เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 202 เรื่องของเฉียวเหลียนเฉิงถูกเปิดเผย
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 202 เรื่องของเฉียวเหลียนเฉิงถูกเปิดเผย
บทที่ 202 เรื่องของเฉียวเหลียนเฉิงถูกเปิดเผย
หลังถูกตี เฉียวเหลียนเย่ก็ร้องเอะอะโวยวาย เขาพยายามต่อสู้กลับหลายครั้ง
แต่เจียงหว่านเร็วเกินไป ก่อนจะได้ตอบโต้ เขาก็ถูกโจมตีอย่างแรงจนต้องร้องโหยหวนแล้ว
เฉียวเหลียนเย่เป็นแค่ลูกชายติดแม่ เขาอยู่กับแม่ตลอดเวลา ไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้
หลังถูกตีสองสามครั้ง เขาก็หมอบลงกับพื้น ยกมือกุมศีรษะ และร้องขอความเมตตาอย่างน่าสมเพช
“อ๊าก ผมผิดไปแล้ว ๆ พี่สะใภ้ ผมผิดไปแล้ว ยกโทษให้ผมด้วย!”
“ผมไม่เอาแล้ว ๆ ผมไม่สนใจแล้ว ถ้าจะตีก็ตีแม่ผมสิ แม่เป็นคนบอกให้เรามาค่ายทหาร แม่บอกว่าจะจัดการกับพี่ แล้วผมก็ปฏิเสธแม่ไม่ได้นี่!”
หลี่หงเหมยโกรธมากเมื่อเห็นว่าลูกชายขายเธอ
เฉียวเหลียนเย่คือลูกชายที่เธอให้กำเนิดแท้ ๆ แต่ดูเขาทำสิ พอเทียบกับเฉียวเหลียนเฉิงแล้วช่างแตกต่างจริง ๆ
หลี่หงเหมยมองเจียงหว่าน และหันไปขอความช่วยเหลือจากไป๋อวี้ซิ่วอย่างช่วยไม่ได้!
ไป๋อวี้ซิ่วขยิบตาให้เธอ บอกให้เธอแกล้งเวียนหัว
นี่เป็นแผนรับมือที่พวกเขาคิดไว้ เพราะฝีปากของเจียงหว่านร้ายกาจมาก และพวกเธอสู้ไม่ได้แน่นอน
ไป๋อวี้ซิ่วจึงแนะนำว่าให้หลี่หงเหมยแกล้งเป็นลม เพราะถ้าเธอเป็นลม ยังไงคนเป็นลูกก็ต้องหันมาสนใจ
ตอนนี้เมื่อไป๋อวี้ซิ่วขยิบตา หลี่หงเหมยก็จำได้ในที่สุด
หญิงชราหันไปขยิบตาให้เฉียวเหลียนเย่ต่ออีกทอด ส่งสัญญาณให้เขาเข้ามารับเธอ ก่อนจะแกล้งกลอกตา ทำตัวโงนเงน เอนตัวไปด้านหลังพร้อมที่จะเป็นลม
เฉียวเหลียนเย่ที่ได้รับสัญญาณ เขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาแม่ เพื่อจะเข้าไปรับแม่ที่กำลังทำท่าจะล้ม
แต่ลูกชายคนนี้โง่เกินไป เขาวิ่งทะเล่อทะล่า วางเท้าไม่ทั่นคง ทรงตัวไม่ดี และไถลล้มก่อนจะวิ่งไปถึงแม่เสียอีก
เฉียวเหลียนเย่เข้าไปรับไม่ทัน และไป๋อวี้ซิ่วก็อยู่ไกลเกินไป หลี่หงเหมยกะจะทิ้งตัวเต็มแรง ก็ล้มลงไปกับพื้นจริง ๆ
เมื่อล้มลงกับพื้นโดยไม่คาดคิด เธอก็ทรงตัวไม่อยู่ ทำให้หัวกระแทกอย่างจัง
