เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 201 เฉียวเหลียนเย่คนโง่เง่า
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 201 เฉียวเหลียนเย่คนโง่เง่า
บทที่ 201 เฉียวเหลียนเย่คนโง่เง่า
ไป๋อวี้ซิ่วตะคอกด้วยความโกรธเมื่อได้ยินอย่างนั้น “รู้อะไรไหม ถ้าเกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ พี่ชายของนายก็จะเป็นข้าราชการไม่ได้แล้ว”
“ถ้าเขากลับบ้าน ใครจะส่งเงินให้นายใช้แต่ละเดือน!”
เมื่อเฉียวเหลียนเย่ได้ยิน ดวงตาของเขาก็ฉายแววตระหนก ไม่มีเงินไม่ได้นะ!
ไป๋อวี้ซิ่วพูดต่อ “ถึงนายจะไม่สนใจเรื่องเงิน แต่ถ้าเขากลับบ้าน เขาก็จะมาแย่งที่ดินกับนาย”
“ฉันได้ยินมาว่าที่ดินจะถูกแบ่งในช่วงปลายปีและจะถูกแบ่งเท่า ๆ กันแต่ละคน ถ้าเขากลับไป จะมีคนในครอบครัวของนายเพิ่มอีกคนหนึ่ง”
เฉียวเหลียนเย่ผู้โง่เขลา เขาไม่อยากจะคิดว่าถ้ามีคนเพิ่มอีกสักคนหนึ่ง และต้องแบ่งที่ดินให้จะเป็นยังไง แทนที่จะแบ่งกันเองแค่พวกเขา
แม้ไป๋อวี้ซิ่วจงใจให้คำแนะนำแบบผิด ๆ และเฉียวเหลียนเย่ก็เชื่อเธออย่างสนิทใจ โดยไม่เอะใจอะไรเลย
เขาพยักหน้าอย่างเร่งรีบและพูดว่า “ใช่ เธอพูดถูก ฉันจะไปบอกแม่เดี๋ยวนี้!”
เฉียวเหลียนเย่กำลังจะเดินไปหาแม่ แต่เขาเห็นทหารนายหนึ่งเดินกลับมาพร้อมกับเจียงหว่านเสียก่อน
เมื่อเห็นเจียงหว่านมาที่นี่ หลี่หงเหมยก็หยุดโวยวายโหวกเหวกทันที
เธอยืนขึ้น ตบฝุ่นบนร่างกาย แล้วตะคอกอย่างเดือดดาล
“นังสารเลว ลูกของฉันอยู่ไหน เรียกลูกฉันมาเดี๋ยวนี้!”
เจียงหว่านเดินออกมา เธอหยุดยืนที่หน้าประตู กอดอก แล้วถามว่า “คุณจะเรียกเขาออกมา เพื่อที่จะได้ฆ่าเขา และเอาเงินค่าทำศพของเขางั้นเหรอ”
หลี่หงเหมยชะงัก รู้สึกพูดไม่ออกทันที
เธออยากจะด่า แต่เมื่อเห็นท่าทางที่โกรธเกรี้ยวของเจียงหว่าน เธอก็นึกไปถึงภาพความรุนแรงของเจียงหว่านในวันนั้นทันที
หญิงชราหดคอกลัว จงใจก้าวถอยหลังเพื่อแสร้งทำท่าทางสงบเสงี่ยม
“เธอกำลังพูดไร้สาระอะไร นั่นลูกชายของฉันนะ ฉันแค่อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายของฉันเท่านั้นเอง!”
ไป๋อวี้ซิ่วที่อยู่ข้างหลังรู้สึกไม่พอใจ เลยเอาศอกแทงหลังเฉียวเหลียนเย่
เธอต้องการให้เฉียวเหลียนเย่เข้าไปคลี่คลายเรื่องราว
จุดประสงค์ของพวกเขาคือการมาหาเฉียวเหลียนเฉิง และทำให้เขาอนุญาตให้อยู่ต่อ มันคงไม่ดีเท่าไหร่หากจะใช้ไม้แข็งเกินไป
แต่ไป๋อวี้ซิ่วก็ลืมไปว่าเฉียวเหลียนเย่เป็นคนโง่คนหนึ่ง
เฉียวเหลียนเย่รีบวิ่งไปโดยไม่ลังเล ชี้ไปที่เจียงหว่านแล้วตะโกน
“ยัยชั่ว เธออยากตายรึไง นั่นพี่ชายของฉันนะ ถึงเขาตาย ค่างานศพเขาก็ต้องมอบให้กับครอบครัว มันไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ!”
