหัวหน้าหมู่บ้านด้วยความรังเกียจ
แต่สิ่งที่เจียงหว่านไม่คาดคิดก็คือ เธอไม่ใช่คนเดียวที่ถูกพามา เพราะภายในนี้ยังมีชายคนหนึ่งนอนซุกตัวอยู่ด้วย
เมื่อเจียงหว่านถูกโยนเข้าไป เชือกในมือของเธอไม่ได้คลายออก เธอจึงถูกโยนลงไปที่พื้นพร้อมกับไม้ที่มัดติดอยู่กับตัว
เนื่องจากเสียงดังเกินไป มันจึงไปรบกวนคนที่กำลังนอนหลับอยู่
ชายคนนั้นคุดตัวลงและเพิกเฉย ยังคงหลับตาต่อไป
โรงฟืนมีขนาดไม่ใหญ่นัก พื้นที่ประมาณสิบตารางเมตร มีเศษซากไม้กองอยู่ในห้อง และมีหน้าต่างบานเล็กเปิดทิ้งไว้เพื่อระบายอากาศ
แต่หน้าต่างนี้เล็กไปหน่อย คนที่ขนาดตัวปกติยังพอสามารถปีนเข้าออกได้ แต่คนที่มีขนาดตัวเท่าเจียงหว่านไม่มีทางเลย
สำหรับผู้ชายที่นอนอยู่บนซากฟืนแห้ง เจียงหว่านมองดูอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ
ชายคนนี้อายุยังน้อย ใบหน้าสดใสและหล่อเหลา มีบางอย่างที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างอธิบายไม่ถูก เกี่ยวกับท่าทางที่เขาหลับตา
ชายหนุ่มรูปหล่อเยียวยาทุกสิ่งได้จริง ๆ
สิ่งที่ทำให้เจียงหว่านประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ ชุดที่เขาสวมใส่ เขาสวมเสื้อกันลมสีฟ้าอ่อนที่ทำจากผ้าขนสัตว์บาง ๆ
ผ้านี้หายาก และมีราคาแพงกว่าผ้าของชุดสูทที่หลินชิงโหรวมอบให้เธอเสียอีก
แค่เสื้อผ้าชิ้นนี้ก็ยืนยันได้แล้วว่า ผู้ชายคนนี้รวยและมีฐานะ
ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ถูกทิ้งไว้ที่นี่เหรอ?
เมื่อมองอย่างระมัดระวัง และพบว่าร่างกายของเขาไม่มีเครื่องพันธนาการนัก มีเพียงเท้าข้างเดียวเท่านั้นที่ถูกล่ามโซ่เหล็ก และอีกด้านของโซ่เหล็กก็ถูกล็อคเข้ากับผนังด้วยกุญแจขนาดใหญ่
“มองพอรึยัง” ดูเหมือนว่าชายคนนั้นจะรู้ตัวว่าเขากำลังถูกมองอยู่
เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น มองเจียงหว่าน
เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของเจียงหว่านอย่างชัดเจน เขาก็ยิ้ม “โอ้โฮ หมูอ้วนของบ้านไหนถูกโยนเข้ามาในนี้เนี่ย?”