“โอ๊ย!” เดิมทีเธอควรจะเป็นลมเงียบ ๆ แต่เพราะทุกอย่างผิดแผนไปเสียหมด และความเจ็บก็ทำให้กลั้นเสียงไว้ไม่อยู่
ตอนนี้จะแสร้งทำเป็นเวียนหัวต่อก็ไม่ได้แล้ว เธอจึงเปลี่ยนมากุมหัวที่กระแทก และกลิ้งไปกับพื้น
เฉียวเหลียนเย่รีบลุกขึ้นและวิ่งไปหาแม่ “ทำไมแม่ล้มเร็วขนาดนั้นเล่า ผมยังไม่ทันวิ่งมาเลยนะ”
“ตอนนี้ผมมาแล้ว แม่รีบแกล้งเป็นลมเร็ว ๆ”
เมื่อเห็นหลี่หงเหมยยังคงกุมศีรษะและคร่ำครวญ เขาก็อดไม่ได้ที่จะตีเธอ
“ผมกำลังพูดกับแม่อยู่นะ! แม่บ้าหรือเปล่าเนี่ย เป็นลมไปเร็ว ๆ”
หลี่หงเหมยกลอกตาไปมา และในที่สุดก็เป็นลมไป
ครั้งนี้ไม่ได้แกล้ง แต่เธอเป็นลมจริง ๆ เป็นลมเพราะความโกรธ!
ไป๋อวี้ซิ่วยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเอามือกุมขมับ เธอเริ่มไม่แน่ใจว่าควรให้น้องสาวแต่งงานกับไอ้คนงี่เง่านี่ไหม?
ครอบครัวเฉียวมีผู้ชายสามคน ผู้หญิงหนึ่งคน แต่เธอรู้สึกว่าอีกสามคนฉลาดกว่าลูกคนรองนี้มาก
ผู้ชายอะไรโง่ได้ขนาดนี้!
เจียงหว่านมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าก็มีความสุขมาก
เพราะสายตาและท่าทางของพวกหลี่หงเหมยแบบนี้แหละที่จะทำให้คนอื่นรู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่การแสดง
เจียงหว่านยืนดูเหตุการณ์ต่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า และพูดขึ้น
“เอาล่ะ ๆ พวกคุณไม่ได้อยากอยู่ที่นี่หรอกเหรอ? มากับฉันสิ ฉันจะช่วยหาที่อยู่ให้!”
ได้ยินคำพูดเจียงหว่าน เฉียวเหลียนเย่ดีใจมาก เขาทิ้งแม่ที่หมดสติไว้ตรงนั้น และลุกขึ้นยืนทันที
“จริงเหรอ? เราจะได้อยู่ในนี้ใช่ไหม? เราก็เป็นสมาชิกในครอบครัวของพี่เหลียนเฉิงเหมือนกัน เราก็อยู่ในนี้ได้ใช่ไหม!”
หลี่หงเหมยผู้น่าสงสาร แค่ลูกชายปล่อยให้หัวกระแทกครั้งนึงก็โกรธมากแล้ว ตอนนี้ยังถูกลูกชายโยนทิ้งจนหัวกระแทกพื้นครั้งที่สองอีก
เจียงหว่านที่อยู่ด้านข้างยังได้ยินเสียง ‘ปั้ก’ ชัดเจน
อู้ว…น่าจะเจ็บนะนั่น!
หญิงสาวอดขำไม่ได้ เธอมองไปที่ไป๋อวี้ซิ่ว ก่อนจะพูดยิ้ม ๆ “ไป๋อวี้ซิ่วมาดูแม่เลี้ยงของเธอสิ”
เจียงหว่านถอยออกไปหนึ่งก้าว เธอจะไม่แตะต้องอะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะมีโอกาสทำอะไรบ้า ๆ อีก!