“ฉันขอเตือนเธอไว้เลย ครอบครัวของเรายังไม่ยอมรับเธอเป็นลูกสะใภ้! ส่วนเจ้าพี่บ้านั่น เรียกมันออกมาซะ!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ใบหน้าอ่อนโยนของไป๋อวี้ซิ่วที่อยู่ข้างหลังก็เปลี่ยนเป็นมืดหม่นทันที
เจียงหว่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ หันไปมองทหารทั้งสองนายที่ยืนเฝ้าอยู่
“ได้ยินไหม รู้หรือยังว่าทำไมเราถึงทิ้งพวกเขาไว้ที่โรงพยาบาล”
เสี่ยวหลัวกับทหารยามอีกคนหนึ่งรู้สึกละอาย พวกเขาก็เข้าใจแล้ว ตอนนี้ทั้งสองจึงมองไปที่หลี่หงเหมยกับคนอื่น ๆ ด้วยสีหน้าดูถูก
จริง ๆ แล้วเจียงหว่านก็ไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับพวกเขาหรอกนะ
แต่เนื่องจากคนพวกนี้ทั้งร้องไห้ทั้งตะโกนอยู่ตรงหน้าประตูมานานแล้ว และเรื่องพวกนี้ต้องส่งผลเสียต่อเฉียวเหลียนเฉิงอย่างแน่นอน
ในสถานที่อย่างกองทัพ เงื่อนไขการทำงานและกฎระเบียบล้วนเข้มงวดมาก
ดังนั้นเจียงหว่านจึงพูดแบบนี้กับพวกเขา จุดประสงค์คือให้พวกเขาเข้าใจว่าทำไมพวกเธอถึงทิ้งทั้งสามคนนี้ไว้
เมื่อบรรลุจุดประสงค์แล้ว เจียงหว่านก็หันมองหลี่หงเหมย “ขอโทษนะ เห็นทีคงต้องทำให้พวกคุณผิดหวัง”
“เฉียวเหลียนเฉิงยังไม่ตาย และถึงยังไงพวกคุณก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับค่าทำศพ”
“ไม่ว่าคุณจะยอมรับฉันรึเปล่า แต่ยังไงฉันก็เป็นภรรยาของเฉียวเหลียนเฉิง เป็นครอบครัวโดยตรง ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าตอนนั้นฉันไม่ได้อาการสาหัสเหมือนกัน พวกคุณคิดว่าโรงพยาบาลจะแจ้งพวกคุณไหม?”
หลี่หงเหมยหน้าแดงก่ำ เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถเอาชนะเจียงหว่านได้ จึงตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง
“ฉันไม่สน เธอไปพาลูกชายฉันออกมา ฉันจะถามเขาเองว่านี่คือวิธีที่เขาตอบแทนฉันเหรอ? ในขณะที่ฉันยอมเสี่ยงชีวิตและเลี้ยงดูเขาด้วยความยากลำบากมาตลอดแท้ ๆ นี่เหรอคือสิ่งที่เขาตอบแทน?”
เจียงหว่านตะโกนออกมาเสียงสูง และพูดด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“คุณบอกว่าคุณเหนื่อยแทบตายเพื่อให้กำเนิดเขาเรอะ?”
“หึ คงไม่ใช่มั้ง ก่อนหน้านี้คุณบอกว่า คุณคลอดเขาได้ง่าย ๆ เลยนี่ แค่ตดตอนทำงานอยู่ในทุ่งนาเฉียวเหลียนเฉิงก็หลุดออกมาแล้ว”
“อ้อ แล้วฉันไม่ใช่คนเดียวที่คุณบอกเรื่องนี้นะ ดูเหมือนว่าทุกคนในหมู่บ้านของคุณก็รู้เรื่องนี้กันหมดนี่!”
”จะพูดว่ายังไงดีล่ะ ความทรมานลำบากลำบนและพยายามอย่างสิ้นหวังของคุณนี่มันดูง่ายเหลือเกินนะ!”
“ดูเหมือนว่าชีวิตของคุณนี่ไร้ค่าจริง ๆ!”
“ไร้ราคา!”
เสี่ยวหลัวกับทหารยามอีกคนอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ แต่ก็พยายามกลั้นไว้
ส่วนเฉียวเหลียนเย่กับไป๋อวี้ซิ่วที่อยู่ข้างหลังก็ได้แต่ยืนเงียบ อายเกินกว่าจะพูดอะไร
เจียงหว่านพูดต่อ “คุณบอกว่าคุณทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูเขาใช่ไหม?”
