เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 200 หลี่หงเหมยมาถึงแล้ว!
- Home
- All Mangas
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 200 หลี่หงเหมยมาถึงแล้ว!
บทที่ 200 หลี่หงเหมยมาถึงแล้ว!
มีแค่คู่บ่าวสาวที่แต่งงานในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้นที่จะซื้ออะไรแบบนี้ได้
และจะต้องเป็นเศรษฐีที่ฐานะทางครอบครัวดีมาก ๆ ด้วย
แต่หลินชิงโหรวกลับมอบสิ่งนี้ให้กับเจียงหว่าน มันทำให้เจียงหว่านรู้สึกสับสน
เจียงหว่านกล่าวว่า “ชิงโหรว นี่อะไรเนี่ย? บอกฉันมาตรง ๆ เถอะ ไม่ต้องเกรงใจ!”
หลินชิงโหรวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และพูดด้วยความเขินอาย “พอเห็นเธอเป็นแบบอย่าง ฉันก็เลยตัดสินใจจะหาเงินจากการทำเสื้อผ้าให้กับคนอื่น”
”ครั้งที่แล้วเธอให้แบบฉันมา ฉันเลยลองทำมันอีกสองสามตัว และก็ขายดีมาก”
”ฉันเลียนแบบเก่ง แต่ไม่สร้างสรรค์ เลยอยากลองดูว่าเธอจะช่วยฉันออกแบบได้ไหม เผื่อเราจะร่วมมือกันทำเงินแล้วเอามาแบ่งกันได้”
เจียงหว่านเข้าใจขึ้นมาแล้ว “คุณทำได้แน่นอน!”
“แต่คุณจะทำทีละชุดหรืออยากผลิตทีละเยอะ ๆ ล่ะ?”
หลินชิงโหรวขมวดคิ้ว และพูดว่า “เราไม่มีเงินมากถึงขนาดที่จะทำเยอะ ๆ แบบนั้นหรอก ทำได้แค่ทีละชุดสองชุดเท่านั้นแหละ”
”ฉันแค่อยากหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวของฉัน”
“ทุกวันนี้ฉันไม่ได้ต้องการตั๋วมากขนาดนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเงิน แต่เงินเดือนของฉันก็ไม่ได้ดีเท่าพนักงานแนวหน้าด้วยซ้ำ”
“ฉันทนรอจนอดตายไม่ได้”
”ดังนั้น…”
เจียงหว่านพยักหน้า “ฉันเข้าใจ ฉันจะขอให้ผิงอันวาดรูปให้ แล้วคุณเอาไปใช้ก่อนก็ได้”
หลินชิงโหรวดีใจมาก
ก่อนออกเดินทาง เจียงหว่านยังยื่นเงินหกสิบหยวนให้เธอด้วย “เอาเงินนี้ไป มันอาจจะไม่พอสำหรับค่าผ้า แต่ตอนนี้ฉันมีเงินเหลืออยู่แค่นี้ ไว้ฉันไปหาเหล่าเฉียวแล้วจะเอาเงินมาให้คุณนะ”
หลินชิงโหรวโบกมืออย่างเร่งรีบ “ไม่ ๆ ที่ฉันทำเงินได้ตั้งมากมายก็เพราะแบบที่เธอให้ฉันไว้ต่างหาก ชุดนี้ฉันให้ เธอเอาไปเถอะนะ”
เจียงหว่านรู้สึกประหลาดใจ เธอทำเงินได้มากขนาดนั้นเลยเหรอ?
หลังจากหลินชิงโหรวจากไป เจียงหว่านก็ลองสวมเสื้อผ้า และพบว่ามันพอดีกับเธออย่างไร้ที่ติ
แต่เธออ้วน เสื้อผ้ามันจึงเทอะทะเกินไป ดูน่าเกลียดมาก!
เฮ้อ! คงต้องลดน้ำหนักกันต่อไป!
เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนที่เจียงหว่านจะตื่น ผิงอันก็ไปโรงเรียนrihv,กับเถียนเถียน ตงเซิง และเด็กคนอื่น ๆ จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับอันตราย
เวลาประมาณแปดโมงเช้า เจียงหว่านก็ส่งภาพออกแบบชุดสองแบบที่เธอวาดร่วมกับผิงอันเมื่อคืนนี้ให้หลินชิงโหรว และยังให้คำอธิบายกำกับไปด้วย
พอกลับมาเก็บของ และกำลังจะออกไปข้างนอก ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีก
“พี่สะใภ้ อยู่บ้านรึเปล่า”
เจียงหว่านเปิดประตู เธอก็เห็นเสี่ยวหลัวจากทีมลาดตระเวน!