ตอนนี้ไป๋อวี้ซิ่วหน้าบิดเบี้ยวด้วยความขุ่นเคือง เธอก่นด่าอยู่ในใจ… เป็นครอบครัวที่โง่เง่าซะจริง ๆ!
เธอจ้องเฉียวเหลียนเย่เขม็ง และรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อดูอาการ
คราวนี้หลี่หงเหมยเป็นลมหมดสติไปจริง ๆ ก็หัวของเธอกระแทกพื้นขนาดนั้น จะไม่หมดสติได้ยังไง?
โป๋อวี้ซิ่วกดดูชีพจรของหญิงชรา… อืม ยังเต้นอยู่
เจียงหว่านหันไปขอน้ำแก้วหนึ่งจากเสี่ยวหลัวที่อยู่ข้าง ๆ แล้วยื่นให้ไป๋อวี้ซิ่ว
“นี่น้ำเปล่า”
เจียงหว่านตั้งใจจะให้ไป๋อวี้ป้อนน้ำหลี่หงเหมย
เพราะเธอเห่าหอนมานานแล้ว บางทีอาจจะกระหายน้ำก็ได้!
กินน้ำให้ชื่นใจ จะได้ตื่นขึ้นมา
แต่หญิงสาวไม่คาดคิดว่าไป๋อวี้ซิ่วจะเป็นคนโหดร้ายขนาดนี้ เพราะเมื่ออีกฝ่ายหยิบแก้วไป หล่อนก็สาดน้ำใส่หลี่หงเหมยอย่างไม่ลังเล
แม้แต่เจียงหว่านก็รู้สึกประหลาดกับเหตุการณ์นี้
และผลที่ได้คือ หลี่หงเหมยสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้ว
เจียงหว่านมองไป๋อวี้ซิ่วที่ยังคงท่าทีสงบและอ่อนโยน เธอก็อดจะอุทานออกมาไม่ได้
“โฮ่” …ผู้หญิงคนนี้ ทั้งโหดเหี้ยมและมีไหวพริบจริง ๆ!
ในอนาคตดูเหมือนจะต้องระวังเธอให้มากขึ้นซะแล้ว!
หญิงชราตื่นขึ้นมาแล้ว แต่ก็ยังเวียนหัวอยู่เล็กน้อย เพราะเมื่อครู่หัวกระแทกอย่างหนัก
เจียงหว่านกอดอกมอง แล้วพูดอย่างเย็นชา “เอาล่ะ ตอนนี้คุณก็ตื่นแล้ว งั้นก็มากับฉัน ฉันจะจัดที่พักให้”
แม้หลี่หงเหมยจะเวียนหัว แต่เธอก็ต่อต้านอีกฝ่ายโดยสัญชาตญาณ “จะไปไหน ฉันอยากเจอเฉียวเหลียนเฉิง ฉันอยากเจอหัวหน้าของเขา”
”ฉันต้องการให้หัวหน้าของเขามาตัดสินเรื่องคราวนี้!”
หลี่หงเหมยยังคงปฏิเสธที่จะยอมแพ้ เจียงหว่านยิ้มเยาะ ก่อนจะหันไปถามเสี่ยวหลัว
“เสี่ยวหลัว บอกพวกเขาหน่อยสิว่าต้องปฏิบัติตามกระบวนการยังไง ถ้าจะรายงานสถานการณ์ต่อผู้บัญชาการในกองทัพน่ะ!”
เสี่ยวหลัวรีบตอบกลับ “ก่อนอื่นคุณต้องส่งใบคำร้องและรายงานสถานการณ์ไปยังองค์กรที่เกี่ยวข้อง หลังจากได้รับใบคำร้องแล้ว เบื้องบนจะส่งทีมสอบสวนลงมาสอบสวน!”
พอเสี่ยวหลัวพูดจบ เจียงหว่านก็กล่าวต่อ “สหาย งั้นบอกฉันที ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นหากเราสร้างปัญหาที่กองทัพ?”