“นั่นไม่จริงเลย! ฉันได้ยินมาว่าพอเขาเกิดมาคุณก็ไม่ยอมให้เขากินนมของคุณ เป็นคุณย่าของเขาต่างหากที่ซื้อนมแพะมาเลี้ยงดูจนเขาโตมาได้ขนาดนี้”
“ว่ากันว่านมแพะหายากในฤดูหนาว คุณย่าจึงต้องต้มมันด้วยตัวเอง แล้วค่อยป้อนให้เฉียวเหลียนเฉิงดื่ม”
“เฉียวเหลียนเฉิงเริ่มช่วยย่าทำอาหารตอนเขาเพิ่งอายุได้ห้าหกขวบเท่านั้นเอง ต่อมาเมื่อคุณย่าจากไป เขาก็รับหน้าที่ทำงานบ้านทั้งหมด”
“คุณเป็นคนทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูเขา หรือเป็นเขากันแน่ที่ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวของคุณ?!”
หลี่หงเหมยพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นสีแดงเดี๋ยวเปลี่ยนเป็นสีขาว ดูน่าเกลียดมาก หญิงชราหมดหนทางตอบโต้ เธอจึงนั่งลงกับพื้น และเริ่มคร่ำครวญอีกครั้ง
“โถ่ ดูสิ ๆ ไม่ต้องอยู่กันแล้ว ลูกชายที่ฉันเลี้ยงมากับมือไม่ต้องการแม่แล้ว เขาแค่อยากไปแต่งงานกับเมีย!”
เธอรู้ว่าไม่สามารถเอาชนะเจียงหว่านได้ จึงทำได้แค่ก่อความวุ่นวาย
เธอยังคงไม่เชื่อว่า ยัยอ้วนจะกล้าจะทำอะไรเธอทั้ง ๆ ที่อยู่หน้าประตูค่ายทหารแบบนี้!
หลี่หงเหมยรู้สึกมั่นใจในความคิดนี้
แต่สิ่งที่หญิงชราไม่เคยคาดคิดก็คือ ในแง่ของความกล้า เธอด้อยกว่าเจียงหว่านมาก
เมื่อหลี่หงเหมยเริ่มกลิ้งไปมาและแสดงละคร เจียงหว่านก็รีบวิ่งเข้ามา ก่อนจะเงื้อมือตบเธอทันที
เพียะ!
เสียงชัดเจนและก้องกังวาน
หลี่หงเหมยรู้สึกแสบร้อนและเจ็บปวดใบหน้าไปทั้งซีก “แก แกกล้าตบฉัน”
“ทุกคนมาดูสิ ลูกสะใภ้กำลังทุบตีแม่สามีแล้ว!”
“เธอทุบตีแม่สามีหน้าทางเข้าค่ายทหาร!”
เจียงหว่านยิ้มเยาะ เธอดึงไม้นวดแป้งออกมา ไม้นี้ใหญ่มาก แต่เธอก็กล้าฟาดมันใส่หลี่หงเหมยอย่างไม่ลังเล
เธอทุบตีพลางตะโกนไปด้วย
“หึ ทำไมคุณไม่ถามพวกเขาเรื่องวีรกรรมของฉันล่ะ? ฉันคือเจียงหว่านที่ดูเหมือนรังแกได้ง่าย ๆ รึไง?”
“ชื่อเสียงของฉันแพร่กระจายไปทั่วค่ายทหารแล้ว จะมาใส่ใจเรื่องของคุณไปทำไม!”
“ตะโกนออกมา โวยวายออกมาเลย เห่าออกมา เห่าต่อสิ!”
“ถ้าคุณกล้ามาถึงค่ายทหารและทำตัวเหมือนคนโง่แบบนี้ ฉันก็จะปล่อยให้คุณทำ!”
หลี่หงเหมยทนไม่ไหวอีกต่อไป หล่อนกระโดดไปหลบอยู่ข้างหลังลูกชายคนรอง
เฉียวเหลียนเย่กลัวมากจนแทบบ้า “แม่ แม่มาหลบหลังผมแล้วมันจะได้อะไรล่ะ!”
หลี่หงเหมยตะโกนลั่น “แกเป็นลูกชายของฉัน แกต้องปกป้องแม่ตัวเองสิ!”
เฉียวเหลียนเย่กำลังจะเดินไปข้างหน้า หวังจะแย่งไม้ในมือเจียงหว่านมา
แต่ดูเหมือนเขาจะประเมินเจียงหว่านต่ำเกินไป เพราะก่อนจะได้คว้าไม้ เจียงหว่านก็เตะเขาออกไปสะก่อน
เฉียวเหลียนเย่เคยชินกับความเกียจคร้านและรักสบาย ทำงานด้วยการคดโกง ไม่เคยต้องออกแรงหนัก ๆ
เมื่อเจียงหว่านเตะเข้าที่หลังของเขา
เฉียวเหลียนเย่ก็โซเซหลัง และก่อนจะทรงตัวได้ ไม้นวดแป้งก็ทุบตามลงมาบนศีรษะและใบหน้าของเขา