เสี่ยวหลัวกล่าวว่า “พี่สะใภ้ออกไปดูหน่อยสิ มีคนประมาณสองสามคนอ้างว่าเป็นคนในครอบครัวหัวหน้าเฉียว กำลังขวางทางเข้าค่ายทหาร ก่อความวุ่นวายไปหมดเลย!”
เจียงหว่านขมวดคิ้วราวกับว่ากำลังนึกอะไรบางอย่าง แล้วถามว่า
“สองสามคนเหรอ?”
เสี่ยวหลัวตอบว่า “สามคน ๆ เป็นผู้ชายหนึ่ง และผู้หญิงสอง”
หัวใจของเจียงหว่านเต้นรัว “ผู้หญิงคนนั้นนามสกุลหลี่แล้วอ้างว่าเป็นแม่ของเฉียวเหลียนเฉิงหรือเปล่า?”
เมื่อเห็นเสี่ยวหลัวพยักหน้า เจียงหว่านก็ยกยิ้ม
ว้าว! หลี่หงเหมยตามพวกเธอมาจริง ๆ ด้วย!
หลังจากครุ่นคิด เจียงหว่านก็ถามว่า “ตามกฎระเบียบ เราจะจัดการกับคนที่มาสร้างปัญหายังไง”
เสี่ยวหลัวเกาหัวแกรก ๆ “ก็จะเอาตัวไปขังเพื่อสอบสวน หลังจากสอบสวน เขาจะถูกปรับ หรือส่งไปยังสถานีตำรวจท้องที่เพื่อควบคุมตัว และก็มีมาตรการอื่น ๆ ตามสถานการณ์!”
“ถ้าสถานการณ์ร้ายแรง บันทึกคดีจะถูกเก็บเข้าแฟ้ม”
“แต่ผลกระทบจะเป็นวงกว้าง และทำลายชื่อเสียงของหัวหน้ากองพันเฉียวนะ!”
เจียงหว่านถอนหายใจ ใช่แล้ว หากเป็นที่อื่นเธอคงไม่สนใจ แต่ถ้าความวุ่นวายในค่ายทหารยังคงดำเนินต่อไปแบบนี้ เฉียวเหลียนเฉิงจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
“นำทางไป!”
ในเมื่อพวกเขามาหาถึงที่นี่ เธอก็ต้องแก้ปัญหา
อีกอย่าง เธอต้องรู้ให้ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเฉียวเหลียนเฉิงและหลี่หงเหมยคืออะไรกันแน่
แต่เราไม่สามารถตรวจ DNA ได้ในขณะนี้ ทำได้เพียงหาทางออกอื่น และครั้งนี้พวกเขามาโผล่ที่หน้าประตูก็ไม่เป็นไรหรอก
หน้าค่ายทหาร หลี่หงเหมยนั่งอยู่บนพื้นไม่สนว่าจะสกปรกหรือไม่ และตะโกนลั่น
“ตายแล้ว ๆ ทุกคน มาดูสิ ทำไมแม่อย่างฉันถึงมีชีวิตที่ยากลำบากขนาดนี้ ฉันเสี่ยงชีวิตให้กำเนิดลูกชายมา ผ่านความยากลำบากมามากมายเพื่อเลี้ยงดูเขา”
“ตอนนี้เขาเป็นข้าราชการแล้วแท้ ๆ พอมีเมียก็ไม่ต้องการแม่อีกแล้ว”
“พอรู้ว่าเขาบาดเจ็บฉันก็รีบมาดู แม้จะกังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลก็เถอะ แต่นี่อะไรกัน? พอเขาหายดีเขาก็วิ่งหนีไปเฉยเลย”
“เขาทิ้งฉันและน้องชายไว้ที่โรงพยาบาล พวกคุณบอกฉันทีสิว่าทำไมฉันถึงให้กำเนิดไอ้หมาป่าตาขาวแบบนี้!”
หลี่หงเหมยร้องไห้อย่างช้ำใจ
แต่น่าเสียดาย สถานที่นี้คือค่ายทหาร จึงไม่ได้มีผู้คนมากมายแบบในตำบล
และแม้ว่าจะร้องไห้ ก็มีเพียงนายทหารยืนเฝ้าอยู่เพียงคนเดียว และทหารผู้นี้ก็ยังคงมองไปข้างหน้า ไม่แม้แต่จะชายตามองด้วยซ้ำ
ไม่มีใครอื่นที่จะมามุงดูเธอร้องไห้และเห็นใจ
ทว่าหลี่หงเหมยไม่สนใจ หล่อนยังคงร้องไห้ต่อไป
เฉียวเหลียนเย่มองสถานการณ์ แล้วถามไป๋อวี้ซิ่วอย่างกังวล
“พี่สะใภ้ดูสิ ที่นี่ไม่มีคนเลย แม่ร้องไห้แบบนี้มันจะได้เรื่องไหมเนี่ย?”