คราวนี้เจียงหว่านถามทหารยามอีกคน
ทหารคนนี้มาใหม่ เจียงหว่านไม่เคยเห็นเขามาก่อน ดังนั้นจึงยากที่จะถามชื่อของเขาตอนนี้
แต่เธอก็ให้พวกเขาผลัดกันบอก เพราะกลัวว่าหลี่หงเหมยจะหาว่าเธอและเสี่ยวหลัวสมรู้ร่วมคิดกัน!
ทหารอีกคนก็ทราบกฎดี จึงตอบเสียงดังฟังชัด
และเมื่อพูดมาถึงเรื่องถูกส่งตัวไปสถานีตำรวจท้องที่เพื่อควบคุมตัว และจ่ายค่าปรับ
ท่าทีของหลี่หงเหมยกับอีกสองคนก็เปลี่ยนไป
เจียงหว่านเห็นอย่างนั้นจึงถามอย่างเย็นชา “ว่ายังไง ยังอยากสร้างปัญหาอยู่อีกไหม?”
”มันไม่ดีกว่าเหรอที่จะตามฉันไปหาที่ปักหลักก่อน”
ทั้งสามมองหน้ากัน และทุกคนก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้
เจียงหว่านหยุดพูดเรื่องไร้สาระ และพาพวกเขามุ่งหน้าไปที่ตำบล
“ค่ายทหารอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ ทำไมเราถึงต้องมาอยู่ที่นี่ล่ะ?” เฉียวเหลียนเย่มองไปที่บ้านในตำบลและรู้สึกไม่พอใจ
เมื่อมองดูผ่าน ๆ ตรงนี้เหมือนจะเป็นแค่บ้านแนวราบทั่ว ๆ ไป ต่างจากค่ายทหารที่เป็นอาคารสูงก่ออิฐฉายปูนดูสวยงาม
เจียงหว่านกล่าวว่า “พี่ชายของนายเตรียมที่นี่ไว้ให้ การจะยื่นเรื่องเข้าไปอาศัยในค่ายทหารมันยากมาก จึงจัดให้อยู่ที่นี่ได้เท่านั้น”
เจียงหว่านพูดเรื่องจริง เพราะข้าราชการหนึ่งคนสามารถยื่นคำร้องขอบ้านได้เพียงหลังเดียวเท่านั้น
บ้านในค่ายทหารของเฉียวเหลียนเฉิงตอนนี้เป็นของเขา เจียงหว่าน แล้วก็ผิงอัน ไม่มีทางที่เจียงหว่านจะยอมยกให้ใครง่าย ๆ
การยื่นคำร้องใด ๆ จะไม่ได้รับการอนุมัติ เว้นแต่ว่าเจียงหว่านจะเต็มใจอาศัยร่วมกับทั้งสามคนนี้
แน่นอนว่าเจียงหว่านไม่เต็มใจ!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในสามคนนี้ไม่มีใครเป็นคนดีสักคน และถ้าพวกเขาได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในลานบ้านทหาร พวกเขาต้องสร้างปัญหาแน่!