ไป๋อวี้ซิ่วขมวดคิ้วตอบกลับ “นี่เป็นค่ายทหาร และพวกทหารก็อยู่ข้างในหมด! แม่มาตะโกนอยู่แบบนี้ก็ไม่ได้เรื่องหรอก!”
เฉียวเหลียนเย่พูดอย่างวิตกกังวล “แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ แบบนี้ ถึงแม่จะร้องไห้จนตาย ก็ไม่มีใครออกมาแน่!”
ไป๋อวี้ซิ่วพูดเบา ๆ “ไม่เป็นไร ค่ายทหารใหญ่ขนาดนี้คงไม่ปล่อยให้เรามาก่อความวุ่นวายอยู่นานหรอก ที่ไม่เห็นมีใครวิ่งออกมาตอนนี้ แสดงว่าเขาต้องไปตามหาพวกเบื้องบนอยู่แน่!”
เฉียวเหลียนเย่พูดต่อ “เขาจะออกมาจริง ๆ เหรอ?”
ไป๋อวี้ซิ่วพึมพำ เหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่างได้ จึงรีบกระซิบ
“ถ้าพวกเบื้องบนออกมา นายต้องทำข้อตกลงกับแม่ ให้แม่โยนความผิดทั้งหมดให้ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่บอกว่าเฉียวเหลียนเฉิงไม่ต้องการเรา!”
เฉียวเหลียนเย่งงงวย “ทำไมล่ะ ก็ถ้าพี่ไม่เห็นด้วย ยัยอ้วนนั่นจะทิ้งเราไว้แบบนี้ได้ยังไง”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ เฉียวเหลียนเย่ก็โกรธมาก พวกเขาไม่ใช่แค่ไม่มีเงิน การที่เฉียวเหลียนเฉิงทิ้งพวกเขาไว้และวิ่งหนีไป มันทำให้พวกเขาอดอยากอยู่หลายวัน จนเกือบต้องไปขอทานบนถนนแล้ว
ตอนนั้นพวกเขาไม่รู้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงสังกัดอยู่ในกองทัพไหน และผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ปฏิเสธที่จะบอกอีก
ด้วยความสิ้นหวัง ไป๋อวี้ซิ่วก็จำขึ้นมาได้ว่า คนที่ไปรับพวกเขาดูเหมือนจะชื่อเจียงเฉิง
ถ้าถามอะไรเกี่ยวกับเฉียวเหลียนเฉิง ก็จะไม่มีใครยอมบอก
เธอจึงปลอมตัว และไปสอบถามเรื่องของเจียงเฉิง
คนที่รู้จักเจียงเฉิงถามไป๋อวี้ซิ่วว่าเธอเป็นใคร เธอเลยโกหกว่า เธอนามสกุลเจียง และเป็นน้องสาวของเจียงเฉิง แต่เธอขาดการติดต่อกับพี่ชายไป และหาพี่ชายไม่พบ
เพราะในปัจจุบันการสื่อสารยังไม่ได้รับการพัฒนา และโทรศัพท์ก็ใช้ได้แค่บางพื้นที่เท่านั้น
คำโกหกของไป๋อวี้ซิ่วที่บอกว่าพี่ชายขาดการติดต่อไป และเธอหาเขาไม่เจอ จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผล!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ก็มีผู้มีน้ำใจช่วยกันหารถไปที่เขตทหาร แล้วให้พวกเขานั่งรถมา
ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะมาที่นี่ได้ยังไง!
อย่างไรก็ตาม เจียงเสวี่ยก็อาศัยอยู่ในค่ายทหารมาหลายปี จนเจ้าหน้าที่ของที่นี่จำได้ว่านี่ไม่ใช่น้องสาวของเจียงเฉิง
เป็นผลให้พวกเขาถูกกันไว้ตรงหน้าประตู และห้ามไม่ให้เข้าไป
เมื่อหลี่หงเหมยเห็นว่าคำโกหกของพวกเธอถูกจับได้ และนี่คือค่ายทหารที่เฉียวเหลียนเฉิงสังกัดอยู่จริง ๆ เธอก็นั่งลงบนพื้น แล้วเริ่มส่งเสียงเห่าหอน!
พอคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว เฉียวเหลียนเย่จะไม่โอดครวญได้อย่างไร
เขาหวังว่าทุกคนจะรับรู้เกี่ยวกับการกระทำอันชั่วร้ายของเฉียวเหลียนเฉิง ต้องให้ชื่อเสียงของพี่ถูกทำลายเท่านั้น ถึงจะช่วยบรรเทาความเกลียดชังในใจได้!