ตอนนั้นที่เฉียวเหลียนเฉิงกับเจียงหว่านออกจากโรงพยาบาล พวกเขาก็คุยเรื่องนี้กันบนรถไฟไว้แล้ว
หากพวกหลี่หงเหมยตามมา ก็จัดให้พวกเขาอาศัยอยู่ในตำบล
และนี่ไม่ใช่ลานบ้านที่เจียงหว่านอาศัยอยู่ เพียงแต่ก็อยู่ข้างกัน
เงินที่เจียงหว่านได้รับจากการตั้งแผงขายเนื้อตุ๋นในช่วงนี้เพียงพอจะซื้อบ้านที่เธออาศัยอยู่ รวมถึงลานบ้านด้านซ้ายและขวา
รอตอนที่มีทั้งเงินและเวลา เธอจะรื้อถอนบ้านทั้งสามหลังแล้วสร้างใหม่ทั้งหมด
บ้านในลานที่ให้พวกหลี่หงเหมยอยู่ก็ทำจากดินเช่นกัน แม้จะดูเก่ามาก แต่มันก็ได้รับการซ่อมแซมเป็นพิเศษ ไม่มีการรั่วซึมเมื่อฝนตกแน่นอน
แต่อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่นเลย
โชคดี บ้านของหลี่หงเหมยและครอบครัวที่อยู่กานซู่ไม่ได้มีสภาพดีไปกว่านี้มากนัก
บ้านเกิดของพวกเขาอยู่ห่างไกล มีไม่กี่คนที่เดินทางไปนอกหมู่บ้าน แถมการออกไปนั้นต้องผ่านทางลาดและต้องดินไกลมากจนเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด
แต่บ้านหลังนี้อยู่ในตัวตำบล มีผู้คนพลุกพล่าน และดูมีชีวิตชีวา
หลี่หงเหมยจึงค่อนข้างพอใจ
มีเพียงไป๋อวี้ซิ่วเท่านั้นที่ดูรังเกียจ
เธอมาที่นี่ วางแผนจะแต่งงานกับเฉียวเหลียนเฉิงเพราะเธอชอบเขา
และเนื่องจากตอนนี้เขาเป็นทหาร สวัสดิการของภรรยาทหารในกองทัพก็ต้องดีมาก
เธอต้องได้อาศัยอยู่ในบ้านของครอบครัวทหารสิ มาพักในที่แบบนี้จะทำให้พอใจได้ยังไง!
เจียงหว่านเห็นสีหน้าของทั้งสามคนจึงพูดว่า “อยู่ที่นี่จะมีโอกาสมากมายในการทำงานในตำบล พวกเธอสามารถหางานที่เหมาะกับตัวเองได้”
หลี่หงเหมยถามอย่างไม่พอใจ “แล้วเธออยู่ที่ไหน ไหนตกลงกันไว้ว่าจะให้เฉียวเหลียนเฉิงหางานให้ไม่ใช่เหรอ!”
เจียงหว่านหัวเราะเยาะ “ให้เฉียวเหลียนเฉิงหางานให้พวกคุณ? ลำพังตัวเขาเองยังไม่สามารถทำงานของตัวเองได้เลย!”
หลี่หงเหมยประหลาดใจ “เธอหมายความว่ายังไง? เขาอยู่ที่ไหน? ทำไมเขาไม่มาหาเรา?!”
ราวกับว่าหญิงชราเดาอะไรบางอย่างได้ เธอชี้ไปที่เจียงหว่าน แล้วตะโกน
“อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว เธอซ่อนเขาไว้สินะ เธอจงใจไม่ให้เราเจอเขา!”
“นังชั่ว เอาลูกชายของฉันคืนมานะ!”
หลี่หงเหมยจ้องมองอย่างโกรธเกรี้ยว ราวกับจะกลืนกินเจียงหว่านทั้งเป็น
เจียงหว่านหัวเราะเยาะ “หลี่หงเหมย เฉียวเหลียนเฉิงเป็นลูกแท้ ๆ ของคุณจริงหรือเปล่า? เขาถูกเก็บมาเลี้ยงรึเปล่าเนี่ย?!”
หลี่หงเหมยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอหลบสายตาอย่างมีพิรุธ และอารมณ์ก็เกรี้ยวกราดยิ่งขึ้น
“เธอกำลังพูดบ้าอะไร! ฉันให้กำเนิดเด็กคนนั้นหลังจากทำงานหนักมาสิบเดือน ฉันรอดพ้นจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิดเลยนะ! พอใจหรือยัง?!”
ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าได้รับคำแนะนำจากคนอื่นมาหรือเปล่า ก่อนหน้านี้ยังบอกว่าตดแล้วเฉียวเหลียนเฉิงก็หลุดออกมาอยู่เลย จู่ ๆ เธอก็ปรับเปลี่ยนเรื่องราวซะงั้น